ตอนที่ 178

เสน่ห์คมดาบ

ยามค่ำคืนเยือกเย็นราวกับน้ำ 

 

 

เมืองชิงเฉวียนเงียบสงบ 

 

 

ในทะเลทราบมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างอุณหภูมิในตอนกลางวันและกลางคืนยามค่ำคืนหนาวเย็นนั้นไม่มีใครในทะเลทรายคิดจะออกมาข้างนอก 

 

 

ร้านขายอาวุธในเมืองชิงเฉวียนยังคงมีแสงสลัวลอดออกมา 

 

 

เถ้าแก่นั่งพิงโต๊ะอย่างง่วงๆ 

 

 

ประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา เถ้าแก่ค่อยๆ ลืมตาและยืนขึ้น 

 

 

ไม่ต้องพูดอะไรมาก เถ้าแก่หยิบเสื้อคลุมที่แขวนอยู่ข้างๆ แล้วสวมเบาๆ “เชิญตามข้ามา” 

 

 

หลงซ่าซือขมวดคิ้ว มองการกระทำของเถ้าแก่ตรงหน้าเขารอยยิ้มสดใสและมั่นใจของหญิงสาวปรากฏขึ้นในหัวของเขา นางแน่ใจขนาดนั้นเลยหรือว่าตนเองจะมา 

 

 

เถ้าแก่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ หลงซ่าซือเหล่ตามองตามฝีเท้าของเถ้าแก่ ในใจรู้สึกอึ้งเถ้าแก่ที่ดูเหมือนธรรมดาคนนี้แท้จริงเป็นคนแข็งแกร่ง เมื่อไหร่กันที่มีคนฝีมือดีเช่นนี้ในสถานที่เล็กๆ เช่นเมืองชิงเฉวียนนี้? 

 

 

เถ้าแก่พาหลงซ่าซือไปยังบ้านหินธรรมดาและพูดด้วยท่าทางยินดี “ข้ามีหน้าที่พาท่านมาที่นี่เท่านั้น” 

 

 

หลังจากนั้นเถ้าแก่ก็หันกลับไป 

 

 

ประตูบ้านเปิดออก หญิงร่างท้วมคนหนึ่งก็ออกมาต้อนรับ “เชิญค่ะ” 

 

 

หลงซ่าซือลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไป 

 

 

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือก้าวของเขาจะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของโยซาลี่! 

 

 

หลงซ่าซือเดินตามหญิงอ้วนไปที่ตู้ในห้องด้านหลังหญิงอ้วนเปิดประตูตู้อย่างชำนาญและอากาศเย็นๆ ก็ปะทะเข้ากับใบหน้า 

 

 

“เชิญค่ะ คุณหนูกำลังรอท่านอยู่ด้านล่าง”ลู่ย่าพูด 

 

 

หลงซ่าซือไม่ลังเลก้าวเท้าขึ้นเดินไปตามทางเดินข้ามผ่านทางยาวเหยียดและมาถึงห้องโถงที่มีแสงสว่างจ้า 

 

 

มีโต๊ะยาวอยู่ตรงกลางห้องโถงและคนที่นั่งด้านบนคือหญิงสาวงดงามหาใดเปรียบที่เจอตอนกลางวัน คนที่นั่งอยู่สองข้างของหญิงสาวเป็นชายหนุ่มรูปงาม ทางขวาคือชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงที่เหล่มองเขาเล็กน้อย ทางด้านซ้ายคือชายหนุ่มหน้าตาเฉยเมยดวงตาสีม่วงและผมสีเงิน ด้านหลังหญิงสาวมีชายสองคนที่หน้าตาเหมือนกันและหนึ่งในนั้นถือกาน้ำชาไว้ในมือ ส่วนอีกคนเอียงหัวมองเขา 

 

 

“เชิญนั่งลง” ชีอ้าวชวางยิ้มและมองไปที่ชายตรงหน้า 

 

 

หลงซ่าซือขมวดคิ้วเล็กน้อยท่าทางที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนว่าหญิงผู้นี้จะคาดไว้แล้วว่าตนเองจะมา ตัวตนของนางคืออะไรหันแน่? ยิ่งไปกว่านั้นนางได้ทำการสืบทั้งหมดของเขาอย่างชัดเจนแล้ว การที่นางปรากฏตัวในทะเลทรายและตกเป็นเป้าหมายของคนของตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่นางเป็นฝ่ายมาหาเขาต่างหาก! 

 

 

หลงซ่าซือนั่งตรงข้ามชีอ้าวชวางสีเฉ่าซื่อก้าวไปข้างหน้าและรินชาดอกไม้ให้หลงซ่าซือ 

 

 

“เชิญดื่มชาสิ” ชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อย 

 

 

“ช่วยบอกข้าเกี่ยวกับแผนของเจ้าได้หรือไม่?” หลงซ่าซือไม่ได้ดื่มชา แต่มองไปที่ชีอ้าวชวางและถามด้วยเสียงทุ้ม 

 

 

“ยกระดับบารมีของเจ้าให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุด และสุดท้ายก็ประกาศตัวตนของเจ้า จากนั้นเจ้าจะเป็นผู้บริสุทธิ์” ชีอ้าวชวางจิบชา และตอบอย่างแผ่วเบา 

 

 

“ทำอย่างไร?” หลงซ่าซือถามพร้อมกับขมวดคิ้ว 

 

 

“เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลยกินให้อิ่ม สนุกให้เต็มที่ และนอนหลับให้ดีเข้าไว้” ชีอ้าวชวางยิ้มและมองหลงซ่าซือก่อนที่ หลงซ่าซือจะพูด ชีอ้าวชวางก็ขึ้นมา “แน่นอน ว่านี่เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่รับปาก ข้าก็จะไม่รับปาก” 

 

 

หลงซ่าซือกระตุกปากของเขา ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่านิสัยของหญิงสาวตรงหน้าเขาไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของนางเลย 

 

 

สีเฉ่าฉีและสีเฉ่าซื่อมองหน้ากัน เห็นความสงสารในดวงตาของกันและกัน หลงซ่าซือนี้เป็นวัตถุอีกชิ้นหนึ่งที่ถูกท่านนักบุญทรมาน 

 

 

“สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือนำกลุ่มผู้คนชั้นยอดของเจ้าไปต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ช่วยชีวิตผู้คนแต่อย่าบอกชื่อเมื่อทำสิ่งต่างๆทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากสีแดงปิดบังใบหน้าไว้” ชีอ้าวชวางวางถ้วยแล้วพูดด้วยเสียงที่ล้ำลึก 

 

 

“ชายผู้ผดุงความยุติธรรม?” หลงซ่าซือมองชีอ้าวชวางอย่างสงสัย 

 

 

“ในทะเลทรายนี้นอกจากพวกเจ้าแล้วน่าจะมีโจรม้าอีก พวกเจ้าขโมยของมาโดยตลอดเจ้าเอาสินค้าของพ่อค้าไปเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น แต่โจรม้าคนอื่นๆ นั้นต่างออกไป ทั้งการฆ่าคนและการขโมยสินค้า” ชีอ้าวชวางลูบคางของตัวเองแล้วพูดด้วยความสงสัย “แต่ว่า ทำไมวันนั้นพวกเจ้าถึงมองข้าเป็นเป้าหมายล่ะ? ตลอดมานี้พวกเจ้าขโมยแต่ของไม่ยุ่งเรื่องผู้หญิงนี่” 

 

 

ร่องรอยของความอับอายปรากฏบนใบหน้าของหลงซ่าซือ 

 

 

“ช่างเถอะ ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด สรุปคือสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำต่อไปคือการปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในเวลาที่พวกเขาต้องการมากที่สุด” ชีอ้าวชวางจัดแจงให้เนื่องจากดินแดนโยซาลี่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายการเดินทัพจึงไม่สะดวกนักโจรม้าก็ล้วนเป็นนักขี่ม้าที่เก่งในทะเลทรายเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วพวกทหารมาจับ อย่างมากที่สุดพวกเขาก็ได้แค่กินฝุ่นและตะโกนด่าไล่หลังเท่านั้นจากนั้นก็ไม่มีทางทำอะไรแล้ว 

 

 

“เช่นนี้หรือ?” หลงซ่าซือขมวดคิ้ว 

 

 

“อืม นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้ที่เหลือจะบอกเจ้าอีกครั้งเมื่อตัวตนที่หลากหลายของเจ้าถูกเปิดเผยต่อสาธารณะทุกสายตาจะจับจ้องเจ้า คนที่ใส่ร้ายเจ้า ข้าจะให้พวกเขามายอมรับต่อหน้าเจ้าด้วยตัวเอง”ชีอ้าวชวางเคาะโต๊ะเบาๆ และพูดเบาๆ “จำไว้ว่าเจ้าต้องใส่หน้ากาก และต้องเป็นสีแดง” 

 

 

“ทำไมต้องเป็นหน้ากากสีแดง?” ในที่สุดหลงซ่าซือก็เข้าใจแผนของหญิงสาวตรงหน้าเขา 

 

 

“เช่นนั้นเจ้าสามารถเลือกสีอื่นๆ ได้เพียงแค่ต้องมีลักษณะเฉพาะ แตกต่างจากโจรม้าอื่นๆ จะดีที่สุดคืออย่าฆ่าโจรม้าหลังจากจับได้แล้วให้ปล่อยพวกมันไปในที่ที่ไม่มีใครเห็น หรือหลังจากช่วยคนแล้วก็ปล่อยพวกโจรม้าไป” ชีอ้าวชวางอธิบายละเอียด 

 

 

“ทำไมล่ะ?” หลงซ่าซือรู้สึกงงยิ่งขึ้น 

 

 

เวลาต่อไป เขาก็เสียใจที่ถามเช่นนี้ 

 

 

หญิงสาวตรงข้ามมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามทันใดนั้นหลงซ่าซือรู้สึกว่าตนเองช่างโง่งมเสียจริง 

 

 

“แน่นอนว่ามันคือการทำให้พวกเขายังคงทำชั่วต่อ พวกเจ้าก็จะได้ตามล่าต่อ” สีเฉ่าฉีช่วยตอบแทนชีอ้าวชวาง “ไม่งั้นจะมีโอกาสมากมายให้พวกเจ้าได้เป็นออกหน้าได้อย่างไรล่ะ?” 

 

 

หลงซ่าซือกระตุกปากและมองหญิงสาวตรงหน้า เขารวบรวมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันในหัวหญิงผู้นี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว! 

 

 

“เจ้าจะช่วยล้างผิดให้ข้าได้จริงๆ หรือ?” ร่องรอยของความสงสัยฉายในดวงตาของหลงซ่าซือ แม้ว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆหญิงคนนี้จะแข็งแกร่งมาก และนางยังสามารถควบคุมจิตใจขั้นสูงได้ แต่มันทำได้จริงหรือ? คนที่ใส่ร้ายเขาคือจักรพรรดิและฮองเฮาองค์ปัจจุบัน…ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักของเขาตอนนี้กลายเป็นฮองเฮาไปแล้ว 

 

 

“ได้แน่นอนสิ แต่หากไม่ลงมือตอนนี้โอกาสก็จะลดลงแม้ว่าต่อมาพวกเขาใส่ร้ายเจ้าต่อหน้าคนทั้งโลก แล้วยังไงล่ะ?”ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างเฉยเมย “เจ้าไม่รู้หรือว่าการดึงกำปั้นกลับมาไม่ใช่การไม่ทำร้ายใคร แต่เพื่อที่จะเอาชนะให้หนักขึ้นและเจ็บปวดมากขึ้น?” 

 

 

หลงซ่าซือตะลึง ดึงกำปั้นกลับเพื่อให้การตีให้รุนแรงและเจ็บปวดมากขึ้น! 

 

 

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” หลงซ่าซือยืนขึ้นขมวดคิ้ว และมองหญิงสาวตรงหน้าเขา 

 

 

สาวผมดำยิ้ม และไม่ตอบ 

 

 

เฟิงอี้เซวียนลุกขึ้นยืนและตั๋วทองคำกองหนึ่งปรากฏขึ้นจากอากาศบางๆ ในมือของเขาเขาส่งให้หลงซ่าซือตั๋วสีทองเหล่านี้เป็นเงินส่วนเล็กๆ ที่ตระกูลเฟิงช่วยชีอ้าวชวางแอบขายสมบัติของมังกรดำ เฟิงอี้เซวียนไม่ได้คิดว่าจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายอยู่ในมือของนาง น่าตกใจจริงๆ 

 

 

“ทำอะไร?” หลงซ่าซือก้มหน้าลง 

 

 

“อย่าคิดอะไรเกินตัว ไม่ใช่เอาไว้ให้เจ้าใช้ สิ่งเหล่านี้ไปแปลงเป็นเหรียญทองและพวกคุณก็ใช้เงินนี้เพื่อช่วยเหลือคนที่เขาต้องการมัน” เฟิงอี้เซวียนพูดดูหมิ่นไอคิวของคนตรงหน้าอีกครั้ง 

 

 

หลงซ่าซือรู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกว่าสมองของตนเองช่างเล็กจ้อย 

 

 

แต่ว่านี่เป็นวิธีการที่ดี โยซาลี่มีคนยากจนมาโดยตลอด หากใช้เงินเพื่อช่วยเหลือผู้คน จะสามารถซื้อใจผู้คนได้อย่างรวดเร็ว 

 

 

เมื่อหลงซ่าซือได้รับตั๋วทองกองโตเขาก็ตกใจ จำนวนตั๋วทองแต่ละใบเป็นหมื่นกองขนาดนี้ก็มีเป็นล้าน! และนี่คือตั๋วทองคำสำหรับคนทั้งทวีปเลย! 

 

 

หลงซ่าซือเงยหน้ามองเฟิงอี้เซวียนที่ดูไม่พอใจและมองชีอ้าวชวางที่ดูเย็นชา 

 

 

พวกเขาเป็นใครกันแน่นะ? 

 

 

“ไปเถอะ แล้วทุกๆ สิ้นเดือนก็ส่งคนไปร้านขายอาวุธ” ชีอ้าวชวางยืนขึ้น แล้วหาวอย่างเหนื่อยล้า 

 

 

หลงซ่าซือมองหญิงสาวตรงหน้าเขาและไม่สามารถพูดอะไรได้เป็นเวลานาน 

 

 

หญิงสาวลึกลับผู้นี้ไม่ทราบที่มาไม่รู้จุดประสงค์ใดๆ ของนางเลยแต่ว่าไม่รู้ทำไมตนเองกลับเชื่อว่าหญิงผู้นี้จะช่วยทำความปรารถนาของตนเองได้อย่างแน่นอน 

 

 

“ได้ ถ้ามีเรื่องอะไรข้าจะไปหาที่ร้านขายอาวุธ ข้าขอลาไปก่อน” หลงซ่าซือรับตั๋วทองพยักหน้าให้ชีอ้าวชวางแล้วหันไป 

 

 

กลางดึกชีอ้าวชวางยืนอยู่บนหลังคาเงียบๆ มองดูดวงจันทร์สว่างบนท้องฟ้า 

 

 

ทันใดนั้นเสื้อคลุมตัวหนาก็คลุมลงมาบนไหล่ของนางนางจึงหันหน้าไปและพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเฟิงอี้เซวียน 

 

 

“กำลังคิดอะไรอยู่?” เฟิงอี้เซวียนเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถามอย่างอ่อนโยน 

 

 

ชีอ้าวชวางเงียบไปครู่หนึ่งและครั้งนี้ก็ค่อยๆพูด “กำลังคิดว่าตอนที่หลงซ่าซือเผชิญหน้ากับคนที่ใส่ร้ายเขา จะลงมือได้หรือไม่” 

 

 

เฟิงอี้เซวียนอึ้งไปเล็กน้อยแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา “นั่นเป็นเพราะเขาโง่ตกหลุมรักคนที่ไม่คู่ควรกับความรักเขาผิดตั้งแต่แรกแล้ว ต่อไปก็หวังว่าเขาจะเลือกทางที่ถูกต้อง” 

 

 

ชีอ้าวชวางตะลึงและหันหน้าไปมองเฟิงอี้เซวียนเฟิงอี้เซวียนยังคงยิ้ม “นั่นไม่เรียกความรักหรอก ความรักที่ถูกอำนาจเงินทองซื้อได้ ยังจะเรียกว่าความรักได้อีกหรือ?” 

 

 

ชีอ้าวชวางหลุบตาลงและพูดแผ่วเบา “มนุษย์…ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ ตามหาเงินทอง อำนาจ และชื่อเสียงอย่างไม่สิ้นสุด…” 

 

 

“อย่างน้อยข้าก็ไม่ใช่ข้าจะไม่ทรยศเจ้าไปตลอดชีวิตของข้า” ชีอ้าวชวางถูกเฟิงอี้เซวียนตัดบทก่อนจะจบคำพูดของนางอีก 

 

 

“อ้าวชวางแม้ว่าทุกคนในโลกจะทรยศเจ้า ข้าจะยังคงอยู่เคียงข้างเจ้าและจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเจ้านะ” เฟิงอี้เซวียนจับไหล่ของชีอ้าวชวาง ให้ชีอ้าวชวางหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา 

 

 

ชีอ้าวชวางมองคนตรงหน้าด้วยความงุนงงเมื่อเห็นการแสดงออกที่เด็ดเดี่ยวของเขาความแน่วแน่ในดวงตาของเขา ชีอ้าวชวางไม่สามารถพูดอะไรได้ มีเพียงบางสิ่งที่หยั่งรากและเติบโตขึ้นในใจ…