ตอนที่ 218 เหตุใดถึงความจำสั้นเช่นนี้

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 218 เหตุใดถึงความจำสั้นเช่นนี้

ทันทีที่ราชันทมิฬเอ่ยจบ

เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำต่างก็นิ่งอึ้งไปตาม ๆ กัน

เจ้าปีศาจไร้ยางอายผู้นี้บ้าไปแล้วหรือเยี่ยงไร ?

แม้มิได้พบกันเพียงช่วงสั้น ๆ แต่กลับสามารถก้าวสู่ระดับจักรพรรดิปีศาจได้แล้วหรือนี่

แม้ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรนี้จะน่าเหลือเชื่อก็จริง

ทว่าแม้จะบรรลุได้อย่างรวดเร็ว บัดนี้ก็ยังมีตบะบารมีเป็นเพียงจักรพรรดิปีศาจเท่านั้น

กลับกล้าท้าทายท่านบรรพบุรุษทั้งสาม แห่งเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกเขา

ท่านบรรพบุรุษทั้งสามแห่งเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกเขานั้น ล้วนแต่เป็นจ้าวปีศาจตัวจริงเสียงจริง

ส่วนจักรพรรดิปีศาจแม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็เป็นเพียงจักรพรรดิปีศาจเท่านั้น เทียบกับผู้ที่ไร้เทียมทานเช่นจ้าวปีศาจแล้ว นับว่าต่างกันราวฟ้ากับเหวก็ว่าได้

หรือราชันทมิฬเข้าใจว่ามีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณหนุนหลังแล้ว ก็จะสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

อีกอย่างเหตุใดเผ่าจิ้งจอกวิญญาณถึงมากับปีศาจที่ไร้ยางอายเช่นราชันทมิฬได้ ?

ตอนนั้นเองเฮยจวงที่เป็นหัวหน้าเผ่าก็กวาดสายตามองราชันทมิฬ รวมทั้งปีศาจเผ่าจิ้งจอกวิญญาณที่ขนาบข้างและอยู่ทางด้านหลังของราชันทมิฬ

“ผู้ใดให้ความกล้าเช่นนี้ต่อเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของพวกเจ้ากัน ถึงกล้ามาโอหังในเขตแดนของเผ่าพยัคฆ์ดำของข้าได้?”

เฮยจวงเอ่ยหาเรื่องเผ่าจิ้งจอกวิญญาณด้วยแววตาเย็นเยียบ

“หรือว่าเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของพวกเจ้าต้องการเปิดศึกกับเผ่าพยัคฆ์ดำของข้า…”

ยังมิทันสิ้นเสียง

“ตู้ม ! ”

ลำแสงสีขาวที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังเวทย์มหาศาล ก็พุ่งโจมตีที่หน้าอกของเฮยจวงทันที โดยที่เฮยจวงมิทันได้มีโอกาสตอบโต้ใด ๆ

วินาทีต่อมา เฮยจวงที่ร่างชุ่มไปด้วยเลือด ก็ปลิวไปด้านหลังหลายร้อยจั้งราวกับว่าวที่สายป่านขาดก็มิปาน

“บังอาจ ! ”

ผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำคำรามก้อง พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าแทบจะพร้อม ๆ กัน

ตอนนั้นเองถูซื่อก็ก้าวขึ้นมา

ทันใดนั้นไอพลังระดับจ้าวปีศาจก็ระเบิดออกมา ไอปีศาจอันรุนแรงปกคลุมไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าของเขตแดนเผ่าพยัคฆ์ดำภายในพริบตา

เดิมนางตั้งใจจะปกปิดไอพลังของตัวเอง เพื่อดูว่าใบหลิวในมือของราชันทมิฬจะมีพลังเช่นใดกันแน่

จากนั้นค่อยอาศัยโอกาสนั้นในการลงมือ

แต่ปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำกลับมิแบ่งแยกถูกผิด กล้าพุ่งเป้ามาที่เผ่าจิ้งจอกวิญญาณ

เผ่าจิ้งจอกวิญญาณแม้จะมิใช่เผ่าที่เป็นผู้นำในเทือกเขาแดนใต้ แต่ก็เป็นหนึ่งในเผ่าที่เก่าแก่ที่สุด

นางคาดมิถึงว่าจะถูกเผ่าพยัคฆ์ดำเหยียดหยามถึงเพียงนี้

นางเป็นถึงจ้าวปีศาจ จะปล่อยให้ปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำเหยียดหยามเผ่าของนางเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?

ยิ่งกว่านั้นบัดนี้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณทั้งหมดก็มารวมตัวกันอยู่นี่แล้ว หากบรรพบุรุษเช่นนางกล้ำกลืนฝืนทน มิเท่ากับทำให้คนในเผ่าต้องเจ็บปวดและผิดหวังเยี่ยงนั้นหรือ ?

ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่เผ่าพยัคฆ์ดำรังแกเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเช่นนี้ นับแต่นี้ก็มิจำเป็นที่จะต้องประนีประนอมกันอีกแล้ว

“ท่านจ้าวปีศาจ ! ”

“บรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณท่านนั้นก็มาด้วย ! ”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าพยัคฆ์ดำมากมายมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกทันที ที่สัมผัสถึงไอพลังอันน่ากลัว รวมทั้งไอปีศาจมหาศาลที่แผ่ออกมาจากกายของถูซื่อ

ตอนนั้นเองถูซื่อก็ได้เอ่ยเสียงเย็น พร้อมกวาดตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าพยัคฆ์ดำ “ท่านทั้งสาม ปีศาจในเผ่าพยัคฆ์ดำของท่านเหยียดหยามเผ่าของข้าเพียงนี้ หรือว่าพวกท่านมิคิดจะปรากฏตัว เพื่ออธิบายเรื่องนี้หน่อยหรือ ? ”

มินานก็มีเสียงหยาบกระด้างเสียงหนึ่ง ดังออกมาจากส่วนลึกของเผ่าพยัคฆ์ดำ

“ถูซื่อ คาดมิถึงว่าการกระทบกระทั่งเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้จ้าวปีศาจเช่นเจ้ามาปรากฏตัวได้”

“แต่ในเมื่อเจ้ามาถึงนี่แล้ว เช่นนั้นก็ควรให้คำอธิบายแก่พวกข้า และเผ่าพยัคฆ์ดำของข้าด้วยมิใช่หรือ ? ”

หลังสิ้นเสียงเงาดำอันน่าสะพรึงกลัวสามเงาก็ทะยานสู่ฟ้า ไอปีศาจรุนแรงมหาศาลปกคลุมไปทั่วในพริบตา

มินานผู้เฒ่าร่างกายกำยำสามคนก็ปรากฏสู่สายตา ก่อนมายืนอยู่ตรงหน้าของถูซื่อ

โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้เฒ่าหัวล้าน

สวมเสื้อผ้าป่าน รอบกายมีหมอกสีดำแผ่ออกมา เพียงแต่ไอพลังที่แผ่ออกมาจากกายนั้นแข็งแกร่งกว่าถูซื่ออยู่มิน้อย

ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้เฒ่าท่านนี้มีใบหน้าคล้ายกับเฮยฉางหลิง ที่ก่อนหน้านี้ได้ไปตายอยู่ที่จงหยวนมากทีเดียว

ใช่แล้ว !

ผู้เฒ่าท่านนี้ก็คือพี่ชายของเฮยฉางหลิง นามว่าเฮยฉางซานนั่นเอง

นานมาแล้ว กล่าวกันว่าเฮยฉางซานผู้นี้ได้ตายอยู่ในแดนลับแห่งหนึ่ง ที่หลงเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยบรรพกาล

จนเมื่อเฮยฉางหลิงตายไปได้มินาน จึงได้มีข่าวออกมาว่าบรรพบุรุษท่านนี้ของเผ่าพยัคฆ์ดำมิได้ดับสูญไปแต่อย่างใด เพียงแต่ฝึกพลังอยู่ก็เท่านั้น

แน่นอนว่าเนื่องด้วยเฮยฉางซานมิเคยปรากฏตัวให้เห็น เช่นนั้นเผ่าต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้จึงคิดว่าเฮยฉางซานมิได้ดับสูญ แต่กำลังบาดเจ็บหนักอยู่ที่แดนต้องห้ามแห่งใดแห่งหนึ่งเท่านั้น

เช่นนั้นผู้แข็งแกร่งของเผ่าต่าง ๆ จึงมองว่า

หลังจากเฮยฉางหลิงตายอย่างอนาถที่จงหยวนแล้ว เฮยฉางซานจะต้องปรากฏตัวขึ้น ทว่าคนในเผ่ากลับคิดว่าเขาคงมิได้แข็งแกร่งเช่นเดิมอีก

แต่บัดนี้ดูแล้วเหมือนเฮยฉางซานจะมิได้บาดเจ็บหนักอย่างที่หลายคนคิด อีกทั้งพลังยังแข็งแกร่งกว่าเฮยฉางหลิงเสียด้วยซ้ำไป

ถูซื่อขมวดคิ้วมุ่น ทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอพลังอันเข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากกายของเฮยฉางซาน “คาดมิถึงว่าการเดินทางไปยังแดนต้องห้ามเมื่อแสนปีก่อน มิเพียงเจ้าจะมิได้รับบาดเจ็บ แต่ตบะบารมีกลับก้าวหน้าขึ้นอีกด้วย”

แววตาของเฮยฉางซานลุ่มลึกและเย็นชา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยปรากฏรอยยิ้มเย็นชาออกมา

“จ้าวปีศาจถูซื่อ ปีศาจเผ่าต่าง ๆ ล้วนคิดว่าหลังจากที่เฮยฉางหลิงตายที่จงหยวนแล้ว เผ่าพยัคฆ์ดำของข้าก็จะอ่อนแอลง เผ่าปีศาจต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ก็คิดว่าจะรังแกเผ่าพยัคฆ์ดำของข้าได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ดวงตาของเฮยฉางซานมีไอสังหารอันน่ากลัวแวบผ่าน พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

ถูซื่อเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบว่า “เผ่าจิ้งจอกวิญญาณของข้าเพียงมาสืบข่าวของหินหุนหยวน แต่กลับถูกปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำของเจ้าลักพาตัวไป เจ้าจะอธิบายเช่นไร ? ”

เฮยฉางซานหัวเราะอย่างมิแยแส ก่อนจะเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งว่า “เผ่าปีศาจทั่วทั้งเทือกเขาแดนใต้ล้วนรู้ดีว่า เมื่อเข้าสู่เขตแดนของเผ่าพยัคฆ์ดำก็ต้องฟังคำสั่งของเผ่าพยัคฆ์ดำ หรือว่าเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเจ้ามิเคยรู้มาก่อนเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เจ้า ! ”

ถูซื่อมีท่าทางเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด ดวงตาวาววับจับจ้องไปยังเฮยฉางซาน

“อีกอย่างวันนี้เผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเจ้าบุกเข้ามาในเขตแดนเผ่าพยัคฆ์ดำของข้า เรื่องนี้คงต้องพูดกันให้รู้เรื่อง”

เฮยฉางซานมองถูซื่อด้วยแววตาล้อเลียน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้ข้าแจ้งกฎของเผ่าพยัคฆ์ดำไปแล้ว เช่นนั้นนับแต่วันนี้ไปเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเจ้าหากมิยอมสยบให้เผ่าพยัคฆ์ดำ วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดก็ไปไหนมิได้ทั้งนั้น”

“สูด ! ”

เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่อย่างหวาดหวั่น

จากนั้นพวกเขาก็ได้หันไปทางบรรพบุรุษถูซื่อที่มีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก

ตอนนั้นเอง

“พูดก็พูดเถอะ เหตุใดเผ่าแมวดำของพวกเจ้าถึงความจำเสื่อมเช่นนี้นะ ? ”

“เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้มินานเท่าไร พวกเจ้าคงจะยังจำแมวดำที่บุกจงหยวนตัวนั้นได้กระมัง ? ”

ราชันทมิฬแสยะยิ้มออกมา แล้วเอ่ยอย่างมิเกรงใจว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าปีศาจตนนั้นทรนงตนว่าตัวเองมีตบะบารมีสูงส่ง จึงกล้าโอ้อวดต่อหน้าพี่ต้นไม้ของข้า”

“แต่ผลสุดท้ายกลับถูกพี่ต้นไม้เล่นงานจนวิญญาณแหลกสลาย จนกลับคืนร่างเดิม”

“นอกจากนี้ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้เอาไว้ด้วยว่า นายท่านของข้าได้เอาแมวดำตัวนั้นไปตุ๋นกินเรียบร้อยแล้ว”

ทันทีที่ราชันทมิฬเอ่ยออกมา

ทั่วทั้งเผ่าพยัคฆ์ดำก็เงียบสงัด

ผู้แข็งแกร่งของทั้งสองเผ่ารู้สึกตัวชาวาบทันที

วินาทีนี้แม้แต่เหล่าจ้าวปีศาจที่ไร้เทียมทานเองก็อดมิได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมา

“สือซาน เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ ? ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ถูซื่อก็หันไปมองถูสือซานที่อยู่ด้านหลัง

ถูสือซานยิ้มน้อย ๆ ออกมาพร้อมพยักหน้าให้

ถูซื่อเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าของนางเผยความสับสนวุ่นวายใจออกมาทันที