บทที่ 162 สวัสดีครับแม่ยาย[รีไรท์]
ราชาพิษหลบหนีไปแล้ว!
ตะขาบยักษ์ก็หลบหนีไปแล้ว!
ผู้อาวุโสทุกคนของหุบเขาราชาพิษ ต่างก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว!
ลูกศิษย์หลายร้อยคนของหุบเขาราชาพิษ ก็อพยพหลบหนีไปหมดแล้ว!
ฉู่ชวิ๋นเข้าไปเก็บสมบัติทุกชิ้นของหุบเขาราชาพิษและที่ชายหนุ่มดีใจมากที่สุดก็คือ เขาได้พบไม้ฟ้าผ่าตามที่ต้องการ
ชายหนุ่มเดินทางออกจากหุบเขาราชาพิษ เขาไม่ได้เดินทางไปที่สำนักไร้เงาหรือสำนักกระบี่ฟ้าอีก เขารู้ดีว่าถึงไปก็ไม่มีประโยชน์
สมัยนี้ข่าวเดินทางเร็วกว่าคน ต่อให้เขาเดินทางเร็วที่สุดกว่าจะไปถึงสำนักไร้เงาก็ต้องใช้เวลาสามวัน ถึงตอนนั้นเขาก็คงไม่เจอใครอยู่ในสำนักอีกแล้ว ข่าวของฉู่ชวิ๋นที่ทำลายสำนักกระบี่ทองคำโด่งดัง แต่เขาไม่หยุดแค่นั้นเขากลับไปกวาดล้างหุบเขาราชาพิษต่อทันที
ข่าวนี้เป็นเหมือนพายุหมุนที่ทำให้คนในยุทธภพรู้สึกหวาดกลัวฉู่ชวิ๋นกันหมด ในโลกยุทธภพไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางฉู่ชวิ๋นได้เลย
ไม่มีใครคาดคิดว่า ฉู่ชวิ๋นจะสามารถโค่นล้มหุบเขาราชาพิษได้ด้วยตัวคนเดียวจริง ๆ
ผู้ที่มีความสุขที่สุดก็คงเป็นสำนักความหวังใหม่ ก่อนหน้านี้พวกเขากินไม่ได้นอนไม่หลับ หวาดกลัวว่า ฉู่ชวิ๋นจะปรากฏตัวมาเด็ดหัวพวกเขาเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้
แต่เมื่อได้ข่าวว่า หุบเขาราชาพิษถูกฉู่ชวิ๋นกวาดล้างไปเรียบร้อย สำนักความหวังใหม่ก็ทั้งดีใจและโล่งใจ ที่พวกของตนเองตัดสินใจเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้าได้เร็วมากพอ ทั่วโลกยุทธภพกำลังร้อนระอุ หลังรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ทุกคนจะเอาแต่พูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับฉู่ชวิ๋น
ทุกคนเฝ้ารอดูการปะทะกันระหว่างฉู่ชวิ๋นกับสำนักสวรรค์ฟ้า
แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นเดินทางกลับมาที่เมืองกู่เจียงแล้ว
“เจ้าหนู แกยังมีหน้ากลับมาอีกรึ?” ทันทีที่ฉู่ชวิ๋นเดินผ่านประตูเข้าไป
เขาก็พบกับหลงอ๋าว ที่ส่งเสียงตะโกนจนสั่นสะเทือนไปทั้งตึก ฉู่ชวิ๋นหัวเราะและกล่าวขอโทษ หลงอ๋าวยังไม่ยอมแพ้ เขาไม่หายโกรธที่ถูกไม้แขวนเสื้อฟาดหัวง่าย ๆ
สุดท้ายฉู่ชวิ๋นก็สัญญาว่าในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะช่วยชายชราเลื่อนระดับขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ซึ่งทำให้หลงอ๋าวพอใจมาก
ฮวาชิงหวู่เดินเข้ามาสู่อ้อมอกของฉู่ชวิ๋นด้วยใบหน้านองน้ำตา แม้ว่าจะมียอดหญิงงามมาอยู่ในอ้อมแขน แต่ฉู่ชวิ๋นกลับยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
ภาพนี้เห็นทำให้เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ แทบไม่อยากจะเชื่อ!
ไม่มีใครคิดเลยว่า จอมราชันอย่างฉู่ชวิ๋น จะเขินอายเป็นกับเขาด้วย
“พอ ๆ ไม่ได้เรื่องเลยไอ้เด็กน้อย” หลงอ๋าวหยอกเย้า ฉู่ชวิ๋นหน้าแดงก่ำมากกว่าเดิม เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงหน้าอกนุ่มนิ่มของฮวาชิงหวู่ที่บดเบียดเข้ามา และนั่นทำให้เขาไม่กล้าขยับ
“ไอ้หนู แกเป็นไก่อ่อนหรือไง? มีสาวเข้าถึงตัวขนาดนี้ ต้องจัดหนัก ๆ สักสามร้อยดอกแล้วนะ” หลงอ๋าวมีชีวิตอยู่เกือบสองร้อยปี แต่ไม่เคยพบเจอชายหนุ่มที่ซื่อบื้อขนาดนี้มาก่อนตอนนี้เขาจึงพยายามพูดกระตุ้นฉู่ชวิ๋นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เหงื่อเม็ดโป้งปรากฏขึ้นมาบนหน้าผากของฉู่ชวิ๋น เขาไม่พยายามทำหน้าเข้มแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเท่าไร
“มียอดหญิงงามอยู่ในอ้อมอกแบบนี้ แกยังยืนทื่อเป็นท่อนไม้ได้ ฉันล่ะนับถือแกจริง ๆ…” หลงอ๋าวตั้งใจพูดยั่วยุ ตอนนี้ชายชรารู้จุดอ่อนที่หายากของฉู่ชวิ๋นแล้ว
“ช่วยหุบปากหน่อยไม่ได้หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นทั้งอายทั้งโกรธ
หลงอ๋าวหันหลังกลับเดินไปทางห้องของตนเองพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “เฮ้อ ใช้การไม่ได้จริง ๆ!”
ฉู่ชวิ๋นเกือบจะตามเข้าไปเอาเรื่องแล้ว ตาแก่นี่ปากเสียจริง ๆ จังหวะนั้นเอง หลงอ๋าวก็หยุดยืนอยู่ตรงประตูห้องและหันมามองพวกของเฉินฮั่นหลง ก่อนจะพูดว่า
“พวกแกยังจะยืนอยู่ตรงนี้อีกทำไม เจ้าหนูนั่นมันอายหมดแล้ว ขืนพวกแกยังอยู่ตรงนี้ต่อไป มีหวังมันได้กลายเป็นไอ้หนุ่มซิงไปตลอดชีวิตกันพอดี” ฉู่ชวิ๋นปากกระตุก ใบหน้าแดงก่ำร้อนผ่าว
เมื่อได้ยินแบบนี้พวกเฉินฮั่นหลงก็เข้าใจทันที “นายท่านครับ พวกผมไปก่อนนะครับ” เฉินฮั่นหลงพูดจบก็วิ่งหนีไป
“โชคดีนะครับนายท่าน” ซุนหยิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และยกมือทำท่าให้กำลังใจฉู่ชวิ๋น
“นายท่านครับ…” ชายหนุ่มร่างยักษ์ยกมือเกาหัว พูดอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “อย่าหักโหมมากเกินไปนะครับ!” ฉู่ชวิ๋นแทบจะสำลักน้ำลายตายอยู่แล้ว เมื่อบรรดาบริวารหนีไปหมดแล้ว ก็เหลือแค่เพียงฉู่ชวิ๋นกับฮวาชิงหวู่ อยู่กันแค่สองคนเท่านั้น
“พาฉันเข้าไปในห้องหน่อยสิ!” ฮวาชิงหวู่เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมแขนของฉู่ชวิ๋น สองแก้มของเธอแดงระเรื่อ
ฉู่ชวิ๋นงงงันทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อุ้มฮวาชิงหวู่ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และเดินเข้าไปในห้องนอน
“ที่รัก คุณคิดถึงฉันหรือเปล่า?” เพียงแค่เดินพ้นประตูเข้ามาเท่านั้น แขนเรียวยาวขาวผ่องของฮวาชิงหวู่ก็โอบรอบลำคอของชายหนุ่มเหมือนกับดอกกล้วยไม้
ฉู่ชวิ๋นนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า ฮวาชิงหวู่ยิ้ม เธอกระโดดลงจากอ้อมแขนของฉู่ชวิ๋น และพาชายหนุ่มไปนั่งที่ข้างเตียง ก่อนจะผลักเขาลงไปบนเตียงและกระโดดขึ้นมาคร่อมร่างเขาเอาไว้
“ที่รักค่ะ ได้โปรดรับรักฉันไว้ด้วยเถอะนะ” ริมฝีปากสีแดงสดขยับอย่างเย้ายวน ดวงตาของเธอหวานเยิ้ม ความสวยงามของเธอมีเสน่ห์เหมือนเวทมนตร์ ฉู่ชวิ๋นถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง
ทำไมเขาถึงทำตัวเป็นมนุษย์ท่อนไม้แบบนี้? ต่อให้เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียน แต่ชายหนุ่มก็ยังหนีไม่พ้นความปรารถนาทางร่างกายอยู่ดี
ความจริงแล้ว เขามีกำแพงในจิตใจที่ไม่สามารถก้าวผ่านข้ามไปได้แม้จะไปอยู่ต่างโลกมาถึงสามพันปี ได้พบเจอกับนางฟ้า นางสวรรค์หน้าตาสวยงามมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยสนใจหญิงงามคนไหนจริงจังเลยสักคน
บนอาณาจักรเซียนแม้แต่คนธรรมดาที่มีฐานะร่ำรวยสักหน่อย การมีสามภรรยา หกนางสนม ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่ฉู่ชวิ๋นผู้เป็นจักรพรรดิเซียน กลับไม่สนใจใครเลย แม้จะมีหญิงงามอยู่มากมายในโลกนั้นก็ตาม เนื่องจากเขามาจากโลกมนุษย์ จึงยังมีวิธีคิดแบบมนุษย์ติดตัวมาด้วยดังนั้นตอนนี้ในหัวใจของเขา จึงมีแต่เพียงฮวาชิงหวู่แค่คนเดียวเท่านั้น เขาไม่เคยสนใจหญิงงามคนอื่นเลย
ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เรียวปากสีแดงสดก็ทาบทับลงมาบนเรียวปากของเขาเหมือนจะดูดกลืนวิญญาณ สัมผัสที่อ่อนโยนและยืดหยุ่น ทำให้ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงไปแล้ว
ฮวาชิงหวู่หลับตาลง ขนตาของเธอขยับไหวเล็กน้อย เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ตอนนี้จิตใจของเธอกำลังเร่าร้อน จูบของเธอเมื่อกี้นี้ดุเดือดไม่ใช่เล่น
ในจมูกของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเหมือนกับกลิ่นกล้วยไม้ เขารู้สึกได้ถึงความรักของฮวาชิงหวู่ และเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นเริ่มกลายเป็นฝ่ายคุมเกม พลิกขึ้นไปคร่อมร่างของฮวาชิงหวู่ ซึ่งยังคงจูบเขาอย่างดูดดื่ม ในไม่ช้าเสื้อผ้าก็ถูกถอดออกไปจนหมด เหลือแต่เพียงร่างกายเปลือยเปล่าเท่านั้นอุณหภูมิภายในห้องทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น
สายลมจากนอกหน้าต่างพัดเข้ามา ม่านสีขาวปลิวไสว ช่วยบรรเทาอากาศให้เย็นลงโดยไม่ได้ตั้งใจ สายลมได้พัดไปเปิดผ้าห่มสีขาวที่คลุมอยู่บนเตียง เผยให้เห็นคนสองคนที่กำลังเริงรักด้วยความดุเดือดยิ่งกว่าทำสงครามเสียอีก
เช้าวันต่อมา ฉู่ชวิ๋นเดินออกมาจากห้องพร้อมกับฮวาชิงหวู่ ฉู่ชวิ๋นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ เป็นฮวาชิงหวู่ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดเจน ผิวของเธอซีดขาว ขอบตาดำคล้ำ ลมหายใจอ่อนระโหย เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่แล้ว หญิงชราผู้เป็นมารดาของฮวาชิงหวู่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
หลงอ๋าวขมวดคิ้ว ทำหน้าไม่ชอบใจ ฉู่ชวิ๋นมองเขาอย่างไม่ชอบใจเช่นกัน
“อ้าวไอ้เด็กเวรฉู่ชวิ๋น มาสวัสดีแม่ยายแกก่อนสิ” หลงอ๋าวเกือบจะทำให้ ฉู่ชวิ๋นสะดุ้งโหยงจนต้องกัดลิ้นตัวเอง ตาแก่คนนี้หน้าไม่อายเลยจริง ๆ
คิดอยากจะพูดอะไรออกมาก็พูดได้งั้นหรือ ฉู่ชวิ๋นรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
หยานหลานมีบุคลิกที่เยือกเย็นมาเสมอ เธอทำตัวเป็นเหมือนแม่ยายที่ดี เพียงแค่เดินผ่านไป ใบหน้าที่สวยงาม แม้จะสูงวัยแล้ว ไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อย
“สวัสดีครับ คุณป้า” ที่สำคัญก็คือ เธอเป็นแม่ของฮวาชิงหวู่ เขาไม่กล้าทำให้หยานหลานไม่พอใจเด็ดขาด หยานหลานมองหน้าฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร แววตาเต็มไปด้วยความสำนึกขอบคุณ
ถึงแม้ว่าเธอจะได้เจอหน้าฉู่ชวิ๋นไม่บ่อยครั้ง แต่ฉู่ชวิ๋นก็ช่วยชีวิตเธอเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน เป็นไปไม่ได้เลยที่ในชีวิตนี้ เธอจะตอบแทนบุญคุณเขาได้หมด
“มานั่งนี่สิ” หยานหลานโบกมือ ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับหยานหลาน ซึ่งหมายความว่าเขาและเธอยินดีรับการดุด่าด้วยกัน
“ยังมีหน้าไปนั่งอยู่ตรงนั้นอีกได้ไง มานี่ ๆ ” หลงอ๋าวพูดอย่างเหยียดหยาม ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ทำไมเขาถึงต้องไปมีเรื่องกับตาเฒ่านี่ด้วยนะ รู้แบบนี้เอาไม้แขวนเสื้อฟาดอีกสักทีก็ดีหรอก
เฉินฮั่นหลงและบริวารคนอื่นได้แต่จ้องมองด้วยความสนใจ ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากรู้ชะตากรรมในเรื่องความรักของฉู่ชวิ๋นทั้งสิ้น!!!