ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 120 เณรน้อยฆ่าคนแล้ว

จอมศาสตราพลิกดารา

ประตูรั้วไม้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว

อันธพาลหวงหย่งพาลูกสมุนสามคนบุกมายังบริเวณบ้านของแม่เฒ่าไช่อย่างดุดัน

“ยัยเฒ่า แอบอยู่ในบ้านแกล้งตายใช่หรือไม่? รีบไสหัวออกมา เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้ากลับมาแล้ว” หวงหย่งเป็นชายอายุสามสิบกว่า ร่างสูงกำยำ หน้าตาดำเมี่ยม มีชื่อเรื่องเหี้ยมโหดชอบต่อยตี ชาติกำเนิดมาจากตระกูลคนฆ่าสัตว์ ข้างเอวมีมีดแหลมเชือดหมูเสียบเอาไว้ หนึ่งปีมานี้เขาฆ่าคน มือเปื้อนเลือด เป็นหัวโจกคนสำคัญในกลุ่มลูกสมุนอันธพาลของหม่าซาน

อันธพาลคนหนึ่งพุ่งไปจะถีบประตู

แม่เฒ่าไช่รู้ว่าหนีไม่พ้น สุดท้ายจึงเปิดประตูด้วยความหวาดกลัว ใบหน้ายับย่นฝืนยิ้ม พูดขึ้นว่า “ท่านสี่หวง ท่านมาได้อย่างไร…”

“ฮี่ๆ สุกรเฒ่า หนีเร็วนักนะ วันนี้ช่วยเณรนอกถิ่นนั่นพูดที่ในตำบล คิดว่าพวกเราไม่เห็นงั้นเรอะ? ข้าว่าเจ้ามีชีวิตอยู่จนเอือมแล้วกระมัง” หวงหย่งหน้าตาดุดัน พลันพลิกมือชักมีดแหลมที่เอว พร้อมหัวเราะเย็นเยือกน่าขนลุก “คนที่ลวงเกินท่านสามหม่า ไม่มีใครมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันที่สอง ข้าจะส่งเจ้าไปปรโลกซะ”

แม่เฒ่าไช่ตกใจหน้าไร้สีเลือดทันที

“ท่านสี่หวง ท่านสี่ไว้ชีวิตด้วย…ในอดีตพวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ในตอนที่ลูกชายคนโตข้ายังมีชีวิตอยู่ ก็เคยดูแลท่าน นับท่านเป็นพี่น้อง…ท่านก็รู้ ลูกของข้าสามคนต่างจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวเท่านั้น หากข้าตาย นางจะทำอย่างไร ท่านเมตตาด้วยเถอะ…”

หญิงชราเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าขัดขืน คุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้น

นางอายุปูนนี้แล้ว ดินถมสูงขึ้นมาจนถึงคอ ไม่สนใจความเป็นความตายแล้ว แต่หากนางตาย ไช่ไช่ไม่มีคนดูแล จุดจบจะน่าอนาถถึงเพียงใด นางไม่กล้าคิดถึงเลย

“ข้าจะเมตตาเจ้าได้อย่างไร? เจ้าล่วงเกินท่านสามหม่า สวรรค์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้” หวงหย่งพูดแล้วก็ถือมีดเดินบีบเข้ามาทีละก้าว รังสีอำมหิตแผ่ซ่านทั่วใบหน้า “ส่วนหลานของเจ้า ฮี่ๆ วางใจได้ ท่านสามหม่าจะช่วยนางหาทางไปที่ดีให้เอง ขอแค่เชื่อฟัง รับรองกินอิ่ม สุขสบาย”

“ไม่ ไม่ ท่านสี่หวง ขอร้องล่ะ ขอร้องท่านล่ะ…” หญิงชราตกใจจนหน้าซีดเผือด

‘ทางไปที่ดี’ ที่หวงหย่งว่า นางได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเป็นที่สกปรก เด็กสาวดีๆ คนไหนตกไปอยู่ในรังปีศาจแบบนั้น ถึงตอนนั้นมีชีวิตอยู่ก็มิสู้ตายๆ ไปเสียแน่นอน แต่ว่านางแก่ชราไร้เรี่ยวแรง คิดจะขัดขวางนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ทำได้เพียงแค่อ้อนวอนอย่างน่าเวทนา

“คนชั่ว ไปจากบ้านของข้านะ อย่าทำร้ายท่านย่าของข้า…” ไช่ไช่น้อยตกใจจนหน้าซีดเผือด แต่ก็ไม่ฟังคำกำชับของย่าก่อนหน้านี้ คลานออกมาจากใต้เตียงแล้วพุ่งออกไปจากกระท่อมเล็กๆ มือกำหมัดแน่น ตัวบังไว้ข้างหน้าท่านย่า พลางพูดอย่างกล้าหาญ

“ฮี่ๆ…แม่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” หวงหย่งขยิบตา “จับเด็กนี่ไปไว้อีกด้านหนึ่ง ระวังหน่อย อย่าทำให้นางบาดเจ็บ ถึงตอนนั้นจะขายได้ราคาไม่ดี”

อันธพาลที่อยู่ข้างๆ เดินไปจับไช่ไช่เหมือนจับไก่

“ไช่ไช่ ไช่ไช่ของข้า ปล่อยหลานสาวของข้า…” ความสิ้นหวังเต็มใบหน้าแม่เฒ่าไช่ นางพุ่งตัวไปโดยไม่รู้ตัว คิดจะแย่งไช่ไช่กลับคืนมา แต่ถูกผลักล้มไปบนพื้น

หม่าซานหัวเราะเสียงเย็น “ยัยแก่ ยอมรับชะตาเสียเถอะ ท่านสามหม่าจะใช้หัวของเจ้าทำให้คนในตำบลรู้ถึงจุดจบที่ล่วงเกินเขา วางใจซะ เจ้าตายแล้วข้าจะฝังเจ้าให้…” พูดแล้วก็ยกมีดแหลมในมือจี้ไปที่คอของแม่เฒ่าไช่

แม่เฒ่าไช่หลับตารอความตาย

“ท่านย่า ท่านย่า ไม่นะ ฮือๆๆ…” ไช่ไช่ดิ้นรนสุดชีวิต แต่นางที่ขาดสารอาหารผอมแห้งเหมือนกิ่งไม้ จะดิ้นหลุดจากมือของชายตัวกำยำได้อย่างไร

ได้แต่มองแม่เฒ่าไช่ใกล้จะตายด้วยคมมีด

ตอนนี้เอง หวงหย่งรู้สึกเบื้องหน้าพลันพร่าเลือน เงาคนร่างหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นมีดแหลมในมือก็แทงลงไปไม่ได้อีก

“เจ้า…”

เขาเงยหน้าขึ้นมอง

กลับเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและมีจิตสังหารแผ่กระจายจ้องมาที่ตนราวกับคมดาบ

“พี่ชายบ้าบอ…” ไช่ไช่ส่งเสียงร้องอย่างยินดี

แม่เฒ่าไช่ลืมตาขึ้น เห็นเณรน้อยฉายาธรรมบ้าบอคนนั้น ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังกำมีดแหลมในมือของหวงหย่ง และช่วยตนเอาไว้ได้

“บัดซบ…เป็นเจ้าเณรนั่น”

“ยังจะกล้าปรากฏตัวอีกอย่างนั้นรึ”

อันธพาลอีกสองคนตั้งตัวได้ ไม่ตกใจกลับยินดีเสียด้วยซ้ำ

ท่านสามหม่าจะจับเจ้าเณรนี่ถกหนังเลาะเอ็น เขาแอบให้คนตามไปแต่กลับคลาดสายตา กำลังเคืองแค้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังส่งคนไปค้นหาทั่วทุกที่ในตำบล คิดไม่ถึงว่าเจ้าเณรนี่จะมาปรากฏตัวที่นี่อย่างรนหาที่ตาย

นี่มันรนหาที่เองชัดๆ

ยิ่งเป็นโอกาสที่พวกเขาจะสร้างความดีความชอบ จับเณรนี่ได้ต้องได้รับรางวัลอย่างงามจากท่านสามหม่าเป็นแน่

“ฮี่ๆ ที่แท้ก็เป็นเจ้าโล้นเวรนี่เอง เจ้ามันรนหาที่ตาย…” หวงหย่งก็ดีใจเช่นกัน

เขาปล่อยมีดแหลม ผละถอยหลังไป

ในขณะเดียวกัน มือก็ยกขึ้นโปรยผงปูนขาวไปยังหลี่มู่

“บุก”

“โอกาสดี จับมันไว้”

อันธพาลอีกสองคนกุมมีดแหลมบุกขึ้นไป

“พี่ชายบ้าบอ ระวัง…” ไช่ไช่น้อยตะโกนอย่างร้อนรน

หลี่มู่นิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนอ้าปากเป่า

ลมหอบหนึ่งพัดขึ้นบนผืนดิน

ผงปูนขาวยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ปลิวกลับไปล้อมอันธพาลสองคนที่พุ่งมาไว้ในนั้น

อันธพาลสองคนนั้นนึกเสียที่ไหนว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ผงปูนขาวปลิวเข้าตาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว รู้สึกเพียงแค่ความเจ็บปวดมหาศาลที่เหมือนไฟเผาแผ่ลามมาจากเบ้าตา ปวดจนได้แต่กุมเบ้าตาร้องครวญครางอยู่บนพื้น

หวงหย่งระยะห่างค่อนข้างไกล จึงใช้มือทั้งสองป้องดวงตาไว้ได้ทัน พ้นเคราะห์นี้ไปได้ แต่ผงปูนขาวก็เลอะทั่วทั้งร่าง

“เจ้าโล้นเวร เจ้า…” หวงหย่งคำรามอย่างโมโห

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องประหลาดแบบนี้ขึ้น

หรือว่าเณรนี่จะมีวิชามาร?

“อ๊าก ตาของข้ามองไม่เห็นแล้ว…”

“ท่านหวง ช่วยข้าด้วย รีบเอาน้ำมันให้ข้า รีบล้างตาให้ข้าเร็ว…”

อันธพาลดวงซวยสองคนกลิ้งไปมาบนพื้น เจ็บปวดจนร้องอย่างน่าสมเพช เสียงเหมือนกับหมูที่ถูกเชือดลอยออกมาจากกระท่อมไม้ ดังลั่นแสบหูท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี

“หนวกหูจริงๆ”

หลี่มู่งอนิ้วดีด ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ไอเย็นยะเยือกปะทุออกไป ไอเย็นไร้รูปร่างดุจธนูพุ่งทะลุหว่างคิ้วของอันธพาลทั้งสอง ปลิดชีวิตอันไร้ค่าของพวกมัน

หวงหย่งแค่ได้เห็นก็กลัวจนขวัญกระเจิง

“เจ้าเป็นนักบวชกลับฆ่าคนอย่างนั้นรึ เจ้า…” เขาสัมผัสได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว

พลังของเจ้าโล้นนี่แข็งแกร่งกว่าในความคิดของพวกเขามากนัก เป็นยอดฝีมือในยุทธจักรในความหมายที่แท้จริงแน่นอน ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะรับมือได้เลย อีกทั้งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ คิดไม่ถึงว่าเณรน้อยจะลงมือได้เหี้ยมโหดถึงเพียงนี้ ฆ่าคนราวกับถางหญ้าอย่างไรอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าเหี้ยมโหดอำมหิต ทุกคนต่างโดนรูปลักษณ์โง่ทึ่มของเขาในวันนี้หลอกเข้าให้แล้ว

“อามิตตาพุทธ” หลี่มู่เอ่ยนามพุทธองค์ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา “ฆ่าเพื่อปกป้อง พุทธองค์ทั้งเมตตาและลงโทษ”

“เจ้า…เจ้าอย่าเข้ามานะ ไม่เช่นนั้นข้า…ข้าจะฆ่ามัน” อันธพาลที่จับไช่ไช่ก็กลัวเป็นอย่างมาก มีดแหลมในมือพาดไว้ที่คอนางขณะข่มขู่หลี่มู่

หวงหย่งตาวาววับ คิดอะไรได้ทันที “เจ้าโล้น ถอยไป มัดตัวเองเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านังเด็กนี่…”

ยังพูดไม่ทันจบ

วูบ!

หลี่มู่ยกมือ ปามีดแหลมที่ชิงมาได้เล่มนั้นปักเข้าหน้าผากของอันธพาลที่จับตัวไช่ไช่เอาไว้จนมิดด้ามด้วยความเร็วเพียงชั่วขณะเดียว

อันธพาลคนนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว ก็รู้สึกว่าหน้าผากเย็นวาบ สูญเสียสติสัมปชัญญะ ตัวอ่อนยวบล้มไปบนพื้น

หลี่มู่เพียงขยับ ร่างก็เคลื่อนมารับไช่ไช่เอาไว้ราวกับภูตผี

“โง่เง่า ไม่รู้เดียงสา”

หลี่มู่ส่งไช่ไช่คืนสู่อ้อมอกของแม่เฒ่าไช่ จากนั้นก็มองไปยังหวงหย่ง

อันธพาลคนนี้เหี้ยมโหดชอบต่อสู้ แต่พลังกลับย่ำแย่เสียจนน่าสงสาร เจอกับยอดฝีมือที่แท้จริงก็โง่งมเหมือนกับหมู ซ้ำยังคิดจะใช้ตัวประกันมาข่มขู่ ช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง ไม่รู้ว่าผืนฟ้ากว้างใหญ่เพียงไหน

“เจ้า…เจ้า…เจ้า…”

หวงหย่งกลัวจนโง่งม พูดไม่เป็นแล้ว

เขาเคยพบยอดฝีมือขั้นนี้เสียที่ไหนกัน?

ก่อนหน้านี้ คนนอกถิ่นทรงคุณธรรมคนนั้นที่พวกเขาฆ่าตายเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นรวมกำลังเท่านั้น พอจะฝึกกำลังภายในออกมาได้บ้าง กระโดดได้ราวกับบิน ในสายตาของพวกเขาก็นับว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรที่เยี่ยมยอดมาแล้ว ดังนั้นหลังจากสังหารยอดฝีมือนอกถิ่นคนนั้นได้ ความมั่นใจของอันธพาลกลุ่มนี้ก็ฮึกเหิมขึ้นมา รู้สึกว่ายอดฝีมือที่ว่ากันก็แค่นั้นเอง

แต่คนนอกถิ่นคนนั้น เทียบกับเณรรูปนี้แล้วแตกต่างราวฟ้ากับเหวชัดๆ

ยามอยู่ต่อหน้าเณรรูปนี้ หวงหย่งที่ร่างกายแข็งแกร่งกำยำรู้สึกว่าตนเองอ่อนแอเหมือนกับแมลง

อีกทั้งพริบตานี้ หวงหย่งพลันรู้สึกว่าท่านสามหม่ายั่วโทสะเณรที่ฆ่าคนราวเชือดไก่เช่นนี้เป็นเรื่องผิดพลาดจริงๆ เกรงว่าคงจะสร้างเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

ขาของเขากลัวจนอ่อนแรงแล้ว คิดอยากจะหนีแต่ก็ไม่กล้าขยับ

“เจ้ากลับไปบอกหม่าซาน ให้มันล้างคอเตรียมไว้ให้สะอาดรออยู่ที่รังโจร หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ อาตมาจะส่งมันไปแดนสุขาวดี” หลี่มู่บอก

หยางหวงได้ยิน ในใจก็ลิงโลด พูดขึ้นว่า “เจ้า…ไต้ซือท่าน…ไม่ฆ่าข้า?”

“ทำไม? เจ้าอยากตายรึไง?” หลี่มู่ถาม

“ไม่ๆๆ ข้าไม่อยากตาย ข้าๆๆ…ข้าจะไปบอกท่านหม่าเดี๋ยวนี้ อ้อ ไม่สิ ไปบอกหม่าซาน จะบอกโดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเลย” หวงหย่งหมุนตัวหนีทันที นึกโกรธที่พ่อแม่ให้ขามาน้อยไปอีกสองขา

ไม่นานนัก ร่างของหัวโจกอันธพาลคนนี้ก็หายไปในมุมโค้งไกลลิบ

“ขอบคุณพี่ชายบ้าบอ” ไช่ไช่ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ แต่ก็ประคองย่าลุกขึ้น และขอบคุณหลี่มู่ในทันที

แม่เฒ่าไช่ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก “ขอบคุณ ขอบคุณไต้ซือบ้าบอยิ่งนัก วันนี้หากไม่ใช่ท่าน ไช่ไช่นาง…” ครั้นพูดถึงเรื่องที่เสียใจ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาขมุกขมัวของหญิงชราอย่างห้ามไม่ได้ สามีและลูกชายรบจนตัวตายตามกันไป ข้างกายนางเหลือเพียงแค่ไช่ไช่ที่เป็นคนในครอบครัวแล้ว ไช่ไช่เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้หญิงชราผู้นี้มีชีวิตต่อไป หากไช่ไช่เป็นอะไร นางตายเป็นผีก็ยากจะสุขสงบได้

หลี่มู่ทำได้แค่เอ่ยปากปลอบโยนหญิงชราคนนี้

……………………………………………………