ตอนที่ 173 วิธีการตามจีบภรรยาของคุณชายเยี่ยขี้โกงมาก

เดิมพันเสน่หา

ก่วนอวี้ไม่ได้โมโห เขามองดูใบหน้าสวยของเธอ รวมถึงหัวไหล่ทั้งสองข้างที่ซูบผอมบางลง “หลานซี อันที่จริงแล้วคุณเป็นผู้หญิงที่ต้องการความรักมาก” แววตาของเขามีแต่เต็มไปด้วยความรัก “คุณวิ่งไล่ตามคุณชายเยี่ยไม่ทัน เทียบกับความเจ็บปวดที่ต้องถูกคุณชายเยี่ยเกลียด สู้คุณหันมามองที่ผม ให้ผมรักคุณได้ไหมครับ”

มือใหญ่ลูบผมยาวสลวยของเธอเบาๆ เขาลูบจับผมของเธอด้วยความรัก แววตาลุ่มลึกของก่วนอวี้ทำให้อากาศที่หนาวเย็นแปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่น “หลานซี ละสายตาจากคุณชายเยี่ย คุณจะมีความสุขมากขึ้นนะครับ” นิ้วมืออบอุ่นจับใบหน้าของเธอ “ผู้หญิงอย่างคุณ ควรถูกผู้ชายประคบประหงมดูแล อ้อมกอดของผมมีไว้เพื่อคุณตลอดนะครับ เวลาที่คุณเหนื่อย คุณก็สามารถล้มตัวลงพิงได้ทุกเมื่อ หื้ม?”

อวี้หลานซีก้มหน้าลง นิ่งเงียบไม่ยอมพูดจา น้ำใสคลออยู่ในดวงตาคู่สวย เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าการถูกผู้ชายรักมันรู้สึกอย่างไรยังไง สิ่งที่เธอปรารถนาที่สุดคืออ้อมกอดของหนานกงเยี่ย แต่อ้อมกอดของเขากลับเคยให้ผู้หญิงสามคนที่เขาไม่ได้รู้สึกอะไร หลังจากที่เขาไม่ได้คบใครมาสองปีเต็ม จนกระทั่งเขาได้เจอกับเหลิ่งรั่วปิง อ้อมกอดของเขาก็กลายเป็นของคนเหลิ่งรั่วปิงแค่คนเดียว แม้แต่ชายตามองผู้หญิงคนอื่นก็ไม่มี แม้ว่าสุดท้ายเหลิ่งรั่วปิงเลือกที่จะทำร้ายจิตใจของเขา เลือกที่จะไปจากเขา แต่เขาก็ไม่เคยหันไปมองคนอื่น

ช่วงเวลาที่แสนยาวนานนี้ เขาไม่เคยกอดเธอเลยสักครั้ง เธอทำอะไรผิดกันแน่ เขาถึงเกลียดเธอแบบนี้?

น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว น้ำตาหยดลงบนหลังมือ มันเย็นมาก เหมือนหัวใจของเธอในตอนนี้ที่หนาวเหน็บ

ท่ามกลางความเจ็บปวด เธออยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น ลมหายใจของเขาโอบล้อมทุกสัมผัสของเธอ จากนั้น ริมฝีปากอุ่นๆ ก็แตะลงบนแก้ม อวี้หลานซีร้อนจนแทบหายใจไม่ออก

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับความรักจากผู้ชาย เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายหอม เธอตื่นเต้นจนตัวแข็งทื่อ ตลอดชีวิตยี่สิบหกปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน วินาทีนี้ เธอสูญเสียความคิดทั้งหมด

จูบจุมพิตของเขาเคล้าไปด้วยความทะนุถนอมและรักใคร่ เขาจูบแก้มและเปลือกตาของเธอเบาๆ จูบซับน้ำตาของเธอ ความอ่อนโยนของเขา รักษาความเจ็บปวดของเธอในเสี้ยววินาทีเดียว

สุดท้าย ก่วนอวี้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เขาโน้มหน้าลงจูบริมฝีปากของเธอ

จากความรู้ทั้งหมดที่เธอมี ริมฝีปากของผู้หญิงเป็นสิ่งล้ำค่า เป็นอวัยวะที่สำคัญมากๆ ต้องเก็บเอาไว้ให้คนที่รักที่สุด แต่ว่า ก่วนอวี้ ไม่ใช่คนที่เธอรัก…

ความคิดนี้เด้งขึ้นมาในความคิดของเธอ ราวกับถูกเทพธิดาพรหมจรรย์ปลุกวิญญาณ อวี้หลานซีสะดุ้งรีบผลักะก่วนอวี้ออก เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองดูใบหน้าของชายหนุ่ม แววตาของเขาร้อนรุ่ม จ้องมองมาที่เธอด้วยความรัก

อวี้หลานซีทั้งอายและโมโห เมื่อกี้เธอกำลังจะทำอะไรลงไป เธอเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย แต่จูบแรกของเธอกลับถูกผู้ชายตรงหน้าพรากมันไป เธอไม่คู่ควรกับหนานกงเยี่ยอีกแล้ว!

เพี๊ยะ! เธอตบเข้าไปที่หน้าก่วนอวี้อย่างแรง

“ก่วนอวี้ ฉันเกลียดนาย!” อวี้หลานซีเปิดประตูวิ่งลงจากรถ

ก่วนอวี้ทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห เขาใจร้อนเกินไป เขาไม่ควรทำให้เธอโกรธ ความรู้สึกผิดถาโถมเต็มสี่ห้องหัวใจ

*****

ตลอดช่วงบ่าย หนานกงเยี่ยรู้สึกมีความสุขเหมือนกำลังลอยตัวอยู่บนก้อนเมฆ แค่คิดว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึงทุกวัน เวลานี้อยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขาแล้ว หัวใจของเขาก็รู้สึกถูกเติมเต็ม

ตอนเย็น ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แต่เขาก็เลิกงานก่อนเวลา ไปอาบน้ำแต่งตัว ส่องกระจกมองซ้ายมองขวา แต่งตัวอยู่นานกว่าจะพอใจ

เดิมทีเขาอยากจะทำงานจนกว่าจะถึงเวลาเลิกงานแล้วค่อยออกมา แต่จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน ประจวบเหมาะ ขณะที่เขากำลังเดินออกมาก็เจอกับเลขาแอนนาที่เอาเอกสารมาส่งให้ “คุณชายเยี่ยคะ เอกสารพวกนี้ต้องการลายเซ็นของคุณค่ะ”

“ให้ก่วนอวี้เซ็นแทนผมแล้วกัน” เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่วนอวี้ถูกเขาไล่ไปตามจีบอวี้หลานซี จึงหยุดฝีเท้า หันกลับไปรับเอกสารมาเซ็นต์ชื่อโดยไม่แม้แต่จะอ่านรายละเอียด จากนั้นยื่นเอกสารส่งคืนให้แอนนา แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ประธานด้วยความเร่งรีบ

แอนนามองดูลิฟต์ปิดลงด้วยดวงตาเบิกกว้าง คุณชายเยี่ยไม่ใส่ใจกับงาน? ดูเหมือนเขาจะรีบมาก ในเมื่อรีบขนาดนี้ทำไมต้องให้ผู้ช่วยก่วนออกไปข้างนอกด้วย เธอเป็นแค่เลขาตัวเล็กๆ ยกงานมากมายขนาดนี้ให้เธอทำ เธอทำไม่ไหวจริงๆ!

หนานกงเยี่ยไม่สนใจว่าเลขาของเขาจะลำบากแค่ไหน เวลานี้ในใจเขามีแค่เรื่องเดียว เขาจะไปซื้อเสื้อผ้าให้เหลิ่งรั่วปิง เสื้อผ้าที่เธอใส่ ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่ส่งมาจากประเทศเอ้าตู แค่เห็นก็ทำให้เขาไม่ชอบแล้ว รู้สึกว่าเสื้อผ้าทุกตัวมีกลิ่นของไซ่ตี้จวิ้นติดมาด้วย หนานกงเยี่ยอึดอัดใจมาก เขาจะเปลี่ยนให้เธอทั้งหมด ทั้งในและนอก

ด้วยเหตุนี้ ตอนที่เหลิ่งรั่วปิงตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวัน เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เธอเดาว่าคนที่มาคือหนานกงเยี่ย เพราะที่นี่ นอกจากหนานกงเยี่ยแล้วก็ไม่มีใครมาหาเธอแน่นอน ไปงานเลี้ยงตอนทุ่มหนึ่งไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาก่อนเวลาเช้าขนาดนี้

ประตูเปิดออก เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน

หนานกงเยี่ยยืนอยู่นอกประตูด้วยความกระปรี้กระเปร่า ใบหน้าของเขามีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้านหลังของเขามีพนักงานสิบกว่าคน พวกเขาสวมยูนิฟอร์มของพนักงานแบรนด์หรู ทุกคนถือถุงเล็กถุงใหญ่เต็มไปหมด

เหลิ่งรั่วปิงชะงักอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมา เธอยิ้มแห้งๆ “คุณหนานกง คุณ…ไม่ได้มาผิดห้องใช่ไหมคะ”

หนานกงเยี่ยทำหน้าเศร้าทันที แค่คำพูดเดียวของเธอ ทำให้สีหน้าเปื้อนที่เต็มไปด้วยความสุขของเขาก่อนหน้านี้หายไปหมด “ผมดูเหมือนคนที่จะเคาะประตูผิดห้องเหรอครับ”

เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้าหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นคุณ…” เธอมองไปที่พวกพนักงานด้านหลังของเขา

“ทำไมต้องถามอะไรเยอะแยะด้วย” หนานกงเยี่ยกลรอกตามองบน ผายมือบอกกับพนักงานด้านหลัง “เอาเข้าไปให้หมด”

พูดจบ หนานกงเยี่ยไม่สนใจสีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงแม้แต่น้อย เขาเดินตรงไปที่ห้องรับแขก นั่งบนโซฟา ทำหน้านิ่ง มองดูพนักงานถือถุงเล็กถุงใหญ่เข้ามา

ทั้งที่บอกกับตนเองแล้ว หลังจากที่พาเธอกลับมา เขาจะไม่โมโหอีก จะคอยตามใจเธอทุกอย่าง แต่นิสัยแย่ๆ นี้ของเขาไม่สามารถแก้ไม่ได้ง่ายๆ มองดูสีหน้าของเธอที่มองมาที่เขาด้วยความรังเกียจ เขาก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้

เขาทำให้เธอรังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนเธอไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา ตอนนี้พอใส่หน้ากากก็ยิ่งไม่กลัวเขาเข้าไปใหญ่ ดูท่าแล้ววันข้างหน้าเขาจะดัดนิสัยของเธอให้เด็ดขาดไปเลย

หนานกงเยี่ยในตอนนี้ เหมือนผู้ชายหยาบคายไร้มารยาท ได้คืบจะเอาศซอก เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนที่ตามหาเธอไม่เจอ ตนเองบ้าคลั่งแค่ไหน สาบานกับตัวนเองว่าหลังจากเจอตัวเหลิ่งรั่วปิง เขาจะรักและตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ถือสาเธอไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้เขากลับโลภ อยากให้เธอสนใจความรู้สึกของเขา

ทว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย เธอปรายตามองถุงเล็กถุงใหญ่ที่พนักงานขนเข้ามาในห้อง แล้วมองไปที่หนานกงเยี่ย “คุณหนานกง คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ”

หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้น “คุณโง่มาก มองไม่ออกหรือไง”

“!!!” เหลิ่งรั่วปิงอยากด่าเขาว่าประสาทมาก แต่พอเห็นพนักงานหยิบเสื้อผ้าในตู้ของเธอออกมา เหลิ่งรั่วปิงร้องตะโกนด้วยความตกใจ “พวกคุณทำอะไร”

เพราะเสียงของเธอดังมาก ทำให้พนักงานตกใจจนตัวสั่น เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองหนานกงเยี่ยด้วยสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ ทว่าหนานกงเยี่ยกลับไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขาพูดสั้นๆ สองพยางค์ “ทำต่อ”

พนักงานฟังคำสั่ง หันไปทางเหลิ่งรั่วปิงแล้วก้มหน้าขอโทษ พวกเธอเอาเสื้อผ้าทั้งหมดออกมาจากตู้ รวมถึงเสื้อในและถุงเท้า แม้แต่รองเท้าในตู้รองเท้าก็ถูกกวาดออกมาจนหมด จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าและรองเท้าที่ซื้อมาใหม่ ใส่เข้าไปในตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้า หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยพนักงานโค้งตัวบอกลาหนานกงเยี่ย

ตอนที่ภายในห้องกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เหลิ่งรั่วปิงมีแค่ความคิดเดียว “ผู้ชายคนนี้ประสาท!”

ในที่สุดหนานกงเยี่ยก็รู้สึกสบายใจ เขาเงยหน้าขึ้น ยกมือขึ้นเล็กน้อย มองดูเวลา พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ไปเปลี่ยนชุดเถอะครับ ใกล้ถึงเวลาแล้ว”

เหลิ่งรั่วปิงกัดฟันกรอด “คุณหนานกง ฉันออกจากประเทศบ้านเกิดเพื่อมาทำงานในบริษัทหนานกง ไม่ได้มาที่นี่ให้คุณกดขี่ข่มเหง” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกและโมโหอย่างเห็นได้ชัด “คุณเอาเสื้อผ้าและรองเท้าของฉันไปจนหมด แล้วฉันจะใส่อะไร”

หนานกงเยี่ยมองเธออย่างพิจารณา จิตใจสกปรกของเขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรยังไงให้เธอถอดเสื้อผ้านี้ทิ้ง “ผมซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้ามาให้คุณตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่พอหรอครับ”

“หึ!” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “ทำไมฉันต้องใส่เสื้อผ้าที่คุณซื้อมาด้วย?”

หนานกงเยี่ย คุณชายตระกูลหนานกงที่เคยสูงศักดิ์ เย็นชาและมีสง่า เวลานี้กลับเป็นคนขี้โกง “ในเมื่อคุณมาทำงานที่บริษัทหนานกงของผม ต้องรู้ว่าบริษัทหนานกงไม่เหมือนบริษัทอื่น เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก ประเทศต้าย่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยและเจริญที่สุดของโลก เมืองหลงเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศต้าย่า เป็นผู้นำเทรนนรด์ระดับสากล อยู่แถวหน้าของนานาชาติ เสื้อผ้าที่คุณเอามาจากประเทศเล็กๆ พวกนั้นไม่ต้องมาใส่ให้ขายหน้าคนอื่น” เขาเงยหน้าขึ้นอย่างด้วยความเกียจคร้านขี้เกรียจ พูดด้วยความไร้ยางอาย “ผมในฐานะผู้บริหารของบริษัทหนานกง การที่ผมซื้อเสื้อผ้าให้คุณด้วยตนเอง คุณควรจะขอบคุณผม แต่ไม่เป็นไรไม่ต้องขอบคุณก็ได้ แค่รับเอาไว้ก็พอ”

เหลิ่งรั่วปิงจ้องเขม็งไปที่หน้าหล่อๆ ของหนานกงเยี่ย รู้สึกถึงความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากตัวเขา อยากจะกระโดดไปงับเขาสักสองสามที

ประเทศเล็กๆ? ถึงแม้ประเทศเอ้าตูจะไม่ได้เจริญเทียบเท่าประเทศต้าย่า เมืองหลวงของประเทศเอ้าตูเทียบไม่ได้กับเมืองหลง แต่ก็เป็นเมืองๆ หนึ่งเหมือนกัน! หนานกงเยี่ย ทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาไร้ยางอายแบบนี้!

หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอหลากหลายอารมณ์ “คุณหนานกง คุณเสพติดฉันที่เป็นแค่ตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นไปแล้วหรือไงคะ ถึงแม้เสื้อผ้าจากประเทศเล็กๆ ของฉันจะไม่สามารถใส่ที่นี่ไม่ได้ แต่ฉันก็ควรเป็นคนเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่เอง เงินที่คู่หมั้นฉันให้ เพียงพอให้ฉันใช้ไปทั้งชีวิต คุณหนานกงไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองหรอกค่ะ!”

‘”คู่หมั้น’” คำพูดนี้แทงใจดำหนานกงเยี่ยเป็นอย่างมาก เธอเป็นผู้หญิงของเขา เขาควรจะซื้อของให้เธอ ไซ่ตี้จวิ้นมันเป็นใครกัน!

เสี้ยววินาที สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ลมหนาวโบกพัด อากาศโดยรอบค่อยๆ ก่อตัวเป็นน้ำแข็ง