“พี่อวี๋”
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เดินใกล้เข้ามาทีละก้าว บนร่างกายเขากระจายไอโหดเหี้ยมออกมา ทำให้เหนียนซูหลานอดก้าวเท้าถอยหลังไปไม่ได้
บนใบหน้าก็ปรากฏความวิตกกังวลไม่มั่นใจ
อีกทั้งชายหนุ่มมิต้องเอ่ยปาก มองออกว่าตอนนี้เขาโมโหอย่างมากแน่นอน
หากเป็นผู้อื่น ความจริงเขาคงไม่นำมาใส่ใจ
นอกจากขันทีน้อยตรงหน้านี้!
ดูแล้ว สิ่งที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด พี่อวี๋คิดกับขันทีน้อยผู้นี้แตกต่างออกไป!
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหนียนซูหลานอดพรั่งพรูความขมขื่นขึ้นมาไม่ได้
แน่นอนว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เดิมทีไม่สนใจว่าเธอคิดสิ่งใดในใจ
วันนี้รีบกลับมาเร็ว สิ่งที่เห็นและได้ยิน กลับเป็นคำพูดเช่นนี้ ทำให้ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันมีไฟโทสะทะลักขึ้นมา
เขาทราบว่าเหนียนซูหลานเสนอเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้ออกมา ‘เขา’ ต้องตอบตกลงโดยไม่คิดแน่ ดังนั้นขณะที่ ‘เขา’ ยังไม่ได้เอ่ยปากขึ้น เขาจึงเอ่ยปากตัดบท ‘เขา’ ขึ้นเสียก่อน
เพราะเขาจะได้ยินสิ่งที่เขาไม่คาดหวังที่สุด
อีกทั้งท่าทางของเหนียนซูหลาน ยังทำให้เขาโมโห
เขาไม่สนใจเหตุผลใดๆ ของเธอ สรุปแล้วตอนนี้เขาโมโหอย่างมาก
“ซูหลาน ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปแล้วกระมัง!”
น้ำเสียงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ทุ้มต่ำ แต่ภายในมีกลิ่นอายของการตักเตือนอย่างสุดที่จะบรรยายได้
สายตาเย็นชาที่มองเหนียนซูหลานนั้น ค่อยๆ หรี่ลง ภายในปรากฏแสงเย็นยะเยือกดุจหิมะวาบขึ้นมา
สายตาเย็นชาเช่นนี้ กวาดผ่านไปที่ใด เกิดเป็นน้ำแข็งหนาสามฟุต
หลังรับรู้ถึงสายตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เหนียนซูหลานตกใจอย่างหนัก ก่อนความตื่นตระหนกจะทะลักออกมาจากหัวใจ
“พี่อวี๋ ฟังข้าก่อน”
“เด็กๆ ”
สำหรับคำพูดของเหนียนซูหลาน เห็นชัดว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ให้โอกาสเธออธิบาย
เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขื้น จึงไม่จำเป็นต้องอธิบาย
เพราะเรื่องเมื่อครู่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงส่งเสียงอย่างเย็นชา ทันใดนั้น องครักษ์สองนายพลันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา
“เชิญคุณหนูเหนียนออกจากวัง ต่อไปหากเปิ่นหวางไม่อนุญาต ห้ามคุณหนูเหนียนปรากฎตัวขึ้นที่นี่”
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะใช้คำว่าเชิญ แต่ความหมายของเขา กลับให้รีบส่งแขกที่ไม่ต้อนรับอย่างเห็นได้ชัด
เหนียนซูหลานได้ยิน ใบหน้างดงามนั้นพลันซีดขาว
ทันใดนั้น หลังเธอได้สติกลับมา จึงกรีดร้องเสียงแหบแห้งขึ้น
“พี่อวี๋ ทะ…ท่านทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”
“เชิญคุณหนูเหนียนออกไป”
สำหรับคำพูดของเหนียนซูหลาน ความจริงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่ไยดี สีหน้าจึงเย็นชา ปรากฎนิสัยเย็นชาไร้ความรู้สึกของเขาออกมา
องครักษ์ด้านข้างสองนายเห็นเช่นนั้น ก็เชิญเหนียนซูหลานออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เปลี่ยนใจ เหนียนซูหลานยิ้มอย่างสุดแสนเศร้าโศก สุดท้ายเพียงกัดฟันกลั้นน้ำตา หมุนตัวจากไป
ทว่าก่อนเธอจากไป สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยังทำให้เล่อเหยาเหยาสั่นเทิ้มทั่วร่างครู่หนึ่ง
เอ่อ เหตุใดจ้องเธอ เธอมิใช่คนไล่เธอไปเสียหน่อย!
สำหรับสายตาเต็มไปด้วยเกลียดชังของเหนียนซูหลาน ทำให้เล่อเหยาเหยาถูกจ้องจนทำอะไรไม่ถูก
ทว่าในใจกลับแอบคิดว่าครั้งนี้พญายมโหดร้ายยิ่งนัก
ความจริงเหนียนซูหลานก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงมอบเงินเพื่อให้เธอจากวังอ๋องไปเท่านั้น หากเธอรับเงินก้อนนั้น คงดีกว่าเป็นบ่าวไพร่อยู่ในวังอ๋องไปตลอดชีวิต!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ รู้สึกเพียงเสียวสันหลังชั่วขณะ ความหนาวเย็นพุ่งขึ้นมาจากเท้าสู่เหนือศีรษะ
พร้อมกับความร้อนที่ข้างหู ที่ทำให้รู้สึกเพียงไอร้อนชาวาบพัดผ่านใบหูเธอไป แต่น้ำเสียงที่ตามมานั้น กลับทำให้ใจเธอ คล้ายพลันตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งที่ไร้หนทางจะปีนขึ้นมา
“เจ้าคิดจากไปหรือ!”
“เอ่อ”
ได้ยินน้ำเสียงต่ำมีเสน่ห์ดุจพายุฝนกำลังตั้งเค้าของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทำให้เล่อเหยาเหยาแทบขนลุกชันไปทั่วร่าง
และแอบตกใจในใจ พญายมมาอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งยังอยู่ใกล้ชิดเธออีกด้วย
เล่อเหยาเหยาเพียงรู้สึกว่าด้านหลังตนหนาวเย็นอย่างยิ่ง นั่นเพราะพญายมยืนอยู่ด้านหลังเธอในระยะประชิด กลิ่นอำพันทะเลที่น่าดมนั้นจึงล้อมรอบเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการเข้าใกล้อย่างกะทันหันของชายหนุ่ม ทำให้เล่อเหยาเหยาดุจกระต่ายน้อยพบพานหมาป่าตัวใหญ่ ท่าทางแรกที่ทำคือคิดกระโดดหนีไปยังสถานที่อันปลอดภัยให้เร็วที่สุด
แต่ความคิดนี้ของเล่อเหยาเหยาเพิ่งเกิดขึ้น บางคนคล้ายพยาธิภายในท้องเธอ เร็วกว่าเธอหนึ่งก้าว โดยวาดมือใหญ่ออกมารัดเอวเล็กของเธอไว้ หยุดยั้งการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอ
ขณะที่เล่อเหยาเหยายังตกตะลึง ร่างกายของเธอพลิกหมุนอีกครั้ง
เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงท้องฟ้าหมุนวนผืนดินพลิกกลับชั่วขณะ ขณะยังไม่ได้สติ ริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากรูปกระจับประกบลงมา
“เอ่อ”
สำหรับการจุมพิตอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงภายในสมองเกิดเสียง ‘ตูม’ ขึ้น พร้อมกับศีรษะพลันขาวโพลน
จนกระทั่งลิ้นชุ่มชื้นสบโอกาสที่ฟันเธออ้าขึ้นลุกล้ำเข้าไปด้านใน เธอจึงพลันได้สติ
และรับรู้ว่าขณะกลางวันแสกๆ พญายมกลับจุมพิตเธอเช่นนี้
สวรรค์ นี้จะเป็นไปได้อย่างไร!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาทั้งโมโห ขัดเขิน และกลัดกลุ้ม ดังนั้นมือสองข้างจึงพลันกำหมัดแน่น ก่อนชกไปที่หน้าอกของชายหนุ่มอย่างหนัก
แต่ชายหนุ่มฝึกวรยุทธมาหลายปี หน้าอกจึงแข็งแกร่งหนาแน่น สำหรับแรงอันน้อยนิดของเธอ เปรียบได้เพียงการข่วนของแมวตัวน้อยที่เพิ่มความปรารถนาขึ้นเท่านั้น
ส่งผลให้ชายหนุ่มที่ไม่ปล่อยริมฝีปากของเธอ กลับยิ่งจุมพิตเธอร้อนแรงมากขึ้น
ลิ้นแฝงไปด้วยกลิ่นสะระแหน่นั้น พัวพันกับลิ้นเล็กที่หลบเลี่ยงของเธอไม่หยุด ดูดริมฝีปากเธออย่างเชี่ยวชาญ ราวกลับคนที่หิวกระหายกำลังดูดสาคูมะม่วงส้มโอ
ก่อนการดิ้นรนของเล่อเหยาเหยาจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นแผ่วเบาลง การดิ้นรนและต่อต้านที่มีอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้ เธอดิ้นรนอย่างสุดกำลังโดยกัดที่ลิ้นของเขาอย่างแรง แต่ตอนนี้…
จุมพิตของชายหนุ่ม ดุจดอกฝิ่นกลายเป็นยาพิษ ทำให้เธอค่อยๆ มัวเมา ก่อนจมดิ่งอยู่ภายในนั้น
สำหรับท่าทีที่อ่อนลงของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ดีใจในใจ
เพราะ ‘เขา’ ตอนนี้หยุดการดิ้นรน แสดงให้เห็นว่า ‘เขา’ ยอมรับเขาอย่างช้าๆ
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีความสุขในใจ
จุมพิตที่ป่าเถื่อน ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง
หลังค่อยๆ ดูดเลีย พัวพัน สูบความหอมหวานของ ‘เขา’ เขาจึงพบว่าเขารักรสชาติของ ‘เขา’ กระทั่งคิดอยากกักขัง ‘เขา’ ไว้ในอ้อมกอด อยู่ในกระดูกของตนไปตลอดชีวิต เช่นนั้น ‘เขา’ จะอยู่ข้างกายเขาชั่วชีวิต ตลอดชั่วชีวิต
จุมพิตนี้ยาวนานอย่างมาก จนกระทั่งพวกเขาสองคนแทบหมดลมหายใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังคงตัดใจทิ้งริมฝีปากคู่ที่หอมหวานนั้นไม่ได้
สุดท้ายจึงยื่นลิ้นออกมาเลียน้ำหวานที่ติดอยู่บนริมฝีปากของตนราวยังคงกระหาย
เพราะการจุมพิตนั้น เล่อเหยาเหยาเหมือนกับกำลังจะขาดอากาศหายใจ อยู่ในสภาวะสับสน เหมือนร่างกายจะอ่อนแรงและหมดแรงในที่สุด
ยังดีที่ยังมีมือใหญ่ ทรงพลังรัดเอวเล็กๆของเธอไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงทรุดไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
ในที่สุดชายหนุ่มก็ปล่อยริมฝีปากตน เล่อเหยาเหยาจึงถือโอกาสสูดลมหายใจอย่างหนัก
เฮ้อ เมื่อครู่เธอยังคิดว่าตนจะถูกจุมพิตจนหายใจไม่ออก!
เล่อเหยาเหยากำลังคิดในใจ ดวงตาคู่งามที่ถูกจุมพิตจนพร่ามัว เงยขึ้นมองเห็นชายหนุ่มที่เลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงไอร้อนทะลักขึ้นมาจากหัวใจพุ่งสู่เหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว
เพราะชายหนุ่มหน้าตาดูดีอยู่แล้ว
บนใบหน้าประณีตเด็ดเดี่ยวนั้น อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าดุจเทพเซียนรังสรรค์ขึ้นมา ไม่ว่าจะมองมุมใด ต่างทำให้ผู้คนอิจฉาในความสมบูรณ์แบบน่ามอง
ก่อนหน้านี้ บนใบหน้าเขามักเรียบเฉย ดุจผนึกน้ำแข็งหมื่นปี แต่ความรู้สึกหนาวยะเยือกนั้น ยังคงชวนหลงใหลเช่นเดิม
เวลานี้ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด!
เห็นเพียงชายหนุ่มเพราะจุมพิตเมื่อครู่ บนใบหน้าเด็ดเดี่ยวจึงสามารถเห็นสีแดงก่ำบนผิวหนังของเขาอย่างเลือนราง
จมูกโด่งนั้น เพราะหายใจติดขัดจึงประเดี๋ยวอ้าประเดี๋ยวหุบ
ริมฝีปากที่เพราะจุมพิตจึงเปลี่ยนไปยิ่งแดงชุ่มชื้นมากขึ้น ตามมาด้วยการเลียมุมปากของเขา มองไปแล้วช่างปลุกอารมณ์ปรารถนายิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ดวงตาเย็นชาที่เปี่ยมไปด้วยไฟของปรารถนาที่ร้อนแรงคู่นั้นของเขา ดุจสัตว์ร้ายที่หิวโซตัวหนึ่ง กำลังคิดนำเธอที่อยู่ตรงหน้าไปกลืนกินเข้าไปในท้องของตนทั้งเป็น
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตกใจในใจ จนร่างกายแข็งทื่ออย่างที่สุด
เดิมทีเธออยากจะหนี เพราะทุกครั้งที่พญายมใช้สายตาเช่นนี้มองเธอ ในใจเธอล้วนเกิดความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา
แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเพราะตกใจจนแข้งขาอ่อนหรือไม่ ร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรง จึงไม่ต้องเอ่ยถึงการหลบหนี
เมื่อเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาชาวาบที่ศีรษะ ในใจรู้สึกหมดหนทาง
อยากเอ่ยพูดบางอย่าง คล้ายเอ่ยถามเขา ไม่อนุญาตให้เขาจุมพิตเธอเช่นก่อนหน้านี้ แต่เวลานี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอกลับพูดไม่ออกแม้ประโยคเดียว
อีกทั้งพูดตามจริง จุมพิตเมื่อครู่นั้น ให้ความรู้สึกที่ไม่เลวเลย…
เอ่อ…
สำหรับความคิดที่พลันผุดขึ้นมาของตน ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงงันอย่างที่สุด
สวรรค์!
เธอคิดเหลวไหลสิ่งใดอยู่กันแน่ ถึงกลับรู้สึกว่าจุมพิตของพญายมไม่เลว!
สวรรค์ เธอเสียสติไปแล้วหรือ!
ขณะที่เล่อเหยาเหยาตะลึงในใจ ชายหนุ่มด้านหน้ากลับโน้มตัวลงมา หน้าผากอุ่นนั้นแตะลงบนหน้าผากของเธอ
ความชุ่มชื้นและอบอุ่นนั้น ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเธอจำนวนมากจนชาวาบ
จากนั้นตามมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นต่ำมีเสน่ห์ของชายหนุ่ม
“เจ้าเป็นของเปิ่นหวาง ดังนั้นชั่วชีวิตนี้ เจ้าห้ามไปจากเปิ่นหวาง!”
คำพูดหนักแน่นเช่นนี้ของชายหนุ่ม ดุจดังคำสาบาน!
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ร่างกายเล่อเหยาเหยาพลันดุจถูกฟ้าผ่า แข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“อะ อะไรนะ!”
เขาพูดว่าเธอเป็นของเขาหรือ!
เขาพูดว่าชั่วชีวิตนี้ เธอไปจากเขาไม่ได้
ประโยคนี้ของเขา หมายความเช่นไร!
อีกทั้งการจุมพิตของเขา หมายถึงสิ่งใด!
พอคิดถึงตรงนี้ สมองเล่อเหยาเหยาอดนึกถึงคำพูดที่หนักแน่นของชายหนุ่มเมื่อคืนไม่ได้
ผู้คนบนโลกนี้มีมากมาย แต่ข้าต้องการเพียงเจ้าคนเดียว!
หรือเพียงคนเดียวนั้น คือเธอ!
แต่ในสายตาเขา เธอมิใช่บุรุษหรือ!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาหนาวสั่น พลันได้สติ
เพราะดูจากสถานการณ์ตรงหน้า พญายมให้ความสำคัญกับเธอ แต่ในสายตาเขา คือเธอที่เป็น ‘บุรุษ’ มิใช่เธอที่เป็นสตรี
หากวันหนึ่งพญายมรู้ว่าเธอคือผู้หญิง เขาจะคิดว่าเธอปั่นหัวเขาหรือไม่!