ตอนที่ 181 มิตรภาพของสหายคนสนิท เซียวโหวระบายความในใจ (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 181 มิตรภาพของสหายคนสนิท เซียวโหวระบายความในใจ (3)

เหยาเฟิ่งเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่อาจจะไม่แน่ ก่อนหน้านี้ข้าไปเข้าเฝ้าองค์หญิงต้าจั่ง ท่านก็ยังพร่ำบ่นเรื่องนี้ แค่ข้ามีครรภ์ จึงไม่สะดวกต่อการออกไปข้างนอก ดังนั้นจึงไม่กล้าขานตกลง”

เฟิงซื่อก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ว่าไปแล้ว ว่าด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เหิงเอ๋อร์ก็มี ว่าด้วยการศึกษา นางก็มี อนาคตก็ไม่รู้ว่าบุญวาสนานี้ ใครจะสามารถสู่ขอนางกลับจวน”

คำพูดของเฟิงซื่อเพิ่งเอ่ยจบ ข้างนอกก็มีคนเรียกขึ้น “ดีเยี่ยม! ถือโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่ พวกเจ้ากลับนินทาข้าลับหลัง!”

เหยาเฟิ่งเกอจึงคลี่ยิ้มออกมาทันที “เจ้าดูสิ พูดถึงใคร คนนั้นก็มาเลย! รีบเข้า พวกเรากำลังเสวนาอยู่ที่นี่ วันนี้มีเหล่าบัณฑิตชั้นสูงรวมตัวกันในเมืองหลวงนี้ ดวงความรักของเจ้าก็ควรคืบหน้าแล้ว”

ซูอวี้เหิงเดินมาตรงหน้าเหยาเฟิ่งเกอ หลังจากที่นั่งลงข้างนาง ก็พูดด้วยเสียงหอบ “ทุกคนอุตส่าห์มาแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยความหวังดี เจ้ากลับดี กลับนินทาลับหลังคนอื่นเช่นนี้ ข้าจะไปบอกฮูหยินให้ตัดสินด้วยความเป็นธรรม”

เหยาเฟิ่งเกอยิ้มพูด “พวกเรากำลังเสวนาเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับเจ้า ถือโอกาสตอนที่เหล่าบัณฑิตชั้นสูงรวมตัวกันในเมืองหลวง จะได้เลือกบุรุษที่สมดั่งปรารถนาให้เจ้าไม่ดีหรอกหรือ”

ซูอวี้เหิงทำปากที่ดูน้อยอกน้อยใจ สีหน้าเคล้าด้วยความรังเกียจ “ใครสนใจปัญญาชนเหล่านั้น ข้าไม่ได้คิดจะออกเรือนให้พวกเขาอยู่แล้ว”

ทีแรกซุนซื่อที่มีเรื่องในใจ พอได้ยินคำพูดนี้ของซูอวี้เหิง จึงอดคลี่ยิ้มพลางถามไม่ได้ “เอ๊ะ ฟังจากความหมายของคำพูดนี้แล้ว น้องสามของพวกเรามีคนหมายปองในใจแล้วหรือเปล่า”

ซูอวี้เหิงรู้สึกโกรธเคืองเล็กน้อย จึงยิ้มพลางพูดด้วยเสียงเรียบ “วันนี้เป็นอะไรไป พวกเจ้าจ้องจะหยอกล้อข้าไม่รู้จักจบจักลิ้นใช่หรือไม่ ดูๆ แล้วข้ามาได้ผิดเวลาจริงๆ ไม่เช่นนั้นข้าไปก่อนละ” กล่าวจบ ก็เหยียดกายลุกขึ้น

เหยาเฟิ่งเกอจึงจับนางไว้ทันที “น้องสาวโกรธจริงหรือ ข้าเองที่ผิด ข้าต้องขอโทษน้องสาวด้วย ประเดี๋ยวข้าอยากกลับไปแสดงความยินดีกับพี่รอง น้องสาวจะไปกับข้าหรือไม่”

ช่วงนี้ซูอวี้เหิงไม่เจอหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ พอได้ยินคำพูดนี้จึงรู้สึกดีใจอยู่แล้ว จากนั้นก็รีบไปค้องแขนของเหยาเฟิ่งเกอ “ข้ากำลังจะถามพี่สะใภ้พอดีว่าท่านจะออกไปข้างนอกหรือไม่ ข้าไม่ได้เจอพี่เหยามานานแล้ว ข้าคะนึงถึงนางยิ่งนัก”

เหยาเฟิ่งเกอยิ้มพลางพูดขึ้น “รู้แล้วว่าเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อเยี่ยนอวี่”

เหยาเหยียนอี้เป็นบัณฑิตที่สอบได้คะแนนสูงสุด เหยาเฟิ่งเกอผู้ที่เป็นน้องก็ต้องกลับไปแสดงความยินดีกับพี่ชายอยู่แล้ว หากไปแจ้งเรื่องนี้กับลู่ฮูหยิน แน่นอนว่าลู่ฮูหยินต้องอนุญาตอยู่แล้ว แล้วยังสั่งให้เหลียนหมัวมัวควรของขวัญร่วมแสดงความยินดีหนึ่งชุดให้เหยาเฟิ่งเกอนำกลับไปด้วยกัน

แม้ว่าเหยาเหยียนอี้จะมาเยือนที่เมืองหลวงได้ไม่นาน ทว่าก็มีคุณชายตระกูลชั้นสูงหลายคนที่เขาสามารถคบหาได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เหยาเหยียนอี้สอบติดอันดับต้นๆ สหายเหล่านี้ย่อมต้องมาร่วมแสดงความยินดีเป็นเรื่องธรรมดา ตอนที่เหยาเฟิ่งเกอและซูอวี้เหิงไปถึงจวนเก่าของตระกูลเหยา ที่นี่ก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ครึกครื้นแล้ว

ตั้งแต่เสี่ยวซือที่เฝ้าประตูจวนจนถึงสาวใช้ที่คอยรินน้ำชา ใบหน้าของทุกคนเคล้าด้วยรอยยิ้ม ซูอวี้เหิงค้องแขนเหยาเฟิ่งเกอเข้าไปในเรือน ข้างในก็มีเหยาเยี่ยนอวี่กำลังรอต้อนรับแล้ว สหายได้พบปะกันก็เป็นเรื่องที่มีความสุขอยู่แล้ว จากนั้นก็พูดคุยเล่นกันไปด้วยและเดินเข้าไปข้างในด้วย

พอเดินไปถึงเรือนหลัง เหยาเฟิ่งเกอได้ยินภายในห้องโถงหลักมีเสียงพูดคุยและเสียงหัวใจดังขึ้นไม่หยุด จึงอดไม่ได้ที่จะหมุนตัวแล้วเดินไปตรงระเบียงด้านหลัง เพื่อที่จะแอบมอง สิ่งที่ทำให้นางคาดคิดไม่ถึงก็คือ ผู้ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับเหยาเหยียนอี้ที่อยู่ด้านในกลับมีหลานคนโตของเสนาบดีเฟิง เฟิงเซ่าเชิน แล้วยังมีจิ้งไห่โหวเซียวหลิน

เหยาเฟิ่งเกอตามเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปในเรือนหลัง แล้วเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “คุณชายเฟิงมาได้อย่างไร”

เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เขามากับท่านเซียวโหว” ความจริงแล้วเซียวหลินถูกเฟิงเซ่าเชินลากตัวมาเป็นข้อบอกปัดหรือว่าเฟิงเซ่าเชินถูกเซียวหลินลากมาเป็นสหาย เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่รู้จริงๆ

“ท่านเซียวโหว?” เหตุเพราะเหยาเฟิ่งเกอตั้งครรภ์ ในวันส่งท้ายปีเก่าจึงไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่วังหลวงพร้อมกับลู่ฮูหยิน จึงยิ่งไม่รู้เรื่องของจิ้งไห่โหว

เหยาเยี่ยนอวี่อธิบายคร่าวๆ กับเหยาเฟิ่งเกอไปไม่กี่คำ เรื่องที่โต้แย้งกับอวิ๋นเหยาและเซียวหลินเป็นคนที่มาช่วยจัดการปัญหาก็ไม่ได้พูดออกไป แค่บอกว่าในเทศกาลหยวนเซียวได้บังเอิญเจอกันที่เรือนจุ้ยเซียน พี่รองกับท่านเซียวโหวเสวนากันได้อย่างถูกคอยิ่งนัก พวกเขาต่างก็เป็นบัณฑิตชั้นสูงที่สอบติดอันดับต้นๆ ดังนั้นวันนี้จึงมีร่วมเฉลิมฉลองด้วยกัน

“เช่นนี้ ท่านเซียวโหวก็คือผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดนั้นหรือ” เหยาเฟิ่งเกอกลับรู้สึกตกตะลึง ผู้ที่ได้รับตำแหน่งเป็นโหวกลับต้องเข้าร่วมสอบคัดเลือกขุนนาง จะไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกตกตะลึงได้อย่างไร

“ได้ยินมาว่าสอบได้สิบอันดับต้นๆ แน่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้ม “สามารถเข้าร่วมสอบคัดเลือกขุนนางราชสำนัก ไม่แน่อาจจะถูกฮ่องเต้เลือกให้เป็นคนที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งก็ได้”

ซูอวี้เหิงได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่ค่อยเชื่อ จึงเอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “ไม่ใช่หรอกกระมัง เขาคือท่านโหวคนหนึ่ง จะมีหน้าไปแย่งตำแหน่งผู้ที่สอบได้อันดับแรกกับผู้อื่นได้อย่างไร”

เหยาเฟิ่งเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่คงพูดยาก ปู่ของเขาคืออาจารย์ของฮ่องเต้ บทความของเขาต้องเข้าตาฮ่องเต้แน่นอน ไม่แน่อาจจะได้ตำแหน่งผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งก็ได้”

ซูอวี้เหิงจึงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องจริงหรือเรื่องโกหก พูดเช่นนี้ วันนี้พวกเราได้เจอกับท่วงท่าอันสง่างามของบุรุษที่สอบได้อันดับหนึ่งก่อนแล้วสินะ?”

เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “นี่มีความเป็นไปได้จริงๆ”

ด้วยเหตุนี้เหยาเฟิ่งเกอจึงเอ่ยถาม “อาหารในงานเลี้ยงจัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว ให้ข้าไปดูหน่อย?”

“พี่สาวอย่าขยับเลย ท่านที่ตั้งครรภ์ห้ามประมาทเด็ดขาด ท่านนั่งพักผ่อนอยู่ที่นี่เถอะ ข้าจะไปเอง” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไป ก็เหยียดกายลุกขึ้นพลางเดินออกจากประตู แล้วก็แอบส่งสายตาให้กับซูอวี้เหิง

“รอข้าก่อน! ข้าก็จะไปดูว่ามีของอะไรอร่อยบ้าง!” ซูอวี้เหิงเห็นจึงรีบตามออกไป

ทั้งสองออกจากเรือน แล้วเดินถึงที่สงบๆ เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้ชุ่ยเวยไปดูความเรียบร้อยของโรงครัวก่อน จากนั้นก็ดึงซูอวี้เหิงเข้ามาใกล้ แล้วกระซิบข้างหูด้วยเสียงเบาว่าเฉิงอ๋องโปรดปรานในเซียวหลิน และเล่าเรื่องที่คิดจะให้อวิ๋นเหยาออกเรือนให้เขาอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็กำชับอีกครั้ง “เรื่องนี้กลับไปเจ้าแค่บอกกับพี่หันก็พอ ห้ามหลุดพูดให้คนอื่นฟังแม้แต่คำเดียว”

ซูอวี้เหิงขึงตาโตทันที แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ “พี่เหยา พี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่”

เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะเสียงเบา “ข้าล้อเล่นเรื่องเยี่ยงนี้กับเจ้า? ไม่เชื่อเจ้าก็รองไปถามพี่รองของเจ้าดูสิ”

ซูอวี้เหิงฟังไม่ออกว่าเหยาเยี่ยนอวี่กำลังล้อเล่นอยู่ ภายในใจแค่ครุ่นคิดถึงหันหมิงชั่น หลังจากครุ่นคิดไปสักพัก ก็ขมวดคิ้วพร้อมกับพร่ำบ่นด้วยเสียงต่ำ “นี่มันใครกับใครกันแน่…วุ่นวายและซับซ้อนยิ่งนัก”

เหยาเยี่ยนอวี่บอกความหมายไม่กี่ประโยคเหล่านั้นให้กับซูอวี้เหิง ก็เพื่อที่จะให้ซูอวี้เหิงหาเวลาว่างไปพูดคุยกับหันหมิงชั่น ทำให้หันหมิงชั่นเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ หากไม่โปรดปราน ก็ช่างปะไรไป หากโปรดปราน ก็ต้องลงไม้ลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบ

อย่างไรวิธีการขององค์หญิงใหญ่หนิงหวาต้องไม่ย่ำแย่อยู่แล้ว หากหันหมิงชั่นโปรดปรานใครจากใจจริง นางที่เป็นมารดาก็ต้องทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อที่จะแก่งแย่งมาให้บุตรี

เหยาเยี่ยนอวี่หวังว่าหันหมิงชั่นจะมีความสุขจากใจจริง ก็รู้สึกว่าจิ้งไห่โหวท่านนี้เป็นบุรุษยืนเด่นที่เย้ยฟ้าท้าดิน สองคนนี้หากสามารถอยู่ด้วยกันจริงๆ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือ

สำหรับอวิ๋นเหยา…นางจะเหมาะสมกับสุภาพบุรุษที่อ่อนน้อมถ่อมตนเฉกเช่นเซียวหลินได้อย่างไร บุรุษดีๆ ในแคว้นต้าอวิ๋นก็ไม่มีมากอยู่แล้ว คงไม่อาจปล่อยให้นางทำลายร้างไปหนึ่งคนหรอก

ซูอวี้เหิงกับหันหมิงชั่นมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมมากกว่าพี่น้องทางสายเลือด ก่อนหน้านี้หันหมิงชั่นบอกว่าไม่อยากแต่งเข้าไปในจวนเฉิงอ๋อง เรื่องนั้นนางก็รู้ หลังจากนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นตอนเทศกาลหยวนเซียว ซูอวี้เหิงก็รู้ คุณหนูสามแห่งตระกูลซูที่ฉลาดหลักแหลม ถึงแม้จะไม่รู้ในความรู้สึกที่หันหมิงชั่นมีต่อเซียวหลิน ทว่ากลับสามารถเข้าใจในความหมายของเหยาเยี่ยนอวี่ ดังนั้นจึงจับมือของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ แล้วกล่าวขึ้น “พี่สาววางใจเถอะ ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”