บทที่ 134 พนักงานใหม่มากความสามารถ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

“ประธานอวี้ บริษัทของคุณใหญ่มาก”

“ตอนนี้นายควรจะเรียกว่าบริษัทของเราสิ นายอย่าลืมสิว่าฉันเซ็นสัญญาจ้างนายเข้ามาทำงานในบริษัทของฉันแล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า เขาพึงพอใจกับบุคลิกของชายหนุ่มคนนี้พอสมควร

สิบนาทีต่อมา

ฝ่ายวิจัยและออกแบบ

“พาเขาไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่ จากนั้นช่วยดูทีว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งงานไหน”

อวี้ฮ่าวหรานส่งโจวเฮิงให้กับหัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบ

“เข้าใจแล้วครับท่านประธาน เมื่อวานเป็นความผิดผมเองที่ไม่สามารถรั้งคนพวกนั้นให้อยู่ต่อได้ ผมต้องขออภัยด้วยจริงๆ ผมจะไม่ทำให้ท่านประธานผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน!”

หัวหน้าแผนกรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เขายังคงวิตกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ กลัวว่าอวี้ฮ่าวหรานจะโทษในเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น

“ช่างมันเถอะผมไม่ได้โทษคุณ ว่าแต่ตอนนี้เล่าให้ผมฟังหน่อยว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้างผมขอแบบละเอียดๆ เลย”

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา

อวี้ฮ่าวหรานตอนนี้กลับมาถึงออฟฟิศของเขาเองแล้ว และกำลังอ่านเอกสารสำคัญที่อยู่บนโต๊ะ แต่ไม่นานหลังจากนั้นประตูก็ถูกเคาะ

“ท่านประธานผมขอขออนุญาตเข้าพบ!”

คนที่มาก็คือหัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบ แต่สีหน้าของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสุขราวกับว่าเขาเพิ่งถูกรางวัลใหญ่มายังไงยังงั้น

“คุณมีอะไรงั้นเหรอ?”

“ท่านประธาน! เด็กใหม่ที่คุณเพิ่งจ้างมายอดเยี่ยมมากจริงๆ!”

หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบรู้สึกตื่นเต้นมาก

“เด็กคนนี้มีความสามารถมาก! เขาสามารถผ่านการทดสอบที่ผมให้กับเขาในเวลาอันสั้น ผมขอชมเชยท่านประธานจากใจจริง ท่านเก่งมากที่หาคนแบบนี้เข้ามาได้!”

“อืมดีแล้วๆ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบยังคงไม่หายจากอาการตื่นเต้น เขาพูดขึ้นต่ออีก “ท่านประธาน ความสามารถของเด็กคนนั้นไม่ใช่แค่นั้น! เขายังพบข้อบกพร่องในแบบร่างสินค้าก่อนหน้านี้ แถมยังแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว! ผมละอายใจจริงๆ ที่อยู่มานานแล้วแต่กลับไม่พบข้อบกพร่องได้แบบเขา เด็กคนนี้มีพรสวรรค์สูงมากจริงๆ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อวี้ฮ่าวหรานอึ้งไปพักหนึ่ง เด็กที่บังเอิญรับมามีพรสวรรค์สูงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?

นี่คือสมบัติล้ำค่าของบริษัท!

“เอาล่ะ! คนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้พวกเราจะรอช้าไม่ได้ คุณรีบไปจัดการหาหน้าที่ๆ เหมาะสมให้กับเขา และถ้าเขาติดขัดอะไรตรงไหนคุณช่วยสอนเขาให้ดีที่สุด”

“แน่นอน! ท่านประธานไว้ใจผมได้เลย! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบตบอกตัวเองด้วยสีหน้ามั่นใจ

“เอ่อ… ว่าแต่ท่านประธาน คุณไปสรรหาอัจฉริยะแบบนี้มาจากไหนงั้นเหรอคุณช่วยบอกผมได้ไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วหลังจากได้ยินข้อสงสัยของอีกฝ่าย เพราะการที่เขาได้ตัวเด็กคนนี้มาทำงานด้วยจริงๆ แล้วต้องมอบความดีความชอบให้กับเฉิงชิวอวี้!

“จากเพื่อนน่ะ!”

เมื่อคิดย้อนไปว่าหลังจากหาคนได้แล้วเขาก็ตรงกลับมาที่บริษัททันทีโดยที่แทบไม่ได้สนใจฝั่งตรงข้ามเลย เขาก็รู้สึกผิดในใจ

เขาลืมตัวจนทำตัวไร้มารยาทแบบนั้นไปได้ยังไง? ผู้หญิงคนนั้นอุตส่าห์มาช่วยงานเขาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย แต่เขากลับไล่ให้เธอกลับบริษัทไปด้วยคำขอโทษส่งๆ

เขาต้องแก้ไขเรื่องนี้ให้ถูกต้อง!

“เอาเป็นว่าหลังจากนี้ คุณช่วยส่งคนไปที่สำนักงานหางานด้วยเพื่อรับสมัครคนที่มีความสามารถมาเข้าร่วมกับเรา คุณสมบัตินับจากนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานเป็นหลัก ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเช่นกัน ตราบใดที่พวกเขามีพรสวรรค์มากพอ”

หลังจากออกคำสั่งแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็บอกให้หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบกลับไปจัดการทันที

เมื่อเห็นกรณีตัวอย่างของโจวเฮิง อวี้ฮ่าวหรานก็คิดได้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องหมกมุ่นหาแต่คนที่มีประสบการณ์สูงก็ได้ เพราะมันหายากมากๆ และใช้เวลามากเกินไป มันจะเป็นการดีกว่าหากเขาเอาเวลาไปหานักศึกษาจบใหม่ที่มีพรสวรรค์สูงๆ

เขาเชื่อว่าหลังจากผ่านไประยะหนึ่ง บรรดาอัจฉริยะหน้าใหม่เหล่านี้จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้พวกที่มีประสบการณ์สูงแน่นอน

หลังจากที่หัวหน้าแผนกวิจัยและออกแบบจากไป อวี้ฮ่าวหรานก็โทรหาเฉิงชิวอวี้เพื่อขอบคุณฝั่งตรงข้ามให้เหมาะสมมากกว่าเดิม

“ฮันโหล? เฉิงชิวอวี้ ก่อนหน้านี้ผมตื่นเต้นจนรีบกลับบริษัทไปหน่อย ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำตัวเสียมารยาทไปแบบนั้น อ้อและผมขอบคุณมากจริงๆ หากไม่ได้คุณผมคงไม่ได้พนักงานใหม่ที่มีความสามารถขนาดนี้”

“หืม? คนที่คุณรับเข้าไปใหม่เก่งมากเลยเหรอ?”

เฉิงชิวอวี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรมาขอโทษและขอบคุณเธอแบบนี้

“เขาเก่งมากๆ เลยล่ะ ความดีความชอบนี้ผมยกให้คุณคนเดียวเลย”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเล็กน้อยพลางคิดโทษตัวเองว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างเย็นชากับฝั่งตรงข้ามากเกินไปหน่อย

เพื่อเป็นการขอโทษ เขาจึงถือโอกาสเอ่ยเชิญขึ้นก่อน “คืนนี้คุณว่างไหม ผมอยากจะชวนคุณไปทานอาหารเย็นเพื่อเป็นการขอบคุณ”

“คุณชวนฉันเหรอ!? นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันได้รับเกียรติขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”

เฉิงชิวอวี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็แปลกใจมาก

ก่อนหน้านี้ฝั่งตรงข้ามเอาแต่ปฏิเสธเธอตลอดเวลาในทุกครั้งที่เธอชวนเขาไปไหนมาไหน จนบางทีก็สงสัยว่าตัวเองไม่น่าดึงดูดพอหรือฝั่งตรงข้ามไม่ชอบผู้หญิงกันแน่?

แต่แล้วว่าวันนี้อีกฝ่ายกลับชวนเธอก่อนซะงั้น!

“ว่าไงคุณจะไปรึเปล่า?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ไปสิ ในที่สุดคุณก็ชวนฉันก่อนแบบนี้ฉันจะไม่ไปได้ยังไง!” เฉิงชิวอวี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

“งั้นถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ คุณก็โทรมาก็แล้วกันผมจะไปรอที่ร้านอาหารก่อน”

หลังจากนั้นทั้งสองก็วางสายกันไป

หลังจากวางสายไป เฉิงชิวอวี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอเดินออกจากบริษัทของตัวเองพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย ซึ่งบรรดาพนักงานที่เห็นต่างก็พากันงุนงงว่ามีอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนี้ …พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!

จากนั้นเมื่อถึงเวลา 1 ทุ่มตรง อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงร้านอาหารที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

วันนี้หลี่หรงเลิกงานเร็ว ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงขอให้เธอเป็นคนพาถวนถวนกลับบ้าน เขาจึงไม่จำเป็นต้องกลับบ้านเร็วในวันนี้

ภัตตาคารจินหลานเป็นร้านอาหารระดับ 5 ดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองฮ่วยอัน

ทั่วทั้งร้านถูกตกแต่งอย่างหรูหราและงดงาม มีนักเปียโนคอยเล่นเพลงคลอไปเบาๆ ซึ่งมันยิ่งทำให้บรรยากาศภายในร้านกลายเป็นไร้ที่ติ

เฉิงชิวอวี้เข้ามาในร้านอาหาร วันนี้เธอดูสดใสเป็นพิเศษ เธอสวมชุดเดรสสีม่วงลาเวนเดอร์ซึ่งพอตัดกับสีผิวที่ขาวเนียนราวกับหิมะและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ มันก็ยิ่งทำให้เธอน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก

ต่างจากความเคร่งขรึมในตอนอยู่ในบริษัท หญิงแกร่งในเวลานี้ช่างน่าทึ่งและเย้ายวนเหมือนกับเป็นคนละคน

เมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่อวี้ฮ่าวหรานที่ใจแข็งสุดๆ ก็ต้องพยายามข่มใจสุดฤทธิ์ไม่ให้มองฝั่งตรงข้ามจนน่าเกลียดเกินไป

“คุณเป็นอะไรไปทำไมดูเกร็งๆ แบบนั้น?”

เฉิงชิวอวี้เอ่ยทักด้วยสีหน้าหยอกล้อ เพราะวันนี้เธอเตรียมตัวเพื่อมาหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนนี้โดยเฉพาะ!