เล่มที่ 7 บทที่ 195 นางคำนวณได้เร็วกว่าลูกคิดเสียอีก

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

รับซื้อผักตี้เอ่อมาครึ่งชั่วยามกว่า พอเห็นว่าไม่มีคนแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงเก็บแผง ไม่รับซื้ออีก เมื่อเก็บกวาดลานบ้านเสร็จ รถม้าของเซียนจวีโหลวก็มาถึงแล้ว

ซ่งฝูขับรถม้ามายังบ้านท่านปู่เซียว เมื่อเห็นว่าในลานบ้านมีผักตี้เอ่อวางอยู่สิบกว่าตะกร้า ซ่งฝูย่อมรู้สึกดีใจ

เวลานี้ผักตี้เอ่อยังได้รับความนิยมมาก ขอเพียงออกจำหน่าย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่หมด

ซ่งฝูมองผักตี้เอ่อในลาน จากนั้นจึงนำตะกร้าใหญ่ที่เขาเตรียมมาเองออกมา “เทผักตี้เอ่อเหล่านี้ลงในตะกร้าเหล่านี้แล้วกัน!”

ชั่งน้ำหนักตะกร้าใหญ่ก่อน ซ่งฝูดูทีหนึ่ง ก่อนกล่าว “ตะกร้านี่น่าจะไม่พอกระมัง ที่ข้ายังมีอีก! ” ทำซ้ำอยู่เช่นนี้ ซ่งฝูนำตะกร้าใหญ่ห้าถึงหกใบออกมาจากรถม้า

น้ำหนักของตะกร้าใหญ่แต่ละใบล้วนแตกต่างกัน ชั่งแยกทีละใบ ทางเซียวจื่อเซวียนจดบันทึกน้ำหนักของตะกร้าใหญ่ไว้ทั้งหมด

ทางซ่งฝูก็จดไว้เช่นกัน จากนั้นจึงชั่งน้ำหนักของผักตี้เอ่อ ชั่งน้ำหนักผักตี้เอ่อในตะกร้าใหญ่ทีละใบ ไม่ได้ชั่งรวมกัน

พอถึงตอนคำนวณ ตะกร้าใหญ่ห้าใบล้วนมีตัวเลขน้ำหนักที่แตกต่างกัน ยังมีน้ำหนักผักตี้เอ่อในตะกร้าใหญ่ห้าใบด้วย ล้วนแตกต่างกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนคำนวณมีตัวเลขที่ต่างกันสิบจำนวน

ซ่งฝูเหลือบมองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง เห็นนางกำลังดูคนขนผักตี้เอ่อขึ้นรถม้าเงียบๆ อยู่ห่างจากเซียวจื่อเซวียนไกลมาก

ซ่งฝูหยิบลูกคิดขึ้นมาคำนวณไม่หยุด

เมื่อผักตี้เอ่อตะกร้าที่สองถูกขนขึ้นรถม้า เซี่ยยวี่หลัวก็คำนวณตัวเลขรวมออกมาแล้ว

เร็วกว่าซ่งฝูที่คำนวณด้วยลูกคิดเสียอีก

“ตะกร้าใหญ่ห้าใบทั้งหมดสิบแปดจิน ผักตี้เอ่อและตะกร้าใหญ่ห้าใบรวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบสองจิน หักลบน้ำหนักตะกร้าสิบแปดจิน ทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบสี่จิน จินละห้าอีแปะ เป็นเงินห้าร้อยเจ็ดสิบอีแปะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว

ลูกคิดของซ่งฝูเพิ่งคำนวณถึงตัวเลขหนึ่งร้อยสามสิบสองจิน เขาเพิ่งคำนวณตัวเลขรวมของผักตี้เอ่อห้าตะกร้าเสร็จ ยังไม่ได้หักลบน้ำหนักตะกร้าด้วยซ้ำ!

เหตุใดนางถึงคำนวณจำนวนเงินออกมาได้แล้ว

เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ขอรับ” ก็จดตัวเลขรวมลงในสมุดบัญชี

ซ่งฝูเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยความตกตะลึงทีหนึ่ง มือปัดลูกคิดเพื่อคำนวณไม่หยุด ถูกต้อง เป็นจำนวนเงินห้าร้อยเจ็ดสิบอีแปะพอดี!

เร็วเกินไป เร็วเกินไปแล้ว!

ท่านปู่เซียว เซียวเหลียง และเด็กสองคนเห็นจนชินนานแล้ว อีกคนที่รู้สึกตกตะลึงเหมือนกันคือเซียวยวี่ หากบอกว่าเมื่อครู่ตัวเลขน้อยเหล่านั้น เซี่ยยวี่หลัวสามารถคำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็วก็ยังพอเข้าใจได้ อย่างไรตัวเลขก็น้อย คิดคำนวณได้ง่าย

แต่เมื่อถึงตัวเลขหลักร้อย ความเร็วการคิดคำนวณของเซี่ยยวี่หลัวเร็วกว่าอีกฝ่ายที่ใช้ลูกคิดเสียอีก เรื่องนี้ทำให้เซียวยวี่รู้สึกฉงนสงสัย

ซ่งฝูสะกดความรู้สึกประหลาดใจไว้ เห็นผักตี้เอ่อถูกขนขึ้นรถม้าทั้งหมดแล้ว ในจำนวนคนที่มาช่วยมีคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ซ่งฝูกล่าวด้วยท่าทีสงสัย “ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”

เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดจะอธิบาย ท่านปู่เซียวที่อยู่ข้างๆ เคาะกล้องยาสูบทีหนึ่ง หัวเราะพร้อมกล่าว “อ้อ นั่นคือสามีของยวี่หลัว เซียวยวี่”

ซ่งฝูมองเซียวยวี่แวบหนึ่ง สง่าผ่าเผย รูปลักษณ์หล่อเหลา บุคลิกสุภาพอ่อนโยน แค่ดูก็รู้ว่าเป็นบัณฑิต

“คารวะคุณชายเซียว! ” ซ่งฝูประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อม ยิ้มพร้อมกล่าว “ฮูหยินเซียวและคุณชายเซียวช่างสมกันราวกิ่งทองใบหยก ฟ้าดินสร้างมาให้คู่กัน! ”

เซียวยวี่ประสานมือคำนับกลับอย่างมีมารยาท “ขอบคุณมาก! ”

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจ ขอบคุณอะไร? ขอบคุณคนอื่นที่ชมพวกเขาว่าเป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาให้คู่กัน เช่นนี้ผิดจากความเป็นจริงมากเกินไป คาดว่าคงขอบคุณที่บอกว่าเขาเป็นกิ่งทองกระมัง

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาให้เป็นอริกัน

“เถ้าแก่เซียวไม่พบกันนาน! ” ซ่งฝูกล่าวทักทายเซียวเหลียง

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ซ่งฝูไม่คิดจะสนทนาด้วย เซียวเหลียงก็เลิกหวังไปแล้ว อย่างไรเขาก็มีประวัติไม่ดี ต่อให้เซียนจวีโหลวคิดจะเปลี่ยนคนจัดหาวัตถุดิบ ก็คงไม่คิดถึงเขา

วันนี้ได้พบ เพียงแค่กล่าวทักทายอย่างเรียบง่าย หลังจากขนผักตี้เอ่อขึ้นรถม้าแล้ว ก็ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบสงบ บัดนี้ซ่งฝูกลับกล่าวทักทายเขาเอง เรื่องนี้ทำให้เซียวเหลียงรู้สึกผิดคาดนัก

ต้องรู้ว่าซ่งฉางชิงเป็นบัณฑิต บัณฑิตมักจะมีความหยิ่งทะนง ทำให้บ่าวรับใช้ที่ติดตามเขามีความหยิ่งทะนงไปด้วย

ซ่งฝูสนทนากับเขา เซียวเหลียงรู้สึกสงสัย เพียงแต่อีกฝ่ายเปิดบทสนทนากับเขาก่อน เขาก็ไม่อยากทำเฉยเมย คำนับกลับอย่างมีมารยาท “ท่านซ่งน้อย ไม่พบกันนาน! ”

อาจเป็นการกล่าวทักทายพอเป็นพิธี เช่นนั้นกล่าวตอบพอเป็นพิธีก็พอแล้ว

ใครจะรู้ว่าซ่งฝูกลับกล่าวต่อ “ระยะนี้เถ้าแก่เซียวไม่อยู่ในเมืองโยวหลันงั้นหรือ? ”

เขารู้ได้อย่างไรว่าตนเองไม่ได้อยู่ในเมืองโยวหลัน?

เซียวเหลียงรู้สึกสงสัยยิ่งนัก “อ่อ ระยะนี้ข้าไปทำการค้าในตัวอำเภอ ดังนั้นจึงไม่อยู่ที่บ้าน”

ซ่งฝูยิ้มทีหนึ่ง “เป็นเช่นนี้เอง มิน่าล่ะข้าไปร้านน้ำมันอาหารแห้งฟ่างซินสามหนก็ยังไม่พบเถ้าแก่เซียว! ” เขาไม่ได้เข้าไปในร้าน เพียงมองดูอยู่ด้านนอก คนที่ทำงานล้วนไม่ใช่เซียวเหลียง

“ท่านไปหาข้า? ” เซียวเหลียงเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ท่านซ่งน้อยหาข้ามีธุระอันใดงั้นหรือ? ”

“ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ จะกล้ามีธุระหาเถ้าแก่เซียวได้อย่างไร คนที่จะพบท่านคือคุณชายของข้า หากวันไหนเถ้าแก่เซียวมีเวลาว่างก็เชิญไปที่เซียนจวีโหลว คุณชายของข้ามีธุระสำคัญจะหารือกับเถ้าแก่เซียว! ”

เซียวเหลียงตกตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกมา “ท่านซ่งมีธุระสำคัญจะหารือกับข้า? ธุระสำคัญอะไรงั้นหรือ? ”

ซ่งฝูยิ้ม “เรื่องนั้นผู้น้อยก็ไม่ทราบเช่นกัน หากเถ้าแก่เซียวมีเวลาว่าง ลองไปสักหนก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ! ”

เซียวเหลียงรีบตอบตกลง “ได้เลย ได้เลย หากท่านซ่งมีเวลาว่าง ข้าเข้าไปในตัวเมืองก็จะไปหาท่านซ่งทันที! ”

“เช่นนั้นพวกเราจะรอเถ้าแก่เซียวมาเยือน! ” ซ่งฝูประสานมือคำนับก่อนจากไป

ขณะเขาเดินออกไปขึ้นรถม้า มีบุรุษผู้หนึ่งและสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งไม่ห่างนัก จ้องมองรถม้าของเขา

เถียนเอ๋อผลักเซียวจินทีหนึ่ง “เจ้าแน่ใจนะว่าจำไม่ผิด เป็นคนผู้นี้งั้นหรือ? ”

“ในเมืองโยวหลันใครบ้างไม่รู้จักเถ้าแก่ซ่ง นี่คือบ่าวรับใช้คนสนิทของเขา เจ้าคิดดูว่าเขามารับซื้อผักตี้เอ่อ ตามหลักแล้วผักตี้เอ่อนี่เซียวเหลียงเป็นคนรับซื้อ เถ้าแก่ซ่งจะหาก็ควรหาเซียวเหลียง ทำไมถึงไปหาเซี่ยยวี่หลัวด้วยตัวเองเล่า? ” เซียวจินมองดูรถม้าเคลื่อนออกห่างด้วยความสงสัยเต็มประดา

เถียนเอ๋อหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ใครจะรู้เล่า เซี่ยยวี่หลัวนั่นชาติก่อนเป็นนางจิ้งจอก มีความสามารถในการล่อลวงบุรุษไม่น้อยเลย ไม่แน่ว่าเถ้าแก่ซ่งนั่นอาจถูกนางล่อลวงก็เป็นได้! ”

เถ้าแก่ซ่งถูกเซี่ยยวี่หลัวซึ่งเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วล่อลวง?

ดูท่าภรรยาของตนเองไม่รู้ว่าเถ้าแก่ซ่งเป็นบุคคลเช่นไร

เขาเป็นจวี่เหริน มีทั้งความรู้ความสามารถ รูปลักษณ์หน้าตาดี และทรัพย์สินมากล้น บัดนี้อายุสิบแปดถึงสิบเก้าปีแล้วยังไม่ได้แต่งงาน หญิงสาวในเมืองที่ยังไม่มีคู่ครอง ใครบ้างไม่วาดฝันว่าจะได้ครองคู่กับเถ้าแก่เซียว!

เถ้าแก่ซ่งที่เคยพบบุตรสาวตระกูลเล็กคุณหนูตระกูลใหญ่มาไม่น้อย จะถูกตาต้องใจเซี่ยยวี่หลัวที่เป็นสตรีที่แต่งงานแล้วได้อย่างไร?