สรุปแล้วถังหยินใช้เวลาไปกับเขาหมื่นอสูรทั้งหมด 9 วันเต็ม

และในฐานะของแม่ทัพใหญ่ ทุกคนย่อมมองหาเขาเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ แต่ในเมื่อเขาหาตัวไม่เจอแบบนี้ ทุกคนก็พากันสงสัยเป็นธรรมดา

และเพราะหาถังหยินไม่เจอ พวกเขาก็เลยมาตามหาชิวเจิ้นที่เป็นคนสนิทแทน ซึ่งเด็กหนุ่มก็ได้อธิบายไปทุกอย่างว่าถังหยินกำลังฝึกอยู่ ซึ่งมันก็หลอกได้แค่พวกขุนนางธรรมดาเท่านั้น เพราะกับพวกแม่ทัพแล้วไม่มีใครเชื่อเลย อย่าลืมสิ ถังหยินเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดนะ !

ชิวเจิ้นถูกบีบให้พูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว ก็เลยพูดอะไรขึ้นมาแก้ขัดไปก่อน “ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไมนายท่านถึงเก็บตัวฝึกแบบนี้ แต่ถ้ามีคำถามก็เก็บไว้รอนายท่านกลับมาเถอะ”

“แล้วเขาจะมาเมื่อไหร่ ?”

“ประมาณ 3 – 5 วันได้ ไม่ก็อาจจะ 10 วัน ใครจะไปรู้กัน” ชิวเจิ้นกอดอกด้วยความไม่พอใจ

เพราะว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นทั้งคนสนิทถังหยินและเป็นขุนนางตำแหน่งสูง ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจดังกล่าว ก็ไม่มีใครกล้าถามเขาเพิ่มเติมอีก

เขากันพวกแม่ทัพขี้สงสัยได้ก็จริง แต่กลับฟานหมินแล้วไม่อาจทำได้ หลังจากที่รู้ว่าถังหยินหายตัวไป หญิงสาวก็ร้อนรุ่มทั้งวันและอยู่ไม่สุข เอาแต่มาถามว่าถังหยินไปที่ไหนทุกวัน

การที่โดนตื๊อถามโดยนางทุกครั้งแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจสักเท่าไหร่ มันแทบจะทำให้ชิวเจิ้นเป็นบ้าเลยด้วยซ้ำ จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจชิ่งหนี เดินทางกลับไปยังทางผ่านสวรรค์

เมื่อเขากลับมา ก็พบว่าพวกทหารคิดกันไปไกลแล้วว่าแม่ทัพใหญ่ได้หนีทัพไปแล้ว แต่ยังดี ที่ได้ชิวเจิ้นที่ยังยืนกรานว่าถังหยินยังอยู่ที่นี่และกำลังจะก้าวข้ามระดับพลังเดิมเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะให้กับพวกเขา !

ได้ยินคำแก้ตัวแบบนี้ พวกเขาก็ยิ่งมีกำลังใจลุกฮือขึ้นมา เพราะการที่ถังหยินสามารถยกระดับตัวเองให้กลายเป็นระดับปราณเทพเจ้าได้ มันจะทำให้พวกเขามีโอกาสมากขึ้น ! ด้วยทั่วทั้งจักรวรรดิเฮาเทียนนั้น คนที่เข้าสู้ระดับนี้ได้มีจำนวนน้อยมาก !!!

“นายท่านไปฝึกวิชาจริง ๆ หรือ ?” ถึงทีหยวนอู่กับหยวนเปียวถามบ้างแล้ว

“แน่นอน” ถังหยินปรากฏตัวออกมาข้างหลังทุกคนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเขาด้วยความตะลึงปนตกใจ

“เร็วได้ขนาดนั้นเลยหรือ ? นายท่านใช้เวลาแค่ 9 วันเองนะ ? ขนาดพวกเรายังต้องใช้เวลาถึง 9 ปี หากแต่นั่นก็อาจจะยังทำไม่ได้เลยนะ” หยวนอู่ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจ หรือว่าถังหยินอาจจะเป็นเหมือนพี่สองของเขาที่มีความสามารถเก่งกาจกัน ?

ถังหยินหัวเราะ “ตอนที่ข้าไปฝึก บังเอิญได้เจอเข้ากับมังกร ทำให้ข้าพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดยังไงล่ะ“

“ม่ะ มังกร ?” ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกตะลึง พร้อมทั้งคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ชิวเจิ้นเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ไวสุด เขากลอกตาแล้วก้มหัวให้ “ยินดีด้วยขอรับนายท่าน !”

การพูดขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ทำเอาถังหยินไปไม่เป็นเหมือนกัน “เจ้าจะแสดงความยินดีกับข้าทำไมกัน ?”

“มันก็เป็นเพราะการที่ท่านได้รับการช่วยจากมังกรสวรรค์ยังไงล่ะขอรับ คงเป็นเหล่าทวยเทพทั้งหลายที่เห็นใจจึงได้ส่งมังกรมาช่วยท่านในการฝึกพลังแน่นอน” จากนั้นเขาก็หันไปบอกกับแม่ทัพทุกคน “พวกเราจะต้องเอาชนะพวกทรราชนั่นได้แน่ !”

ถังหยินไม่คิดว่ามุกนี้ของชิวเจิ้นจะใช้ได้ผลสักเท่าไหร่

ในเวลานั้น เขาเห็นฟานหมินเดินออกมาจากฝูงชน จึงได้ดึงตัวนางเข้ามากอดต่อหน้าทุกคน

แม้ว่าเรื่องถังหยินหนีทัพจะโด่งดังอยู่บ้าง แต่เรื่องการช่วยเหลือจากมังกรเทพก็ได้แพร่หลายไม่แพ้กัน ในเมื่อยุคนี้ที่ผู้คนหลงเชื่อในเรื่องตำนานมากมายแบบนี้ ดังนั้นแล้วการที่ถังหยินได้รับการช่วยเหลือจากมังกร มันก็เท่ากับว่านี่คือสวรรค์บัญชาให้เขาจัดการพวกกบฏนั่นเอง !

ข่าวนี้ไม่จำกัดอยู่ที่เทียนหยวนเท่านั้น หากแต่ไปทั่วแคว้นเฟิงจนทำให้คนที่อยู่ใต้บัญชาถังหยินได้รับฉายาว่า ผู้รับใช้มังกร

ในวันที่ 3 ที่ถังหยินกลับมา ลู่ฟางก็ได้ส่งพิราบบินมาจากเมืองหยานว่ามีทางเข้าลับอยู่จริง ๆ และสหายของเขาก็พร้อมที่จะช่วยถังหยินแล้ว

เมื่อได้รับข้อมูลแบบนี้ ถังหยินก็รีบพาตัวเองกับลูกน้องบางส่วนไปยังเมืองหยาน ได้แก่ หยวนอู่ หยวนยู่ และเฉิงจิน

ถึงทุกคนจะทำใจไว้แล้ว แต่ก็ยังคิดว่าการเดินทางของถังหยินในครั้งนี้อันตรายอยู่ดี เพราะเมืองหยานคือฐานที่มั่นของซ่งเทียน แถมคนที่มีอำนาจพอขัดขวางพวกเขาได้ก็คือถังหยินอีกด้วย ดังนั้นการทำภารกิจนี้จึงไม่ต่างอะไรจากการเข้าถ้ำเสือเลย

ถังหยินหัวเราะออกมาเพื่อผ่อนคลายทุกคน “พวกเจ้าไม่เชื่อว่าข้าเป็นผู้ได้รับการช่วยเหลือจากเทพเจ้ามังกรหรือ ? ไม่คิดว่าข้าจะปราบซ่งเทียนได้หรือ ?”

ทุกคนเงียบกริบและไม่มีใครพูดอะไรต่อ

จากนั้นถังหยินก็กล่าวต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ในช่วงที่ข้าไม่อยู่ ให้ชิวเจิ้นรักษาการแทนข้า มีใครจะคัดค้านไหม ?”

ทุกคนส่ายหัวให้พร้อมกัน แล้วชายหนุ่มก็กล่าวต่อ “งั้นก็ดี ข้าจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”

“นายท่าน ! เราจะเชื่อลู่ฟางได้หรือ ? ถ้าเกิดมันหลอกพวกเราล่ะ ?” เฉิงจินพูดด้วยสีหน้าหวาดวิตก

“ข้าเชื่อว่าพวกเขาเชื่อถือได้ มีพวกโรนินหลายคนเชื่อมั่นในเรา ดังนั้นลู่ฟางจะต้องไม่โกหกข้าแน่นอน” ถังหยินพูดดักคอเขาไว้

“ท่านนายท่านเชื่อแบบนั้น งั้นข้าก็จะเชื่อท่าน !” เฉิงจินไม่กล้าพูดให้ยาวไปมากกว่านี้

คืนนั้นถังหยินมาบอกลาฟานหมิน

หญิงสาวกังวลเกี่ยวกับเรื่องของถังหยินมาก แต่นางก็ไม่คิดจะถามเขาให้มากความ ทว่าก็ต้องประหลาดใจเมื่อชายหนุ่มปรากฎตัวในห้องของนางแบบกะทันหัน ก่อนจะรีบปิดสมุดบัญชีแล้วหันกลับมามองเขา

ถังหยินประหลาดใจเช่นกัน แต่ก็เดินเข้ามาใกล้ “มีอะไรหรือฟานหมิน ?”

“ท่านจะไปเมืองหยานพรุ่งนี้เช้าหรือ ?”

“ใช่”

“เพื่อช่วยนาง ?”

“ถูกต้อง”

“นางเป็นใคร ทำไมท่านถึงต้องไปช่วยด้วย ?” นี่คือคำถามที่ฟานหมินสงสัยมานาน นางเคยได้ยินเกี่ยวกับอู่เหมยจากชิวเจิ้นมาบ้างและล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ซึ่งมันก็ทำให้นางรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าอกขึ้นมาทันที

ถังหยินตะลึงไปชั่วขณะ และเข้าใจว่าฟานหมินหมายถึงอะไร เขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ “ข้าต้องไปช่วยพวกเขาทั้งหมดไม่ใช่แค่นางเท่านั้น ที่ทุกวันนี้ข้ามายืนตรงนี้ได้ก็เพราะพวกเขา และถ้าไม่มีพวกเขาก็จะไม่มีทางล้มซ่งเทียนได้”

เขาพูดความจริงทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง

หญิงสาวถอนหายใจแล้วแต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี “แล้วท่านชอบนางหรือไม่ ?”

มุมปากของเขาเผยอขึ้น “ข้าก็ไม่รู้หรอก”

“แล้วข้าล่ะ ? ท่านชอบข้าไหม ?”

เขาพยักหน้าให้

นางเห็นแบบนี้ก็เริ่มดีใจ “แล้ว ท่านรักข้าไหม ?”

คำว่า ‘รัก’ ที่ถูกพูดขึ้นมาถังหยินไม่อาจตอบได้เต็มปาก และคนรักคนแรกที่ลอยเข้ามาในหัวก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากหยินโรวหรือคริสตัล ทว่ามันก็แปลกมาก เพราะเขาไม่ได้เจอกับหยินโรวนานมากแล้ว หากแต่เขาก็ยังไม่อาจสลัดความโหยหาในตัวนางออกไปได้

เมื่อถังหยินไม่พูดอะไร ฟานหมินก็เริ่มผิดหวัง นางมองเขาก่อนจะชี้ไปยังหน้าอกของชายหนุ่ม “ข้าไม่ยอมแพ้หรอก”

ท่าทีของฟานหมินทำให้หัวใจของถังหยินสั่นคลอน เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปและเข้าไปกอดนางก่อนหลับตาลงอยู่อย่างนั้น

เขาคิดว่าถ้าหากตนไม่ได้รวมร่างเข้ากับหยานหลี่ เขาจะยังมีความรู้สึกเกี่ยวกับหยินโรวอยู่หรือไม่ ?

…การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

จากนั้นถังหยินก็คลายอ้อมกอดแล้วมอบคริสตัลสีเขียวจากในกระเป๋าให้กับนาง “ข้าให้เจ้า”

ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่รู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากนัก ดังนั้นเขาจึงเก็บมันไว้ในกระเป๋าเป็นเวลา 2 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติต่อร่างกายก่อนที่จะมอบให้กับฟานหมิน

หญิงสาวดีใจมากที่เห็นอัญมณีชิ้นโตแบบนี้ นางยื่นมือไปรับมันมาและสัมผัสได้ถึงความเย็นจากมัน “มันคืออะไร ?”

ถังหยินที่เห็นนางไม่รู้เกี่ยวกับมันจึงได้พยายามหาเรื่องพูดไป “เทพเจ้ามังกรให้ข้ามา”

“ถ้างั้น มันก็มีค่ามากเกินไป” ฟานหมินไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็จริง แต่นางก็พอจะดูออกว่านี่จะต้องทำกำไรให้เยอะมากแน่นอน