ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชื่นชมคุณจริงๆ ก็คือตอนที่เราเจอกันในห้องท่านประธาน ตอนนั้นฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะฉันรับปากคนตระกูลหวังว่าจะตัดทางทำมาหากินของคุณ คุณย้ายมาเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งได้ก็พิสูจน์ให้เห็นความสามารถของคุณว่าอาจจะเก่งกว่าทุกคนที่ฉันเคยรู้จัก! แต่ฉันกลับไม่รู้ดีชั่วยังไปล่วงเกินคุณ ถ้าคุณจะล้างแค้นฉันล่ะก็ ความทุ่มเทตลอด 7 ปีในอวิ๋นโจวของฉันก็คงสูญเปล่า!

แต่ว่าคุณไม่เพียงแต่จะไม่ล้างแค้นฉัน แต่ยังให้ฉันได้เป็นรองประธานบริษัทต่ออีก ความมีน้ำใจ ความใจกว้าง การวางแผนของคุณเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นจากผู้ชายคนอื่น ฉันเริ่มชอบคุณตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว…”

ผู้หญิงมักใจสั่นง่ายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง

เย่เฉินกระเซ้า “ผมยังคิดว่าคุณชอบผมตอนที่ผมตะโกนใส่หูคุณเสียอีก!”

วันนั้นในงานวันเกิดคุณนายหวัง ฉินหงเหยียนวางท่าใหญ่โตบังคับให้เย่เฉินทวนคำพููดตัวเองอีกครั้ง

เย่เฉินดันเห็นหล่อนเป็นคนหูตึง คว้าหูของฉินหงเหยียนแล้วพูดเสียงดังใส่หูหล่อน

ฉินหงเหยียนดื่มเหล้าไปไม่น้อย ใบหน้าหญิสาวแดงระเรื่อ ทำให้ตอนนี้ดูเก้อเขินยิ่งขึ้น

“ไม่มีผู้ชายคนไหนแตะต้องฉันมา 7 ปีแล้ว พอคุณโผล่มาจับหูฉันต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนั้น ตอนนั้นฉันทั้งโกรธทั้งอาย ด้วยโทสะฉันก็เลยรับปากคุณนายหวังว่าจะตัดทางทำมาหากินของคุณ 7 ปีมานี้ฉันใช้ชีวิตในอวิ๋นโจวอย่างระมัดระวัง ไม่เคยล่วงเกินใครมาก่อน”

เย่เฉินย้อนคิดถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วหลุดยิ้มออกมา เขาเองก็เห็นว่าอีกฝ่ายใบหน้าสวยสดงดงามถึงได้ดึงหูหญิงสาว

“หลังจากนั้นล่ะ?” เย่เฉินอยากจะฟังว่าฉินหงเหยียนจะพูดอะไรต่อ

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “ฉันยอมรับว่าตอนนั้นที่ฉันชอบคุณเกี่ยวข้องกับสถานะและพื้นเพของที่บ้านคุณไม่มากก็น้อย ฉันอยากเป็นแฟนของคุณมาก อยากจะเห็นว่าตระกูลของคุณจะทำอะไรได้ขนาดไหนบ้าง แต่หลังจากได้เห็นคุณร้องเพลงในงานคอนเสิร์ต ฉันก็ตกหลุมรักคุณ”

เย่เฉินประหลาดใจ “ตอนที่ผมร้อง Thousand Sad Reasons น่ะเหรอ?”

ตอนนั้นที่เย่เฉินร้องเพลงนี้ เขาร้องเพื่อหวังเจียเหยา บนเวทีเขาทั้งเล่นดนตรีและร้องเพลงเหมือนเป็นดารา หญิงสาวไม่น้อยต่างก็ส่เสียงกรีดร้องเมื่อเห็นเขา

ขนาดหวังเจียเหยาที่พอได้ยินแล้วยังสะบัดมือฟางเชาที่ขอแต่งงานไปทิ้งแล้ววิ่งโร่ไปหาเย่เฉิน แล้วขอความรักจากเขา

ในที่สุดเย่เฉินก็เข้าใจว่าฉินหงเหยียนชอบอะไรตนเอง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่เป็นพื้นฐานครอบครัวและความสามารถ รวมไปถึงความรักที่เขามีต่อหวังเจียเหยา

ความรักนี้ทำให้หวังเจียเหยาประทับใจ ทำให้หวังเจียเหยารู้สึกว่าเย่เฉินเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักอย่างมาก เป็นคนที่ทุ่มเทและให้ความสำคัญกับความรักอย่างยิ่ง

บวกกับที่เย่เฉินซื้อกระเป๋าราคาหกแสนให้ฉินหงเหยียน หนำซ้ำยังให้หล่อนกลายเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปทำให้ความปรารถนาในใจหล่อนสมหวัง

ฉินหงหเยียนจะมีเหตุผลอะไรไม่ชอบเย่เฉินกัน?

เวลานี้เย่เฉินไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว ฉินหงเหยียนชอบในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ

หล่อนต่างกับหวังหยวนหยวน หล่อนไม่ได้สงสัยว่าเย่เฉินแกล้งโดนไล่ออกจากบ้านถึงได้จงใจเข้าหาเขา

แต่หล่อนชอบเย่เฉิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฐานะคุณชายของเขา

ฉินหงเหยียนก้มหน้า “ฉันรู้ค่ะฉันไม่ได้สวยเหมือนหวังเจียเหยา และไม่ได้อายุน้อยแบบหวังหยวนหยวน คุณต้องรังเกียจที่ฉันแก่ และต้องรังเกียจที่ฉันเคยโดนเลี้ยงมาสามปี ขอโทษด้วยนะฉันไม่ควรไม่เจียมตัวแล้วสารภาพรักกับคุณ ถ้าทำให้คุณต้องขยะแขยงฉันต้องขอโทษมากๆ พวกเราดื่มเหล้ากันเถอะ ถือเสียว่าเมื่อครู่ฉันไม่ได้พูดอะไรดีไหม?”

ฉินหงเหยียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วเตรียมจะรินไวน์ให้เขา

ทว่าเย่เฉินกลับคว้าแขนหญิงสาว แล้วดึงหล่อนลงมาตรงหน้าตนเอง หน้าพวกเขาสองคนแนบชิดสนิทกันอย่างยิ่ง

เย่เฉินกล่าว “หงเหยียน ผมอยากบอกคุณว่าผมไม่ได้รังเกียจที่คุณแก่ และก็ไม่ใส่ใจเรื่องในอดีตของคุณหรอก อีกอย่างคุณดีกว่าหวังเจียเหยาพันเท่า หมื่นเท่า หล่อนต่างหากถึงจะเป็น…”

เย่เฉินอยากจะพูดว่าหวังเจียเหยาถึงจะเป็นผู้หญิงที่เขารังเกียจ แต่สิ่งที่เขารู้สึกกับหล่อนนั้นมีแค่ความซาบซึ้งใจ สดใสและสบายใจ

แต่ว่าฉินหงเหยียนไม่ได้เปิดโอกาสเย่เฉิน หล่อนโถมตัวไปจุมพิตเขาทันที

ทั้งสองคนดื่มเหล้าไปไม่น้อย ดื่มเหล้าขาวและยังดื่มไวน์ต่อ บวกกับทั้งสองคนเดิมต่างก็รู้สึกดีกับอีกฝ่าย

ผู้ใหญ่สองคนหน้าตาดีแถมยังเป็นโสด จะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นนั้น โอกาสมีน้อยพอๆ กับคนจะถูกหวย

……

ตีสองเย่เฉินยืนดูวิวตอนกลางคืนตรงหน้าต่างห้องนอนฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนสวมเสื้อของเขา เอื้อมมือมากอดชายหนุ่มจากด้านหลัง

ฉินหงเหยียนแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นหลังของเย่เฉินแล้วกล่าวเสียงอ่อนหวาน “7 ปีแล้วตั้งแต่เลิกรากับผู้ชายคนนั้นไป ฉันก็ไม่มีแฟนอีก ฉันคิดว่าจะไม่สามารถมีความรักเหมือนคนทั่วๆ ไปแล้วจนมาเจอคุณ ขอบคุณนะคะ เย่เฉิน”

เย่เฉินหมุนตัวกลับมามองเสี้ยวหน้าของฉินหงเหยียน ตอนนี้หล่อนเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว เย่เฉินจึงยิ่งรักหล่อนมากขึ้น

ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงชั้นยอดจริงๆ หล่อนอาจจะแก่กว่าหวังเจียเหยาแต่ไม่ได้เป็นข้อเสีย กลับกลายเป็นข้อดี เป็นสเน่ห์ของหล่อนเสียด้วยซ้ำไป

ฉินหงเหยียนถึงจะคู่ควรเป็นผู้หญิงของเย่เฉิน!

ไม่ว่าจะเป็นนิสัย บุคลิกภาพ หรือศีลธรรมก็คู่ควรกับเขาทั้งนั้น!

เย่เฉินตัดสินใจว่าจะรักและทะนุถนอมฉินหงเหยียนให้ดีๆ แต่เขายังตัดสินใจจะปกปิดเรื่องของที่บ้านต่อ !

บางทีทำแบบนี้อาจจะไม่ยุตธรรมกับฉินหงเหยียน

ทว่าเขาไม่อยากจะโดนทำร้ายจิตใจอีกครั้ง เหมือนตอนที่แต่งงานกับหวังเจียเหยา!

6 โมงเช้าโทรศัพท์ของหวังเจียเหยาก็ดังขึ้น ปลุกคนทั้งสองที่กำลังดำดิ่งอยู่ในห้วงนิทรา

เย่เฉินลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก พวกเขานอนกันตอนเกือบตีห้า นอนยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ยังนอนไม่พอเลยด้วยซ้ำไป

ฉินหงเหียนค่อยๆ เปิดเปลือกตาช้า เห็นเย่เฉินตื่นนอนเพราะเสียงมือถือของตนเอง ก็รีบร้อนเอาโทรศัพท์มาแล้วกดทิ้ง

“ขอโทษด้วยนะคะ เย่เฉิน ฉันติดนิสัยไม่ปิดเสียงเรียกเข้า คุณตื่นเลยใช่ไหมคะ?”

ฉินหงเหยียนรีบขอโทษเย่เฉิน

เย่เฉินมองวงหน้างามที่ไร้เครื่องสำอางของฉินหงเหยียน หนำซ้ำวงหน้าของหญิงสาวยังไม่ดูแก่เลยด้วยซ้ำ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผมเป็นผู้ชายของคุณแล้วนะ จะมาเกรงใจอะไร”

ฉินหงเหยียนยิ้มอย่างมีความสุข “งั้นฉันเรียกคุณว่าแฟนได้ไหมคะ?”

เย่เฉินส่ายหน้า “ไม่ต้องเรียกแฟนหรอก เรียกที่รักไปเลย!”

“บ้าน่า” ฉินหงเหยียนทุบเย่เฉินเบาๆ ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าผู้บริการหญิงคนสวยที่ดูน่าเกรงขามคนนี้ พอมาอยู่ต่อหน้าเย่เฉินจะกลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ขี้อ้อนขึ้นมา

ถึงแม้ว่าจะเขินอายแต่ฉินหงเหยียนก็ยังกระซิบข้างหูเย่เฉินเบาๆ “ที่รัก!”

เย่เฉินหัวเราะน้อยๆ แล้วถาม“ใครโทรมา?”

ฉินหงเหยียนตอบ “เหล่าถู”

เหล่าถูเป็นผู้บริการระดับสูงของบริษัทหัวเซ่งกรุ๊ป ซึ่งเย่เฉินเองก็รู้จัก ตอนนี้เขาเป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอยู่

เย่เฉินกังวลใจน้อยๆ เขารู้มาว่าเหล่าถูคนนี้ปกติไม่โทรหาใครก่อน นอกเสียจากว่าเป็นเรื่องด่วน

“หงเหยียน เหล่าถูโทรหาคุณเช้าขนาดนี้ ผมว่าที่บริษัทคงต้องเกิดเรื่องแน่ คุณรีบโทรกลับไปเถอะ”