กะโหลกมังกร
ระดับ : อาร์ติแฟคท์
ประเภทอุปกรณ์ : ไม่ทราบ
เลเวลอุปกรณ์ : ไม่ทราบ
ความต้องการอุปกรณ์ : ไม่ทราบ
สถานะ :
ค่าความแข็งแกร่ง + (เลเวลผู้เล่น x 2)
ค่าความทนทาน + (เลเวลผู้เล่น x 2)
ค่าความว่องไว + (เลเวลผู้เล่น x 2)
ค่าจิตวิญญาณ + (เลเวลผู้เล่น x 2)
สกิล :
ความองอาจแห่งมังกรปีศาจ : สกิลติดตัว : ทำให้ผู้สวมใส่ไม่รับผลจากค่าสถานะด้านลบรวมไปถึงช่วยลดระยะเวลาของสกิลที่มีผลต่อจิตใจลงไปเป็นอย่างมาก
พลังป้องกันแห่งมังกรปีศาจ : สกิลติดตัว : ทำให้การโจมตีทุกประเภทที่เข้ามาทางหัวติดสถานะป้องกัน และช่วยลดความแรงจากการโจมตีคริติคอลลงไปเป็นอย่างมาก
เสียงคำรามแห่งมังกรปีศาจ : สกิลกดใช้ : เสียงคำรามอันดังกึกก้องของมังกรปีศาจ เสียงคำรามนั้นกระจายไปรอบตัวเป็นระยะเวลา 5 วินาที มีผลกับทั้งศัตรูและพันธมิตร คูลดาวน์ 1 นาที
คำอธิบาย : 1 ในชุดเซ็ตมังกรปีศาจ ความสามารถเพิ่มเติมจะสำแดงผลก็ต่อเมื่อสะสมได้ครบทุกชิ้นแล้ว’
อาร์ติแฟคท์!
อาร์ติแฟคท์ของจริง!
อาร์ติแฟคท์ที่คู่ควรกับเขาที่สุด!
สกิลที่ติดมาทั้ง 3 สกิลนั้นทั้งทรงพลังและน่ากลัวมาก ๆ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ระบุเลเวลผู้สวมใส่ด้วย! เพราะงั้นไม่ว่าจะเลเวลอะไรก็สามารถสวมใส่ได้เหมือนกันหมด! นอกจากนี้มันยังช่วยเพิ่มค่าสถานะอีกเป็นอย่างมากด้วย! ยิ่งเลเวลมากขึ้น ค่าสถานะก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
อีกสิ่งหนึ่งที่จะไม่พูดก็คงไม่ได้ เพราะสิ่งนี้เป็นอะไรที่เขาไม่คาดคิดเลย ที่ด้านล่างของคำอธิบาย มันบอกไว้ว่า อาร์ติแฟคท์ชิ้นนี้เป็น 1 ในชุดเซ็ต! แสดงว่ามันยังมีอีกหลายชิ้น และจากการคาดเดา น่าจะมั่นใจได้เลยว่า ชุดเซ็ตมังกรปีศาจนี้เป็นอาร์ติแฟคท์ทั้งชุดเลย!
ดวงตาของเซียวเฟิงที่เบิกกว้างนั้นเปล่งประกายแสงและจ้องมองไปยังจุดที่ผู้คุ้มกันตายลงไป บอสพวกนี้จะดร็อปชิ้นส่วนของเซ็ตมังกรปีศาจหลังจากตายลงไปแล้วเหรอ? ตัวมันดร็อปอาร์ติแฟคท์ชิ้นนี้จริง ๆ ใช่ไหม หรือเผลอไปโดนกล่องอะไรเข้า? แล้วถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าถ้าหากถลำลึกเข้าไปในดันเจี้ยนแห่งนี้ต่อ เขาจะได้ส่วนอื่น ๆ ของเซ็ตมังกรปีศาจด้วยใช่ไหม?
ยิ่งคิดเซียวเฟิงก็ยิ่งหายใจกระฟึดกระฟัดเสียงดังขึ้น! ดวงตาของเขาในตอนนี้ส่องสว่างยิ่งกว่าหลอดไฟเสียอีก!
ก่อนอื่นก็ต้องสวมใส่กะโหลกมังกรนี่เข้าไปก่อน ด้วยรูปร่างที่ดูอหังการราวกับมังกรกำลังอ้าปากคำรามอยู่เช่นนี้ มันทำให้เขาดูองอาจและดุร้ายขึ้นมากเลยทีเดียว
ตอนนี้เซียวเฟิงเลเวล 17 ค่าสถานะทั้ง 5 ค่าที่กะโหลกมังกรเพิ่มให้จะได้เท่ากับ 34 แต้มในขณะที่ไอเทมชิ้นอื่น ให้มากสุดก็แค่ 15 แต้มเท่านั้น! ดังนั้นด้วยค่าสถานะระดับนี้มันจึงทำให้พลังชีวิตของเซียวเฟิงทะลุ 450 เข้าไปแล้ว!
สกิลทั้ง 3 ของกะโหลกมังกรนั้น ไม่ว่าจะเป็นลดความสามารถของสกิลประเภทควบคุมหรือจะเป็นป้องกันการโจมตีที่เข้ามาหัวทุกประเภท ไหนจะสกิลกดใช้ที่สร้างสถานะมึนงงที่มีระยะเวลาคูลดาวน์สั้นอีก ทุกสกิลล้วนแต่เป็นสกิลที่แข็งแกร่งและหายากมาก ๆ !
ด้วยกะโหลกมังกรที่สวมอยู่บนหัวนี้ เซียวเฟิงเริ่มมีความฮึกเหิมและไม่รอช้าที่จะมุ่งหน้าไปยังทางเข้าชั้นที่สองโดยไม่ลังเลทันที ทว่าก่อนที่เขาจะได้ก้าวเข้าไปภายในนั้น ในช่องสื่อสารของเขาก็เต็มไปด้วยข้อความนับไม่ถ้วนที่ถาโถมกันเข้ามา
ชัดเลยว่าจากการที่มีผู้ครอบครองอาร์ติแฟคท์ปรากฏขึ้นในอันดับไอเทมนั้นมันทำให้โลกแห่งเกมสั่นสะเทือนกันไปหมด ไม่จำเป็นต้องเป็นอัจฉริยะไอคิว 900 ก็สามารถรู้ได้ว่าผู้ที่กำจัดบอสระดับเทพเจ้านั้นคือเซียวเฟิง ดังนั้นแล้วเหล่าคนรู้จักเกือบจะทั้งหมดของเซียวเฟิงจึงไม่รอช้าที่จะติดต่อมาเพื่อจะแสดงความยินดีกับเขาด้วย
สายเรียกเข้าที่แออัดกันเข้ามานั้นแทบจะทำให้เกมบัคได้เลย เซียวเฟิงในตอนนี้ไม่อยากจะรับสายใครทั้งนั้น เพราะงั้นเขาจึงกดบล็อคทุกสายที่โทรหรือส่งข้อความเข้ามาทันที จุดมุ่งหมายของเขามีเพียงมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 2 ของดันเจี้ยนเท่านั้น
ด้วยความมุ่งมั่นอันมหาศาล เซียวเฟิงเดินผ่านบันไดทางขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าที่ชั้น 2 นั้น มีสภาพแวดล้อมทุกอย่างแทบจะคล้ายกับชั้นที่ 1 หรือก็คือ มันยังเป็นเหมือนโถงปราสาทที่มีทางเดินซับซ้อนและอัดแน่นไปด้วยมอนสเตอร์มากมาย ซึ่งในบรรดามอนสเตอร์เหล่านั้นก็มีมอนสเตอร์ระดับบอสปะปนกันอยู่ด้วย พวกมันทั้งหมดเป็นมอนสเตอร์เลเวล 30 ทั้งหมดเลย ชัดเจนเลยว่ามอนสเตอร์พวกนี้แข็งแกร่งกว่าชั้นที่ 1 ทุกตัว
แม้จะรู้สึกมึนงงอยู่นิดหน่อย แต่เซียวเฟิงที่ได้ครอบครองอาร์ติแฟคท์มาแล้วชิ้นหนึ่งก็หาได้เกรงกลัวสิ่งใดไม่ เขากระโจนลงไปกลางวงของมอนสเตอร์เหล่านั้นโดยไม่รอช้า โฮลี่ไลท์ส่องสว่างลงมาก่อนจะตามมาด้วยตัวเลขแสดงความเสียหายสีแดงที่ลอยขึ้นมาจากหัวมอนสเตอร์ที่โดนราวกับเป็นทะเลสีแดง
“กรรร!!”
ทันทีที่โดนโจมตี มอนสเตอร์จำนวนมากมายก็โถมเข้าใส่เซียวเฟิงอย่างไม่รอช้า!
เซียวเฟิงรีบมองหาทางรอดของตน มอนสเตอร์ที่อยู่ ณ ชั้น 2 นี่แข็งแกร่งกว่าพวกชั้น 1 มาก ๆ ก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งระดับที่ไม่สามารถใช้โฮลี่ไลท์กำจัดในคราวเดียวกันได้ ด้วยพลังของอาร์ติแฟคท์ที่สวมหัวอยู่นี้ อย่างน้อย ๆ มันก็ช่วยทำให้มอนสเตอร์ที่โถมเข้ามาต้องชะงักกันไปได้ครู่หนึ่งเพื่อเปิดทางหนีออกมา
นอกจากนี้สกิลที่ช่วยขจัดสถานะผิดปกติของกะโหลกมังกรเองก็ช่วยเขาไว้ได้เยอะเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดความเร็ว ทำให้มึนงง ทำให้หวาดกลัว ทุกสิ่งอย่างไม่มีผลกับเขาเลย ดูท่าชั้นที่ 2 นี้จะเป็นชั้นที่รวมมอนสเตอร์ที่เน้นสร้างสถานะผิดปกติเหล่านี้เอาไว้แทบจะทั้งชั้น
กระทั่งรุ่งอรุณมาถึง เซียวเฟิงก็ยังไม่ได้หยุดต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ ชายหนุ่มกำจัดพวกมันไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าพวกมันจะสามารถเกิดใหม่ได้ก็ตาม ตลอดเวลาที่เขาสู้อยู่นี้ สายตาก็คอยสอดส่องอันตรายและหลบหลีกพวกมันได้อย่างรวดเร็วเสมอ หากไม่ติดที่ว่าคูลดาวน์ของสกิลกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เวลาถึง 1 วันเต็มแล้วล่ะก็ เขาอาจจะไม่ต้องคอยระวังตัวและหาวิธีเอาตัวรอดให้ดีที่สุดขนาดนี้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำอยู่นี้ก็ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนได้มากโขเหมือนกัน นั่นเพราะหลอดค่าประสบการณ์เลเวล 17 ของเขานั้นมันเกือบจะเต็มแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้ไอเทมสีเงิน สีขาว รวมไปถึงสีทองมาอีกหลายชิ้นเลย
“กรรรร!!”
[เนื่องจากท่านได้ทำการกำจัดมอนสเตอร์ในชั้นที่ 2 ของปราสาทใต้พิภพหมดแล้ว ผู้คุ้มกันจึงถูกปลุกขึ้นมา จงระวังตัว!]
ในที่สุดเขาก็จัดการมอนสเตอร์หมดเสียที ทว่าเมื่อเขาหันกลับมามองยังกลางโถงของชั้น สิ่งที่รออยู่ก็ทำให้เขาต้องตกใจ
กลุ่มเมฆสีดำ 2 ก้อนก่อตัวขึ้น พวกมันไม่รวมกันแต่กลายเป็นบอสผู้คุ้มกัน 2 ตนปรากฏออกมาแทน ยิ่งไปกว่านั้น 1 ใน 2 ตนนั้นยังมีคลาสเป็น…นักธนู อีกด้วย!
ผู้คุ้มกันชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพ (ฝั่งซ้าย)
เลเวล : 30
ระดับ : บอสเทพเจ้า
ธาตุ : อันเดธ
พลังชีวิต : 170,000 / 170,000 แต้ม
พลังโจมตีกายภาพ : 3,150-3,200 แต้ม
พลังโจมตีเวทมนตร์ : 1,900-2,000 แต้ม
พลังป้องกันกายภาพ : 2,600-2,700 แต้ม
พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,600-2,700 แต้ม
สกิล : ระเบิดแรงสูง เชื้อแห่งความตาย เพ่งเล็ง เพ่งเล็งขั้นสูง เทพวายุ, กระหน่ำยิง ต่อต้านอันเดธ ระดมยิงศรและกระดูก ซากศพ ขุมพลังแห่งทวยเทพ
คำอธิบาย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพ จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อชั้นที่ 2 ถูกรุกรานเพื่อขับไล่ผู้บุกรุก’
นี่มันบอสนักธนูจริง ๆ ! ที่หลังของมันมีธนูกระดูกที่สร้างขึ้นจากมอนสเตอร์ตัวใหญ่ติดไว้อยู่ สิ่งนี้มันทำให้เซียวเฟิงเริ่มลังเล ในเมื่อมันโจมตีระยะไกลเช่นนี้ เขาจะโจมตีมันได้บ้างหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม นี่มันยังไม่จบ เพราะนอกจากบอสนักธนูแล้ว มันยังมีบอสนักฆ่าอยู่ด้วย! ในมือของมันมีมีดสั้นที่ทำจากกระดูกถือไว้อยู่
ผู้คุ้มกันชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพ (ฝั่งขวา)
เลเวล : 30
ระดับ : บอสเทพเจ้า
พลังชีวิต : 170,000/170,000 แต้ม
พลังโจมตีกายภาพ : 3,150-3,200 แต้ม
พลังโจมตีเวทมนตร์ : 1,900-2,000 แต้ม
พลังป้องกันกายภาพ : 2,500-2,600 แต้ม
พลังโจมตีเวทมนตร์ : 2,800-2,600 แต้ม
สกิล : ระเบิดแรงสูง วิญญาณพิษ พุ่งโจมตี สายเลือดผู้สูงส่ง วจนแห่งความตาย คำสาปแห่งอันเดธ ต่อต้านอันเดด สละชีพ มวลซากศพ ซากศพ ขุมพลังแห่งทวยเทพ
คำอธิบาย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพ จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อชั้นที่ 2 ถูกรุกรานเพื่อขับไล่ผู้บุกรุก’
“นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย…”
สถานการณ์ตรงหน้านี้มันอดที่จะสบถคำหยาบไม่ได้ บอสผู้คุ้มกันทั้งสองตนนี้ ไม่ต้องพูดถึงบอสนักธนูที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ บอสนักฆ่าที่อยู่ด้านขวาก็ล่องหนไปแล้วตั้งแต่ปรากฏตัวออกมา ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งเสียงลมหายใจเพราะเป็นอันเดธ นี่มันยิ่งทำให้เขาสามารถหาตัวมันได้ยากขึ้นไปอีก!
เซียวเฟิงยังไม่อยากยอมแพ้ตอนนี้ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าพอขึ้นมาชั้น 2 แล้วจะต้องเจอบอสระดับเทพเจ้าพร้อมกันถึง 2 ตัว แม้ว่าใจจะไม่ยอมแพ้แต่จะเอาอะไรไปสู้มันกัน? ช่องว่างระหว่างเขาและพวกมันทั้งสองตนกว้างมากเกินไป
หลังจากที่เดินวนโถงหลักนี้อยู่หลายรอบ ชายหนุ่มก็ยังไม่สามารถหาหนทางที่จะได้เปรียบพวกมันได้เลย บอสนักธนูนั้นยังคงยืนอยู่จุดเดิมด้วยความสงบ แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็รู้ดีว่าถ้าเมื่อไหร่เขาเริ่มต่อสู้ เขาจะต้องโดนมันสาดธนูใส่รัว ๆ จากระยะไกลแน่ ๆ และด้วยเลเวลกับระดับที่สูงมาก ๆ ของมัน หากเขาจะถูกมันฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ไม่แปลกนักหรอก
นอกจากนั้นบอสนักฆ่าที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ ปราศจากเสียงก็สามารถปล่อยระเบิดแรงสูงได้ทุกเมื่ออีก
ครึ่งค่อนชั่วโมงผ่านไปแล้ว เซียวเฟิงก็ยังไม่พบโอกาสดี ๆ เสียที หลัก ๆ ก็เพราะตัวเขาเองยังไม่มั่นใจด้วย เขาคิดตามท้ายอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะเปิดช่องทางสื่อสารและส่งข้อความไปหาวอร์สปิริทไนฟ์
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์? พวกเรากำลังคุยเรื่องของคุณอยู่เลยครับ! ก่อนหน้านี้คุณเพิ่งจะได้อาร์ติแฟคท์มาหรือเปล่า? เป็นยังไงบ้างครับ? สวมใส่ได้ไหม?”
ไนฟ์ตื่นเต้นมาก ๆ ขณะที่รับสายจากเซียวเฟิง จากน้ำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นสุด ๆ ของปลายสายนั้นบอกได้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไร นอกจากนี้เซียวเฟิงก็ยังพอเดาได้ด้วยว่านอกจากเขาแล้ว วอร์สปิริทสกายกับวอร์สปิริตจืออี้เองก็น่าจะอยู่ที่นั่นด้วย
“ค่าสถานะของมันจัดว่าแข็งแกร่งมาก ๆ ไร้เทียมทานสุด ๆ อยากจะมาดูด้วยตาตัวเองหรือเปล่า? หรืออยากจะได้มันด้วย?” เซียวเฟิงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่ล่อลวงสุด ๆ โดยที่ไม่ทิ้งความเป็นกันเอง
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ช่วยทำตัวปกติได้ไหมครับ? มันดูน่ากลัวนิดหน่อยที่พูดด้วยเสียงแบบนั้นน่ะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้ติดต่อมา?” อีกฝั่งหนึ่งของโทรศัพท์ กลับกลายเป็นว่าไนฟ์หวาดกลัวน้ำเสียงของเซียวเฟิงที่พยายามแสดงความล่อลวงนั้นแทน
“อ่า เรื่องใหญ่เลยล่ะ! ฉันกำลังจะพานายไปสู้เพื่ออาร์ติแฟคท์ แบบนี้เรียกเรื่องใหญ่ได้ไหม?” เซียวเฟิงพูดเชื้อเชิญ
ทางออกมันปรากฏให้เห็นคลับคล้ายคลับคลาอยู่ในหัวแล้ว แม้ว่าเซียวเฟิงจะสามารถสร้างความเสียหายกับบอสผู้คุ้มกันได้ แต่เขาก็จำเป็นต้องมีคนคอยรับความเสียหายแทนให้ เพราะงั้น หากมีคนมาช่วยเขาปะทะกับบอสแทน ปัญหานี้ก็จะหมดไป คนยิ่งเยอะก็ยิ่งดี ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือกิลด์ขนาดใหญ่ ใจของเขามันเต้นตึกตักขณะไถหาผู้ที่จะมาแก้ปัญหาข้อนี้ให้ จนได้พบกับกิลด์วอร์สปิริทฮอลที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน
“จริงเหรอครับ?” น้ำเสียงของไนฟ์เต็มไปด้วยความสงสัย เขาพยายามคิดตามถึงความแข็งแกร่งของอาร์ติแฟคท์กับเหตุผลที่ทำไมเซียวเฟิงถึงได้มาขอให้เขาช่วยเช่นนี้
“จริง ๆ ฉันกำลังเผชิญหน้ากับบอสเทพเจ้าสองตัวที่นี่ มันค่อนข้างตึงมือเลย ก็เลยอยากจะหาคนมาช่วยสักหน่อย ไม่ต้องมากมายอะไรก็ได้ สักหมื่นคนน่าจะพอ” เซียวเฟิงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติราวกับว่าจำนวนที่พูดนั้นเป็นเรื่องเล็ก ๆ
“เชี่ยไรวะครับเนี่ย!?” ไนฟ์แสดงสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที
“นายก็แค่ต้องการใช้พวกฉันเป็นไม้กันหมาไม่ใช่หรือไงน่ะ!? ฝันไปเลย!” เสียงของจืออี้ดังขึ้นมา ดูเหมือนว่าเธอจะแอบฟังอยู่ตลอดจนคว้าโทรศัพท์ของไนฟ์ไปพูดเองเลย
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็รู้ได้ทันทีว่าเซียวเฟิงต้องการพวกเขาไปเป็นโล่กำบังการโจมตีจากบอสระดับเทพเจ้า 2 ตัวนั้น แต่ใครมันจะทำได้? สิ่งที่พวกเขาทำได้ก็มีแต่ตายเป็นกองศพหลังการโจมตีเท่านั้นแหละ แล้วยิ่งจำนวนคนกว่าหมื่นคนที่ขอไว้ หากมันทำเพื่อให้ได้มาเพื่ออาร์ติแฟคท์แล้วล่ะก็ อาจจะพอคิดทบทวนได้ แต่นี่ไม่ต้องฉลาดระดับไอสไตน์ยังรู้เลยว่าอาร์ติแฟคท์ชิ้นนั้น จะไม่ตกมาอยู่ในมือของพวกเขาแน่ ๆ
“ฮึ่ม! ยัยผู้หญิงใจร้าย!” เซียวเฟิงวางสายก่อนจะเริ่มไถหา ‘เหยื่อ’ กิลด์ต่อไป
อ่ะฮ๊า! ดูมสเดย์ลีค! ได้ข่าวว่าช่วงนี้คึกคักนี่เนอะ? ถ้าหากพวกนั้นรู้ว่ามีบอสระดับเทพเจ้าอยู่ที่นี่ จะทำให้พวกนั้นพากันถ่อมากำจัดได้ไหมนะ? ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เขาน่าจะสามารถปล่อยข่าวลวงล่อให้พวกนั้นมาแล้วคอยดักลาสช็อตบอสทีหลังดีกว่า
ก่อนที่เซียวเฟิงจะได้ทดลองในสิ่งที่คิด เขาก็ได้รับข้อความระลอกใหญ่จากผู้อื่นอีกรอบ เพราะเขากำลังเปิดช่องทางสื่อสารอยู่ และมันทำให้ชายหนุ่มได้ข่าวเรื่องที่มิดซัมเมอร์จะเริ่มสงครามป้องกันแคมป์ตอนเที่ยงวันนี้ด้วย
“รีบจังเลยแฮะ…”
อย่างที่เซียวเฟิงพูด นี่มันเพิ่งจะผ่านมา 2 วันเองหลังจากที่กิลด์มิดซัมเมอร์ได้โทเค่นกิลด์ไป ไม่ว่าใครก็พอจะนึกกันออกว่าสภาพแคมป์กิลด์ของมิดซัมเมอร์จะเล็กขนาดไหน จากจำนวนคนและทรัพยากรณ์ที่หาได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังพอรู้กันอีกถึงเหตุผลที่ทำให้มิดซัมเมอร์ต้องรีบตั้งแคมป์กิลด์ให้เร็วที่สุด นั่นเพราะยิ่งนานไป มันจะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้กิลด์อื่นเข้ามาระรานมิดซัมเมอร์ได้ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ หากมีกิลดิ์อื่นสามารถตั้งแคมป์กิลด์ได้สำเร็จก่อนล่ะก็ สภาวะกิลด์ผู้นำของมิดซัมเมอร์ก็จะสูญเสียไปด้วย
“ถึงเวลาต้องไปแล้ว”
เซียวเฟิงยอมปล่อยบอส 2 ตนนี้ไปก่อนและกลับไปยังเมืองหลักของเขาโดยตรง เมื่อเทียบกันแล้ว เรื่องของมิดซัมเมอร์สำคัญกับเขามากกว่า
ด้วยความที่ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ เซียวเฟิงจึงไม่ได้เร่งรีบทำอะไรนอกเสียจากออกมาทำอาหารเช้าให้เซียวหลิงก่อนจะกลับไปออนไลน์ดังเดิม
ตอนนี้ที่เมืองเทียนหลงนั้นมีผู้เล่นไม่มากเท่าไหร่ อันที่จริงมันตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว… เป็นเพราะมิดซัมเมอร์มาประกาศตามหาคนช่วยงาน อย่างที่ทุกคนรู้ว่าโรสนั้นเป็นอันดับหนึ่งในด้านความงาม และไม่ว่าจะด้วยความงามของเธอ หรือเพราะมิดซัมเมอร์จะได้กลายเป็นกิลด์แรกที่ก่อตั้งได้ ทว่าครั้งนี้มิดซัมเมอร์ก็ได้คนไปช่วยงานอย่างล้นหลามเลยทีเดียว จะมีก็แต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าพวกเธอได้คนไปกี่คน
ผู้เล่นมากมายเดินทางจากเมืองเทียนหลงออกไปยังนอกเมือง ทุก ๆ คนมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน รวมไปถึงผู้ที่เทเลพอร์ตกลับเมืองมาเองก็ยังเดินออกไปยังทิศทางเดียวกันอีก ไม่ว่าจะกี่คน ๆ ก็มุ่งหน้าไปยังจุดนั้นราวกับโดนควบคุมการเคลื่อนไหวเอาไว้
และที่น่าสนใจก็คือ พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่คนของกิลด์มิดซัมเมอร์แต่อย่างใด!