เล่ม 1 ตอนที่ 146 ถ้านางจะเอา ก็ต้องเป็นของนาง

ราชินีพลิกสวรรค์

“เสวียนกังกุยปรากฏตัวแล้ววว!”

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมากจากไกลๆ ทำให้สีหน้าของเจียงหลีเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

 

 

นางรีบมองไปที่ชาวเป่ยโหรวพวกนั้น ไม่พลาดที่จะเห็นความหวั่นไหวในสายตาพวกเขา

 

 

คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการที่ข้าจะแย่งชิงเสวียนกังกุย นางพูดในใจ เดิมทีคิดว่าแยกกับคนพวกนี้ แล้ววางแผนหาเสวียนกังกุยให้เจอก่อน ตอนนี้แผนล่มแล้ว

 

 

“อาหลี พวกเราไปกันเถอะ” เจียงเฮ่าเฝ้าเจียงหลีอยู่ข้างๆ แล้วจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้เหมือนกัน เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของชาวเป่ยโหรว เขาพูดข้างหูเจียงหลีอย่างเบาๆ ทันที

 

 

เจียงหลีพยักหน้า แล้วหันหลังตามเจียงเฮ่าไป วิ่งไปทางเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ตอนนี้ต้องแข่งกันว่าใครเร็วกว่า!

 

 

“ไป!” เห็นเจียงหลีเคลื่อนไหว ไป๋เซี่ยงเลี่ยยิ้มเยาะแล้วโบกมือให้พรรคพวก

 

 

กลุ่มคนวัยรุ่นชาวเป่ยโหรวกลุ่มนั้นก็รอไม่ไหวมานานแล้ว เห็นว่าในที่สุดไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ออกคำสั่ง รีบตามเขาที่ไล่ตามเจียงหลีที่หายไปท่ามกลางหนองน้ำ

 

 

คนด้านหน้า เจียงหลีมองดูด้านหลังตลอด

 

 

นางรู้สึกได้ว่าชาวเป่ยโหรวไล่ตามมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่นาง แต่เป็นวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุย

 

 

“อาหลี ครู่หนึ่งก็หาเสวียนกังกุยเจอ เจ้าเพียงแต่จัดการมันให้อยู่หมัด เรื่องอื่นข้าจัดการเอง” เจียงเฮ่าพูดเสียงต่ำ

 

 

เจียงหลีมองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมากแบบนี้มาจากไหน

 

 

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังขั้นหลิงเจี้ยงแล้ว แต่ในอาณาเขตหลิงอู่ เป็นหลิงเจี้ยงแล้วจะมีประโยชน์อะไร

 

 

กล่าวคือชายวัยกลางคนชาวเป่ยโหรวแข็งแกร่งกว่าเจียงเฮ่ามาก

 

 

สังเกตเห็นความสงสัยในตาของน้องสาว เจียงเฮ่ายิ้มเล็กน้อยภายใต้หน้ากาก พูดอย่างไม่สนใจว่า “ไม่เป็นไร ในอาณาเขตหลิงอู่นี้ไม่ได้ตายจริงเสียหน่อย”

 

 

“ถึงแม้เป็นเช่นนี้ แต่ก็ทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก” เจียงหลีขมวดคิ้วพูด

 

 

เจียงเฮ่ากลับพูดว่า “วางใจได้ ข้าวางแผนไว้แล้ว”

 

 

เขาพูดอย่างมั่นใจ แต่ว่าเจียงหลีฟังแล้วกลับรู้ถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะสละชีวิตเพื่อปกป้องนาง

 

 

ตู้มมม!

 

 

ในหนองน้ำลึก ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดที่รุนแรงมากขึ้นมา สั่นสะเทือนจนดินโคลนในหนองน้ำพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพลุ

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้เจียงเฮ่าที่จับข้อมือของเจียงหลีอยู่หยุดชะงัก

 

 

แม้แต่ชาวเป่ยโหรวที่ไล่ตามอยู่ข้างหลัง ก็ถูกไป๋เซี่ยงเลี่ยยกมือขึ้นสั่งให้หยุด มองไปที่หนองน้ำ

 

 

เป่ยยวนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

 

 

“อารอง เกิดอะไรขึ้นรึ” คนๆ นั้นที่เจียงหลีเคยเจอก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มที่ถือลูกเก็บวิญญาณแล้วดูดวิญญาณยุทธ์ไป เข้ามาถามข้างๆ ไป๋เซี่ยงเลี่ย

 

 

แววตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่อาจคาดการณ์ได้ หลังจากนั้นครู่เดียว เขาถึงได้พูดสิ่งที่ตนเองคาดเดาออกมา “คาดว่าน่าจะมีคนทำให้เสวียนกังกุยตื่นแล้ว”

 

 

การสนทนานี้ลอยตามลมไปเข้าหูสองพี่น้องที่อยู่ไม่ไกลกัน

 

 

ทั้งสองสบตากัน ไม่พูดอะไร

 

 

มีคนทำให้เสวียนกังกุยตื่นแล้ว ก็แสดงว่าศึกชิงเสวียนกังกุยได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

 

ตอนนี้ ตรงนั้นมีคนร่วมกันอยู่กี่คน พวกเขาไม่มีทางรู้

 

 

“ไปตรงนั้นก่อน แล้วค่อยหาโอกาส” เจียงหลีขมวดคิ้วแล้วพูดกับเจียงเฮ่า

 

 

เจียงเฮ่าพยักหน้า แล้วเลี่ยงหนองน้ำที่พุ่งขึ้นเหล่านั้นด้วยกันกับเจียงหลีอีกครั้ง มุ่งไปยังการต่อสู้ตรงนั้น ไป๋เซี่ยงเลี่ยเห็นทั้งสองคนเดินหน้าต่อ แววตาเปล่งประกาย ก็พาพรรคพวกมุ่งตามไปข้างหน้า

 

 

……

 

 

ใจกลางหนองน้ำเป่ยยวน มีผู้คนร่วมกันอยู่มากมาย ล้อมรอบภาพมายาที่ใหญ่มหึมาที่ขึ้นมาจากหนองน้ำลึก

 

 

ในสถานที่ลับๆ ไกลๆ ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุม ซุ่มอยู่อย่างเงียบๆ

 

 

ลู่จ้านมองไปยังกลุ่มคนที่สู้รบอยู่ พูดกับลู่เจี้ยที่อยู่ข้างๆ ว่า “นายน้อย เจียงหลียังตามมาไม่ถึง”

 

 

“อืม” เสียงนาสิกที่ดังมาจากใต้เสื้อคลุม

 

 

ลู่จ้านขมวดคิ้ว เขาดูไม่ออกว่านายน้อยยินดีหรือยินร้าย และก็เดาไม่ออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ “คนที่มาเพราะข่าวคราวของเสวียนกังกุย เหมือนว่าจะเยอะเกินไปแล้ว……”

 

 

ในน้ำเสียง ไม่ปิดบังความเป็นเป็นห่วงที่เขามีต่อเจียงหลีเลยแม้แต่น้อย

 

 

ถึงอย่างไร ถ้าหากว่าแย่งชิงเสวียนกังกุยไปได้ต่อหน้าคนเยอะแบบนี้ สำหรับเจียงหลีแล้ว ดูจะยากเกินไปจริงๆ

 

 

“เชื่อในตัวหลีเอ๋อร์” แต่ว่าลู่เจี้ยตอบกลับเขาเพียงแค่ห้าคำ

 

 

“……” ลู่จ้านมีความกลุ้มใจ

 

 

เชื่อในตัวเจียงหลี? ต้องเชื่อในตัวเจียงหลีขนาดนี้เลย? ต่อให้สาวน้อยคนนี้จะเก่งกาจกว่านี้ มีพรสวรรค์มากกว่านี้ แต่ก็ยังมีเพียงแค่พลังหลิงซื่อขั้นสูงสุด ก่อนหน้านี้ที่ฆ่าคนไปมากมาย เป็นเพียงเพราะว่านางมีพลังบางอย่างที่ซ่อนอยู่ แต่ว่าพลังเหล่านั้นสามารถใช้ตอนไหนก็ได้หรือ ถ้าหากว่าใช้ได้ แล้วเจอกับศัตรูที่เก่งกว่าเมื่อก่อนสิบเท่า แม้กระทั่งตกอยู่ในที่นั่งลำบากมากๆ ถ้าหากว่าพลังที่ซ่อนอยู่ใช้ได้ แล้วจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้หรือ

 

 

ลู่จ้านแสดงความคิดเห็น เขาไม่เข้าใจความคิดของนายน้อยเลยจริงๆ! ก็เห็นๆ อยู่ว่าห่วงใยเจียงหลีมากเป็นพิเศษ แต่กลับสามารถทนดูนางเผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดเพียงลำพังได้

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคนทำทุกอย่าง

 

 

ถึงแม้จะบอกว่าเพื่อฝึกฝนนาง แต่ว่าการท้าทายแบบนี้มันเกินไปหน่อยไหม แม้แต่คนอย่างข้าก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว

 

 

“เสวียนกังกุยนั้น……”

 

 

“มันต้องเป็นของหลีเอ๋อร์เท่านั้น” เสียงที่เย็นชาของลู่เจี้ย ทำลายข้อสงสัยของลู่จ้าน

 

 

ลู่จ้านตกใจ มองชายผู้สูงศักดิ์ข้างๆ ด้วยความตะลึง

 

 

เหมือนว่าเขาจะเดาเจตนาของลู่เจี้ยได้แล้ว เพียงแต่เดาออก แต่กลับไม่อยากจะเชื่อว่านายน้อยของพวกเขาจะทำเพื่อเจียงหลีถึงขั้นนี้!

 

 

……

 

 

ตูมตูมตูมมม

 

 

เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือด ทำลายความเงียบสงบทั้งหมดในหนองน้ำเป่ยยวน

 

 

เจียงหลีและเจียงเฮ่าแอบเข้าไปที่รอบนอกการต่อสู้อย่างเงียบๆ แล้วดูการต่อสู้ที่ดุเดือด

 

 

“นี่ก็คือเสวียนกังกุย!” ดวงตาเป็นประกาย จ้องมองที่ภาพมายาที่ใหญ่มหึมาที่ต่อสู้อยู่กับผู้คน ถึงแม้ว่าเจียงหลีจะเคยเห็นบนรูปวาดว่าลักษณะของเสวียนกังกุยเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตะลึง

 

 

ในหมู่วิญญาณยุทธ์ที่นางเคยสัมผัสมา ร่างของเลี่ยเทียนซื่อว่าใหญ่มากแล้ว แต่ว่าเสวียนกังกุยใหญ่ยิ่งกว่า! กระดองของมันเหมือนกับเกาะเคลื่อนที่จริงๆ

 

 

ด้านบนมีต้นกระจับที่แหลมคมเต็มไปหมด ตั้งตรงเหมือนกับหนามที่แหลมคม แผ่รังสีที่เยือกเย็นและแข็งแกร่งออกมา

 

 

หัวของมันดูดุร้ายมาก จะว่าเหมือนมังกรก็เหมือน จะว่าไม่เหมือนก็ไม่เหมือน จะว่าเหมือนเสือก็เหมือน จะว่าไม่เหมือนก็ไม่เหมือน มีรอยนูนตรงกลางระหว่างคิ้ว เปล่งแสงสีแดงที่งดงาม

 

 

เท้าทั้งสี่หนามาก แต่กลับแหลมคมและแข็งแรง หางโค้งงอมีความยืดหยุ่นเหมือนงู แบ่งออกเป็นเก้าหาง ยกขึ้นกลางอากาศ เผยหน้าตาโหดร้าย รัดคอศัตรูที่เข้ามาเหล่านั้น

 

 

ตูมมม!!

 

 

เกิดเสียงดังมาก

 

 

เจียงหลีเห็นเสวียนกังกุยยกขาข้างซ้ายขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยตาตัวเอง แล้วเหยียบลงมา……

 

 

อ้ากกก

 

 

เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น คนที่อยู่ใต้เท้ามัน ถูกเหยียบจนแบนแต้ดแต๋โดยที่ไม่มีแรงขัดขืนเลยสักนิด กลายเป็นภาพมายาสลายไปจากอาณาเขตหลิงอู่

 

 

และเมื่อมันเหยียบลงบนหนองน้ำเป่ยยวน หนองน้ำที่หนาแน่นก็พุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุอีกครั้ง

 

 

“หลิงเจี้ยง!” เจียงเฮ่าอุทานด้วยความตะลึง

 

 

เขาเห็นเหตุการณ์ที่ป่าเถื่อนนั้นเช่นกัน ยิ่งรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคนที่โดนเสวียนกังกุยเหยียบแบนนั้นเป็นหลิงเจี้ยงคนหนึ่ง

 

 

ยิ่งทำให้คนรู้สึกกลัว แม้รวมทุกการโจมตีของทุกคนไปโดนตัวของเสวียนกังกุย แต่ก็ไม่สามารถส่งผลอะไรได้เลย