บทที่ 92 จู่โจมสังหารยามค่ำคืนที่มืดมิด

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“กริ๊งๆๆ…….”

อาวุธลับยิ่งเข้ากำแพง เข้าไม้ไปสามส่วน เซียวหยู่เซวียนหดคอเกิดความรู้สึกหวาดกลัวในภายหลัง

อาวุธลับนี้ หากว่าโดนบนร่างคน จะไม่โดนยิงทะลุอีกรึ

“ใคร? ผู้ใดกำลังแอบซุ่มโจมตี?” เซียวหยู่เซวียนตะโกนเสียงดัง

ราชวิทยาลัยมีผู้มีฝีมือสูงส่งคุ้มกันมากมายขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายังจะลอบเข้ามาฆ่าคนได้อีก? ช่างบังอาจเกินไปแล้วละมั้ง

คิ้วที่งดงามของกู้ชูหน่วนขมวดทันที จับกระดิ่งทลายวิญญาณในมือไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

นางแสร้งหัวเราะอย่างสบายๆแล้วกล่าว “ก็เป็นเพียงแค่ขโมยตัวเล็กๆพวกหนึ่งที่ออกหน้าไม่ได้เท่านั้น อาจจะเห็นว่าช่วงนี้ข้าชนะได้เงินมามากเกินไป จึงเกิดความโลภสินะ”

แม้ว่าเซียวหยู่เซวียนจะเป็นลูกคนรวยที่เที่ยวเล่นไปบ้าง แต่เขาก็ไม่โง่

อาวุธลับสามสิบแปดชิ้นนั่นแฝงไปด้วยกระบวนท่าหมายที่จะปลิดชีพอย่างแน่นอน คนที่มาไม่ได้คิดจะให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตออกไปได้โดยสิ้นเชิง

อีกทั้งนี่เป็นถึงราชวิทยาลัย

แม้ว่าในวันปกติด้านในนี้จะเป็นสถานที่ที่ดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ใครจะรู้ โดยรอบๆของราชวิทยาลัยมียอดฝีมือซุ่มอยู่ไม่น้อย

ทันทีที่มีคนทำอันตรายต่อชีวิตของนักเรียน องครักษ์ลับเหล่านั้นก็จะออกมาคุ้มกันในเวลาแรก

“ยัยขี้เหร่ ปกติโจรกระจอกจะมีวิทยายุทธสูงส่งที่ไหนกัน ข้าว่าพวกเขาอยากมาชิงชีวิตของเจ้า”

“ช่วงชิงชีวิตอะไร ข้าก็ไม่ได้ไปล่วงเกินผู้ใดสักหน่อย คาดว่าเป็นเพราะชอบของที่อยู่ในมือของข้าน่ะสิ”

“ทำไมเจ้าจะไม่ได้ล่วงเกินคนอื่น? ในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ก็รังแกอ๋องเจ๋อและทูตของแคว้นต่างๆจนยับเยินแล้ว และเจ้าก็ยังจะทำให้ไทเฮากับองค์หญิงตังตังและคนอื่นๆขุ่นเคืองอีก”

“ทักษะของพวกเขาเทียบคนอื่นไม่ได้ แพ้ให้ข้า ข้ายังจะมีวิธีอะไรอีก?” กู้ชูหน่วนผายมือ

“ข้าว่ากระดิ่งทลายวิญญาณในมือของเจ้าก็ไร้ประโยชน์ อาจจะยังล่อหายนะแห่งความตายเข้ามาอีก ไม่เช่นนั้นก็หาที่โยนทิ้งไปก็ได้แล้ว”

เซียวหยู่เซวียนกระวนกระวายจนหัวหมุน แต่บังเอิญกู้ชูหน่วนก็ไม่เห็นว่าการลอบฆ่าจะเป็นเรื่องที่ต้องไตร่ตรอง

“แม้ว่าข้าจะทิ้งแล้ว คนพวกนั้นก็คงไม่เชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ง่ายที่ข้าจะชนะได้สิ่งของมา ทำไมจะต้องทิ้ง?”

“เช่นนั้นคืนนี้เจ้าก็ไม่ต้องออกจากราชวิทยาลัยแล้ว หากว่าวิทยาลัยไม่ปลอดภัย ด้านนอกจะยิ่งอันตรายเป็นแน่”

ไม่แน่ว่าทันทีที่ออกไป ก็จะมีกับดักรอยัยขี้เหร่อยู่อย่างหนาแน่น

“ข้าว่าเจ้าบ่นจู้จี้เหมือนชิวเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฟ้าก็มืดแล้ว หรือว่าข้ากลับไปยังจะต้องรับความโกรธของเทพสงครามอีกงั้นหรือ คืนนี้ข้าก็นอนที่ห้องเรียน ที่ไหนก็จะไม่ไป กลับเป็นเจ้า หากว่าเจ้าไม่รีบกลับไปอีก เชื่อหรือไม่ว่าท่านพ่อของเจ้าจะตีจนขาเจ้าหัก”

“ไม่กลับไปคืนหนึ่งเป็นบางครั้งบางคราว ท่านพ่อของข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร คืนนี้ข้าอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”

เซียวหยู่เซวียนหาวทีหนึ่ง ง่วงจนหนังตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว

“ดึกดื่นด่านนอกก็หนาวเริ่มมีน้ำค้าง ชายโสดหญิงไม่มีคู่ เจ้าอยากให้ทั้งวิทยาลัยเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราหรือ?”

เซียวหยู่เซวียนตะลึง หลังจากเพิ่งรู้เพิ่งตระหนักได้ก็เข้าใจความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วน

“แต่หากว่ามีนักฆ่าเข้ามาอีกล่ะ?”

“เจ้าไม่ได้บอกแล้วหรือ? ราชวิทยาลัยมียอดฝีมือแอบซ่อนอยู่มากมาย ทันทีที่นักเรียนได้รับการคุกคามถึงชีวิต พวกเขาก็จะออกมา เช่นนั้นข้ายังจะกลัวอะไรอีก”

“แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หากว่า”

“จะมีหากว่ามากมายที่ไหนกัน เจ้ารีบกลับไปเถอะ”

กู้ชูหน่วนแทบจะใช้การไล่ จึงได้ไล่เซียวหยู่เซวียนออกไปได้

ในห้อง กู้ชูหน่วนเก็บกระดิ่งทลายวิญญาณขึ้นมา

มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม

นางกลับอยากดูซิว่ามีคนมากมายเท่าไหร่ที่คิดอยากจะแย่งชิงกระดิ่งทลายวิญญาณในมือของนาง หรือว่าผู้ใดที่คิดอยากจะสังหารกัน

รอจนเซียวหยู่เซวียนจากไปแล้ว กู้ชูหน่วนที่สวมชุดเรียบง่าย เดินออกมาจากราชวิทยาลัยอย่างไร้กังวลไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด

ดึกดื่นมากแล้ว เงาคนบนท้องถนนในเมืองหลวงก็น้อยมาก เห็นสองสามคนเป็นบางครั้งบางคราว และล้วนเป็นคนเคาะบอกโมงยามที่เคาะบอกเวลา

กู้ชูหน่วนรู้ คืนนี้กำหนดไว้ว่าจะเป็นคืนที่ไม่ปกติ ดังนั้นนางจึงวางแผนการทุกอย่างไล่เซียวหยู่เซวียนให้จากไป