บทที่ 88 เหมือนมาบอกลา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 88 เหมือนมาบอกลา

หลินเป่ยเฉินค่อนข้างพอใจกับแอปฉายภาพ 4 มิติของโทรศัพท์มือถือมากๆ

แล้วแอป NetEase Cloud Music มีประโยชน์อะไรบ้างนะ?

“ลองใช้งานดูสิเจ้าคะ เดี๋ยวนายท่านก็รู้” เสี่ยวจี้ตอบ

หลินเป่ยเฉินกดเล่นเพลงที่ชื่อว่า ‘กระบี่ไร้เทียมทาน’ ทันที

“ต้องการแคสต์เพลงหรือไม่?”

ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

“มันหมายความว่าไง?” หลินเป่ยเฉินถาม

“ถ้าเลือกที่จะแคสต์เพลง ทุกคนในบริเวณนั้นก็จะได้ยินเสียงเพลง แต่ถ้าเลือกที่จะไม่แคสต์เพลง ก็จะมีแต่นายท่านได้ยินเสียงเพลงอยู่คนเดียวเจ้าค่ะ” เสี่ยวจี้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“โห น่าสนใจมากกว่าเดิมอีก”

พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนเขามีหูฟังล่องหนนั่นเอง

หลินเป่ยเฉินกดเลือก

“ไม่”

แล้วเสียงอินโทรตุ๊ง ตุ๊ง ตุ๊งที่แสนคุ้นหูก็ดังขึ้นในหัวของเขา

“ยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา เจ้าจอมปฐพี สู้ไม่เคยถอยหนี ไม่เคยหวาดหวั่นใคร เหล็กแกร่งสักปานใด ไม่แข็งเท่าใจ

ของเขาชายชาตรี ชีวิตเขาแสนเปลี่ยว เพียงผู้เดียวดาย สู้ไม่เคยรู้หน่าย ใจนั้นรักศักดิ์ศรี…”

ขณะที่รับฟังบทเพลง พลังลมปราณในร่างกายของเด็กหนุ่มก็เริ่มหมุนเวียนปั่นป่วน

เลือดลมสูบฉีด หัวใจเต้นเร็วแรง

หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมพลังลมปราณ แต่ก็พบว่าทำได้ยากเหลือเกิน ขณะนี้ ชีพจรของเขากำลังเต้นแรงมาก

นอกจากพลังลมปราณจะปั่นป่วนแล้ว กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายยังแข็งเกร็งเต็มไปด้วยพลังอีกด้วย

พลังจิตในร่างกายทำให้ใช้สายตาได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครที่ได้เพิ่มค่าพลังการต่อสู้ในวีดีโอเกมอย่างไรอย่างนั้น

“หยุดก่อน ปิดเพลงเดี๋ยวนี้” หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งด้วยความร้อนรน

ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะเสี่ยวจี้หยุดเพลงตามคำขอของเขา

หลินเป่ยเฉินหอบหายใจ ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติอย่างช้าๆ

เด็กหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองมีเหงื่อออกเต็มกาย เหมือนเพิ่งผ่านการทำสงครามในสมรภูมิใหญ่ที่ไหนสักที่ ร่างกายในตอนนี้จึงรู้สึกอ่อนล้าหมดแรง

“สรุปว่าแอป NetEase Cloud Music ช่วยเพิ่มค่าพลังการต่อสู้ให้ข้าได้ใช่ไหม?” หลินเป่ยเฉินสอบถาม

เสี่ยวจี้ตอบว่า “แต่ละเพลงจะมีผลลัพธ์ไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ เพลงนี้มีไว้สำหรับเปิดยามต้องต่อสู้ โดยเนื้อหาของเพลงนี้ต้องการเน้นให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมือกระบี่ผู้เดียวดาย…”

“ไม่ต้องบอก ข้ารู้หมดแล้ว” หลินเป่ยเฉินแทรกขึ้นกลางคัน

“สรุปว่าเป็นเพลงที่เอาไว้เปิดเพื่อเพิ่มค่าพลังจริงๆ ด้วย แต่เพลงนี้ยังใช้ประโยชน์ตอนนี้ไม่ได้ งั้นลองดาวน์โหลดเพลงอื่นได้หรือเปล่าวะ?”

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ลองค้นหาชื่อเพลงอื่นๆ โดยไม่รีรอ ไม่ว่าจะเป็นเพลง ‘ผู้ชนะสิบทิศ’ ‘เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้’ หรือเพลงประกอบหนัง ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’ แต่แอป NetEase Cloud Music ก็ขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่าไม่สามารถดาวน์โหลดเพลงเหล่านั้นได้ เพราะติดปัญหาด้านลิขสิทธิ์

“ติดลิขสิทธิ์?” หลินเป่ยเฉินอ้าปากค้าง “เป็นแค่โทรศัพท์ที่ทะลุมิติมาอยู่ต่างโลก ยังต้องใช้ลิขสิทธิ์กันด้วยเหรอเฮ้ย? แบบนี้ฉันก็ดาวน์โหลดเพลงอื่นไม่ได้น่ะสิ”

เด็กหนุ่มปิดแอปฟังเพลงไปก่อนชั่วคราว หันกลับมาทุ่มเทความสนใจให้กับคัมภีร์กระบี่รักนิรันดร์และคัมภีร์ย่องหาโฉมสะคราญต่อจากเดิม

หลังจากนั้น เขาก็สแกนคัมภีร์ทั้งสองเล่ม แล้วแอปของคัมภีร์สองเล่มนี้ ก็ถูกสร้างขึ้นมาในแอปสโตร์แบบอัตโนมัติ

หลินเป่ยเฉินกดติดตั้งและปล่อยให้พวกมันทำงานในพื้นหลังต่อไป

เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็รับประทานอาหารเสร็จพอดี

หลินเป่ยเฉินกำลังจะเรียกพ่อบ้านหวังให้มาเก็บจานอาหารกลับไป ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“นายน้อยขอรับ อาจารย์ติงมาหาขอรับ” พ่อบ้านหวังส่งเสียงขึ้นที่หน้าประตูห้อง

ไม่กี่อึดใจต่อมา

ในห้องรับแขกชั้นล่าง หลินเป่ยเฉินพบว่าติงซานฉือนั่งรอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว

เด็กหนุ่มค่อนข้างให้ความเคารพอาจารย์ชราผู้นี้ไม่น้อย

เพราะในโลกจอมยุทธ์แห่งนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงติงซานฉือคนเดียวเท่านั้นที่ทำดีกับเขามากที่สุด

“อาจารย์ติงมาหาข้ามีอะไรหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินจัดการรินน้ำชาใส่ถ้วยให้อีกฝ่าย

“ข้านำป้ายประจำตัวผู้มีพรสวรรค์มามอบให้เจ้า เช่นเดียวกับรางวัลจากกระทรวงศึกษาที่สถาบันของเราเก็บเอาไว้ให้” พูดจบ ติงซานฉือก็นำแผ่นป้ายที่เป็นรูปกระบี่สีทองคำขนาดเล็กวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า พร้อมด้วยถุงใส่เหรียญทองคำ 50 เหรียญ “ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าร่ำรวยแล้ว เงินจำนวน 50 เหรียญคงไม่มีค่าในสายตาเจ้า…”

“หามิได้ขอรับ ขึ้นชื่อว่าเป็นเงิน ไม่ว่าจำนวนเล็กน้อยแค่ไหนก็มีค่าเสมอ”

หลินเป่ยเฉินรีบเก็บถุงใส่เหรียญทองคำทันที เพราะกลัวว่าติงซานฉือจะเปลี่ยนใจเอาคืนไป

อาจารย์ชราพลันชะงักกึก

“ต่อให้เจ้าเป็นเศรษฐีตกอับก็จริง แต่เจ้าก็ไม่ควรโลภมากในทรัพย์สินเงินทองขนาดนี้”

หลินเป่ยเฉินเก็บถุงใส่เหรียญทองคำ ก่อนที่จะสนใจป้ายประจำตัวเสียอีก

ป้ายประจำตัวของเขาเป็นรูปกระบี่ทองคำขนาดเล็ก มีความยาวเท่าฝ่ามือคน กว้างสามนิ้วมือ หนาพอสมควร การออกแบบดูเรียบง่ายแต่มีรสนิยม บนแผ่นป้ายด้านหนึ่งสลักคำว่า ‘เยาวชน’ อีกด้านสลักคำว่า ‘ผู้มีพรสวรรค์’ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ที่ถือครองป้ายนี้ เป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับเยาวชนประจำเมือง

“ป้ายนี้ลงค่ายอาคมเอาไว้ถึง 21 ชนิด นอกจากเป็นป้ายประจำตัวแล้ว ยังเป็นเครื่องรางที่จะช่วยชีวิตเจ้ายามตกอยู่ในอันตราย ขอเพียงเจ้าโคจรพลังลมปราณใส่เข้าไป มันก็จะจดจำว่าเจ้าเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้น ต่อให้ในภายหลังมีคนขโมยป้ายนี้ไปจากเจ้า ก็จะไม่มีใครสามารถใช้งานมันได้อีก”

ติงซานฉือพูดจบก็สอนวิธีการโคจรพลังลมปราณใส่ป้ายประจำตัวให้เด็กหนุ่มรับทราบ

เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว ชายชราก็ล้วงคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ออกมาหลายเล่ม

“บัดนี้ เจ้ามีพลังลมปราณขั้นสูงสุดของระดับพื้นฐานแล้ว นี่คือคัมภีร์ที่จะช่วยชี้แนะการฝึกพลังลมปราณระดับสูงขั้นเริ่มต้น หากมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจ สามารถไปสอบถามคณบดีฉู่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

“ส่วนเล่มนี้คือคัมภีร์กระบี่ทะลวงจันทร์ นับเป็นคัมภีร์กระบี่ระดับ 1 ดาว อาจารย์เลือกมาให้เจ้าโดยเฉพาะ ด้วยเห็นว่าปัจจุบันเจ้ายังสามารถใช้กระบี่ได้เพียงกระบวนท่าเดียว และไม่ว่าจะเป็นกระบี่สามพิฆาตหรือกระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อย มันก็ไม่สามารถนำพาชัยชนะมาให้เจ้าได้เสมอไป ต่อจากนี้ เจ้าจงตั้งใจฝึกฝนวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ให้ดี หากสามารถฝึกได้สำเร็จ มันสามารถต่อกรกับวิชากระบี่ระดับ 3 ดาวได้เลยทีเดียว”

“เล่มนี้เป็นคัมภีร์กระบี่เร้นกายฉบับสมบูรณ์ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ฉบับพื้นฐานของเจ้าไม่ได้กล่าวไว้ ถึงแม้เจ้าจะฝึกวิชานี้ระดับพื้นฐานได้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าเจ้าจะฝึกวิชากระบี่เร้นกายระดับสูงได้สำเร็จ ถึงอย่างนั้น หากเจ้าจะลองศึกษาดูก็ไม่เสียหาย…”

“เล่มสุดท้าย นี่คือคัมภีร์วิหคดั้นเมฆ เป็นวิชาตัวเบาระดับ 1 ดาว เมื่อใช้ร่วมกับวิชากระบี่ทะลวงจันทร์ มันจะยิ่งทำให้เจ้าได้เปรียบคู่ต่อสู้ สามารถหลบหนีได้อย่างว่องไว ซ้ำยังโจมตีศัตรูได้อย่างหนักหน่วงในเวลาเดียวกันอีกด้วย”

ติงซานฉือส่งคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ทั้งสี่เล่มมาให้หลินเป่ยเฉินพลางอธิบายสรรพคุณของแต่ละเล่มอย่างละเอียด

ดูเหมือนอาจารย์ชราจะยังไม่รู้ว่าหลินเป่ยเฉินได้รับคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 2 ดาวมาจากหลิงไท่ซวีเรียบร้อยแล้ว

หลินเป่ยเฉินรู้สึกแปลกใจนัก

แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ติงซานฉือก็นำกระบี่ที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับพูดว่า “นี่คือกระบี่วิหคคราม เป็นกระบี่รุ่นล่าสุดของอาจารย์ฟ่าน มีคุณสมบัติเท่ากับศาสตราวุธระดับ 1 ดาว อาจารย์ขอมอบให้กับเจ้า ทีนี้เจ้าก็คืนกระบี่คุณธรรมกลับมาให้อาจารย์ได้แล้ว อาจารย์มีเรื่องจำเป็นต้องใช้มันอีกพักใหญ่”

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบรับ “ได้ขอรับ เดี๋ยวข้าไปเอามาให้”

เด็กหนุ่มลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขก สีหน้าของเขาปรากฏความสงสัยมากยิ่งขึ้น

หลินเป่ยเฉินนำกระบี่คุณธรรมออกมาจากพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ หลังจากนั้น ก็เดินกลับเข้าไปในห้องรับแขก และใช้สองมือประคองกระบี่ส่งคืนผู้เป็นเจ้าของ

ติงซานฉือลุกขึ้นยืนเหน็บกระบี่คุณธรรมเข้ากับข้างเอว ก่อนจะตบไหล่เด็กหนุ่มและกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์โดยกำเนิด นับเป็นอัจฉริยะที่หาได้เพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น จงตั้งใจฝึกฝน อาจารย์หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าจะต้องเป็นมือกระบี่ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต…เจ้าจงจำ…คำพูดของอาจารย์ไว้ให้ดี”

เมื่อกล่าวจบแล้ว ติงซานฉือก็หมุนตัวเดินจากไป

เพียงพริบตาเดียว อาจารย์ชราก็หายตัวไปจากป่าไผ่แห่งนี้แล้ว

หลินเป่ยเฉินยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าตำหนักไม้ไผ่ หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่น

“ทำไมรู้สึกเหมือนอาจารย์ติงแกมาบอกลายังไงไม่รู้แฮะ?”