ตอนที่ 188 สมัครสอบเข้าโรงเรียน!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงหลานที่รอคอยอยู่ตรงนั้นเห็นเซี่ยอี๋ลอยละล่องลงมาจากในโฮเวอร์คาร์ราวกับภูติผีก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หรือว่าหมอนี่ถูกเธอซัดใส่หนักมากเกินไป จิตใจเลยบอบช้ำไปแล้ว?

เธอมองไปที่ฉีหลงด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง ในสายตาเต็มไปด้วยคำถามว่า ‘ให้ตายสิ พวกนายบอกว่าหมอนี่หน้าด้านมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมซัดใส่นิดเดียวก็เปลี่ยนเป็นเหมือนผีแบบนี้ไปแล้วล่ะ?’

ฉีหลงได้รับคำถามของหลิงหลานก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น บ่งบอกว่าไม่รู้

แน่นอนว่าหลังจากที่หลิงหลานเบนสายตาออกไป ฉีหลงก็ลอบพึมพำกับตัวเองในใจว่า ‘นั่นก็ต้องดูว่าเผชิญหน้ากับใครแล้ว อาวุธรูปร่างมนุษย์ที่มีพลังทำลายล้างน่ากลัวอย่างนาย ต่อให้หน้าด้านอีกสักแค่ไหนก็มีประโยชน์ด้วยเหรอ? ถึงยังไงก็รับไม่ไหวอยู่ดีนั่นแหละ’

ฉีหลงคิดถึงตรงนี้ก็อดปรายตามองไปที่เซี่ยอี๋ด้วยความเห็นอกเห็นใจไม่ได้ ขอมอบน้ำตาแห่งความสงสารให้กับเจ้าเด็กน้อยคนนี้ที่โดนลูกพี่หลานอัดใส่จนแทบจะพังทลาย…นึกถึงตอนนั้น พี่ก็อดทนจนผ่านพ้นมาแบบนี้เหมือนกัน!

“เซี่ยอี๋ นายคิดจะใช้สภาพแบบนี้ไปสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหรือไง?” ทันใดนั้นเซี่ยอี๋ก็ได้ยินเสียงเย็นเยียบที่คุ้นเคย ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยพลัน

เขาเห็นหลิงหลานกำลังมองเขาอย่างเย็นชา ความเย็นเยียบในดวงตาทำให้เขาอดตัวสั่นเทาไม่ได้ เขาถึงกับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันเหมือนกับที่เขาสัมผัสได้จากตอนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์ เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันมานานแล้ว

“ถ้าเกิดนายพ่ายแพ้อยู่ตรงนี้แล้วละก็ งั้นนายก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็นสมาชิกของทีมเราจริงๆ นะ” คำเตือนของหลิงหลานทำให้เซี่ยอี๋เก็บอาการ ไม่มีใจไปคิดเรื่องมั่วซั่วอื่นๆ อีกต่อไป เขามีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเขาไม่อาจล้มเหลวอยู่ตรงนี้ได้ เขาจะต้องสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งให้ได้ หลังจากนั้นก็พิสูจน์ตัวเองว่าเขามีคุณสมบัติกลายเป็นสมาชิกคนหนึ่งของทีม

เมื่อเห็นเซี่ยอี๋กลับมาเป็นปกติแล้ว ในใจหลิงหลานค่อยโล่งอกเล็กน้อย ถ้าเกิดคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเธอทำให้เซี่ยอี๋สอบพลาดขึ้นมา นั่นก็เป็นบาปกรรมของเธอแล้ว

พวกเขามาถึงจุดประเมินผลของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งโดยเฉพาะแล้ว เวลานี้มีนักเรียนชายปีสิบที่เตรียมตัวสอบเข้าของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด ทุกคนต่างมีโอกาสประเมินผลสามครั้ง นักเรียนชายทุกคนต่างเลือกโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งในการประเมินครั้งแรกของตัวเอง นั่นเป็นสถานที่ในฝันที่นักเรียนชายทุกคนอยากเข้า ดังนั้นต่อให้รู้แน่ชัดว่าโอกาสมีน้อยสุดขีด แต่พวกเขายังคงเลือกที่นี่โดยไม่นึกเสียใจที่กระทำลงไป

พวกฉีหลงไปต่อแถวด้านหลังคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แถวเคลื่อนที่ไปข้างหน้ารวดเร็วมาก ไม่นานก็ถึงตาพวกเขาแล้ว พวกฉีหลงยกมือขวาขึ้น แสดงอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองออกมาแล้วจ่อไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแล้วโบกมัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงติ๊งดังขึ้น บนหน้าจอเสมือนจริงได้แสดงข้อมูลของพวกเขารวมไปถึงเกียรติคุณและผลการรบในสถาบันลูกเสือเป็นเวลาสิบปี

หลังจากที่เจ้าตัวแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดค่อยกดปุ่มยืนยันของออปติคัลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลของพวกเขาก็จะส่งเข้าไปในคลังข้อมูลของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งทันที หลังจากนั้นก็อดทนรอข้อความแจ้งเตือนยืนยันจากอุปกรณ์สื่อสาร

อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาได้รับหมายเลขใบอนุญาตเข้าสอบที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เวลานี้พวกเขาต้องอดทนรอการแจ้งเตือนประเมินผลสุดท้ายจากในอุปกรณ์สื่อสาร

ในตอนที่ทั้งห้าคนทำเรื่องทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว กำลังรอให้หลิงหลานกรอกข้อมูลอยู่นั้น หลิงหลานกลับไม่ได้ทำเช่นนี้ หากแต่ส่งสัญญาณให้พวกฉีหลงเดินไปจะได้ไม่ต้องส่งผลกระทบต่อการสมัครของคนที่อยู่ด้านหลัง

การกระทำที่เหนือความคาดหมายของหลิงหลานทำให้ฉีหลงตกตะลึงอย่างยิ่งยวดก่อนจะเอ่ยถามตรงนั้นว่า “ลูกพี่ ทำไมนายไม่สมัครโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งล่ะ?”

 “พวกเราไปคุยกันอีกทางดีไหม?” เป็นเพราะการเอ่ยถามของฉีหลงทำให้พวกเขากลายเป็นจุดสนใจ นี่ทำให้หลิงหลานรู้สึกจนใจอยู่บ้าง

“อ้า…นั่นคือหลิงหลานที่หยุดเรียนไปเมื่อสามปีก่อนนี่นา” ทุกคนสังเกตเห็นหลิงหลานแล้ว จากนั้นก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา การต่อสู้ประจัญบานในปีนั้นเป็นหลิงหลานที่เปิดฉากขึ้นมา และเป็นเพราะการกระทำของเขา ทำให้นักเรียนมากมายที่เดิมทีไม่สามารถปลุกพรสวรรค์มีโอกาสได้ปลุกมันขึ้นมา ควรพูดว่านักเรียนปีเจ็ดส่วนใหญ่ในปีนั้น หรือก็คือปีสิบในเวลานี้ต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจต่อหลิงหลานอย่างยิ่งยวด

“ราชาไร้มงกุฎของเรากลับมาแล้ว…” คนที่ตะโกนด้วยใบหน้าประหลาดใจแกมยินดีคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์ต่อหลิงหลาน

“เมื่อตะกี้นี้ฉันเหมือนได้ยินว่าหลิงหลานไม่สมัครโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” มีคนได้ยินคำถามของฉีหลงและเอ่ยถามสาเหตุด้วยความตื่นตะลึง

ในสายตาพวกเขา มีเพียงพวกคนห้องเอเท่านั้นที่ไม่ต้องมีความกังวลใจในการสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมากๆ และหลิงหลานก็เป็นราชาในหมู่ราชาของห้องเอ ถ้าหากเขาเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งไม่ได้ แล้วใครจะเข้าได้?

“หรือว่าอาการบาดเจ็บที่หลิงหลานได้รับในตอนนั้นยังไม่หายดี?” ใครสักคนเอ่ยถามขึ้น ทำให้เสียงเอะอะในเวลานี้เงียบลงไปทันที หลังจากนั้นเสียงดังโวยวายก็ระเบิดออกมา หรือว่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ?

ฉีหลงได้ยินคำพูดนี้ก็นึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปฉับพลัน

หลิงหลานเห็นสถานการณ์สูญเสียการควบคุมอยู่บ้างก็รีบส่งสัญญาณให้พวกฉีหลงออกไปจากที่นี่ก่อน ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ให้พูดคุยกันจริงๆ

พวกเขาออกไปจากสถานที่สมัครสอบอย่างรวดเร็ว ควรรู้ไว้ว่าการแจ้งเวลาประเมินผลจะส่งมาที่อุปกรณ์สื่อสารของผู้เข้าสอบโดยตรง ไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่ ขอเพียงไม่มาสายในเวลาที่ประเมินผลก็พอ

เมื่อทั้งหกคนมาถึงสถานที่ค่อนข้างเงียบเชียบแห่งหนึ่ง หลิงหลานถึงค่อยพูดว่า “อันที่จริง การเลือกไม่สมัครสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเป็นการตัดสินใจที่ฉันคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว”

“ร่างกายของลูกพี่ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาจริงๆ เหรอ?” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ ตอนนั้นหมอของสถาบันเคยวินิจฉัยว่าต้องการเวลาสามถึงสี่ปีถึงจะสามารถฟื้นตัวได้ทั้งหมด เขาคิดว่าเวลาสามปีจะต้องหายดีแน่นอน ไม่นึกเลยว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนี้

“อื้อ ยังต้องการเวลาอีกหนึ่งปี และหนึ่งปีนี้เป็นหนึ่งปีที่สำคัญที่สุด…ถ้าเกิดไม่บำรุงให้ดี ร่างกายของฉันจะหลงเหลือปัญหาแฝงเร้นเพราะเหตุนี้ได้ ถึงขนาดที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพผู้ควบคุมหุ่นรบในอนาคตของฉันได้” หลิงหลานกล่าวด้วยความเสียใจอย่างเกินจริงโดยไม่ลังเล ต่อให้ตอนนี้เธอแข็งแรงราวกับวัว เธอก็ต้องบอกว่าตัวเองเป็นผักกาดขาวอ่อนปวกเปียกที่ได้รับบาดเจ็บเสียหาย

“พวกนายก็รู้ว่าการฝึกฝนร่างกายปีแรกของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งโหดมากสุดๆ ถ้าเกิดไม่ผ่านก็จะถูกเตะออกจากโรงเรียนทันที หมอของครอบครัวฉันวินิจฉัยชัดเจนแล้วว่า ร่างกายของฉันไม่สามารถทนรับในปีนี้ได้ ในเมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าไม่ได้ ฉันก็ได้แต่ยอมแพ้เรื่องการสมัครสอบไปเท่านั้น”

หลิงหลานย่อมไม่กลัวสิ่งที่เรียกว่าการฝึกฝนร่างกายที่โหดร้าย สาเหตุที่เธอไม่สมัครสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเธอกับหลานลั่วเฟิ่งผู้เป็นแม่ต่างไม่มั่นใจว่าจะสามารถปกปิดความลับเป็นเวลาหกปีในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้

แค่การตรวจสอบร่างกายทุกปีก็เป็นช่องว่างทางธรรมชาติที่ยากจะข้ามผ่าน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีการฝึกฝนร่างกายในรูปแบบต่างๆ  ตามที่เธอรู้มามันยังมีการถอดเสื้อต่อสู้อีกด้วย นี่จึงทำให้หลิงหลานทนรับไม่ไหว!

แน่นอนว่าต่อให้ไม่มีเรื่องพวกนี้ จากสภาพปัจจุบันของหลิงหลานก็ไม่เหมาะที่จะเข้าไปในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งซึ่งเป็นแหล่งรวมปีศาจอัจฉริยะหรอกนะ ควรทราบว่าเมื่อเข้าไปที่นั่นแล้วก็จะได้รับความสนใจจากทั่วทั้งสหพันธรัฐ และหลิงหลานก็ไม่ต้องการเรื่องนี้พอดี ทางที่ดีที่สุดสำหรับเธอคือให้ผู้คนลืมเลือนเธอไปโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นเธอถึงค่อยมีโอกาสกลับคืนสู่ชีวิตผู้หญิงของเธอ

หลานลั่วเฟิ่งไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองใช้ชีวิตในฐานะผู้ชายไปตลอดกาล เธอทนรับไม่ได้ ดังนั้นหลังจากที่ปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจให้หลิงหลานสมัครสอบเข้าที่ดาวหมิงหวงที่อยู่ห่างไกลที่สุดในกาแลคซี่

นั่นเป็นดาวเกษตรกรรม ทิวทัศน์งดงาม อากาศอบอุ่น และสถาบันเฉพาะทางของที่นั่นก็สบายๆ เอ้อระเหยแค่ไม่กี่ปีก็สามารถเอาปริญญาที่เกี่ยวข้องมาได้แล้ว ถึงแม้ว่าในใจหลิงหลานจะเสียใจอยู่บ้าง แต่เธอไม่อยากให้หลานลั่วเฟิ่งเป็นกังวล ดังนั้นก็เลยตกลง

แน่นอนว่าหลิงหลานยังวางกลอุบายไว้เล็กน้อยด้วย เขาไม่ได้สมัครสอบเข้าสถาบันเฉพาะทางด้านปลูกต้นไม้ใบหญ้าอย่างที่หลานลั่วเฟิ่งหวังไว้ หากแต่เลือกสถาบันเอกชนด้านการบำรุงรักษาหุ่นรบเพียงหนึ่งเดียวในนั้น หลิงหลานทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันแห่งนั้นโดยละเอียดแล้ว ถึงแม้ว่าชื่อของมันคือสถาบันบำรุงรักษาหุ่นรบ แต่มันก็มีชั้นเรียนควบคุมหุ่นรบด้วย ถึงแม้ว่าโควตาจะมีแค่ 50 คนเท่านั้น แต่หลิงหลานเชื่อว่า อาศัยเธอที่เป็นนักเรียนห้องเอของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ สถาบันแห่งนั้นไม่มีทางปฏิเสธเธอเด็ดขาด

พวกฉีหลงห้าคนได้ยินสถานการณ์ของหลิงหลาน อารมณ์ตื่นเต้นแต่เดิมก็ดิ่งลงฉับพลัน

หานจี้จวินอดไม่ไหวเอ่ยถามออกมาว่า “งั้นนายเตรียมตัวไปสมัครสอบที่โรงเรียนทหารไหนล่ะ?” บางทีโรงเรียนทหารแห่งอื่นๆ อาจจะไม่ได้เข้มงวดขนาดโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง

“ฉันเตรียมตัวไปสมัครสอบที่สถาบันบำรุงรักษาหุ่นรบจุยเฟิง” คำตอบของหลิงหลานทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง

“บำรุงรักษาหุ่นรบ? ลูกพี่ล้อเล่นหรือเปล่า?” ฉีหลงสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

เขาไม่เคยลืมความสามารถในการควบคุมอันยอดเยี่ยมของหลิงหลานเลย ตอนที่อยู่ในโลกเสมือนจริง เขาขับหุ่นรบและจำลองการต่อสู้กับหุ่นรบฮิงุเระในสมอง แต่เขาก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นี่ยิ่งทำให้ฉีหลงรู้ซึ้งถึงความสามารถที่แท้จริงในการควบคุมของหลิงหลาน ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เหมือนปีศาจอัจฉริยะเช่นนี้ไปเป็นทหารช่างเทคนิคบำรุงรักษาหุ่นรบธรรมดา เขารู้สึกว่าโลกใบนี้ถูกพลิกคว่ำลงโดยสมบูรณ์แล้ว

หลิงหลานมองฉีหลงด้วยความดุดันเย็นชา “สถาบันบำรุงรักษาหุ่นรบไม่ได้มีแค่การบำรุงรักษาหุ่นรบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันก็มีชั้นเรียนควบคุมหุ่นรบด้วยเหมือนกัน”

คำพูดประโยคนี้ทำให้หลายคนได้สติกลับมา ลูกพี่ไม่ได้ไปเป็นทหารช่างด้านบำรุงรักษาหุ่นรบ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองได้รับการชุบชีวิตอีกครั้ง

“ชั้นเรียนควบคุมหุ่นรบของดาวดวงนั้นดีเหรอ?” หานจี้จิวนยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย

คำตอบของหลิงหลานกลับทำให้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกพี่หลานของพวกเขาถึงเลือกเรียนที่นั่น “ก็พอถูๆ ไถๆแต่ว่าที่นั่นเป็นดาวที่เหมาะกับการบำรุงรักษาร่างกายมากที่สุด อากาศอบอุ่น ทิวทัศน์สวยงาม คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ A+ ยอดเยี่ยมที่สุด หมอของบ้านฉันบอกว่า ที่นั่นสามารถทำให้ร่างกายของฉันผ่อนคลายได้ดีที่สุด กำจัดปัญหาที่แฝงอยู่ได้หมด นอกจากนี้รูปแบบการเรียนของทางสถาบันก็สบายๆ ใช้ระบบหน่วยกิต ปีแรกฉันเตรียมตัวพักฟื้นอยู่ในบ้านเงียบๆ เลือกวิชาทฤษฎีไม่กี่ตัว ส่วนวิชาควบคุมหุ่นรบของจริง ฉันจะวางไว้ตอนปีสอง…” หลิงหลานพูดถึงตรงนี้ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจนใจว่า “มีแค่สถาบันนั้นที่ให้ฉันจัดเวลาได้ตามใจชอบ ดังนั้นที่นั่นเลยเหมาะกับฉันมากที่สุด…”

หลิงหลานพบว่าเธอโกหกคนเก่งจริงๆ พูดว่าตัวเธอเองก็เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง

เมื่อเห็นทั้งห้าคนยังอารมณ์หดหู่ หลิงหลานก็เอ่ยต่อว่า “นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าฉันไปที่นั่นแล้วจะไม่กลับมาซะหน่อย โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งมีนักเรียนสอบกลับเข้ามาทุกปี นักเรียนที่โดดเด่นของสถาบันอื่นสามารถสมัครสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้ใหม่โดยผ่านการประเมินผลการผ่านด่านทดสอบ ไว้รอให้ร่างกายฉันฟื้นตัวแล้ว ฉันจะกลับมา”

ตอนนี้ต้องปลอบพวกเขาก่อน หลังจากนี้ก็ต้องมีข้ออ้างมาอธิบายอยู่แล้ว…หลิงหลานตัดสินใจก้าวไปพลางคิดไปพลาง ตอนนี้ต้องให้พวกฉีหลงไปสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม ควรรู้ไว้ว่ามีแค่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเท่านั้นที่ทำให้พวกเขามีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น จะให้อนาคตของพวกเขาได้รับผลกระทบเพราะเธอเป็นต้นเหตุไม่ได้เป็นอันขาด

คำพูดของหลิงหลานทำให้พวกฉีหลงมีชีวิตชีวาขึ้นมาตามที่คาดไว้ เมื่อคิดดูให้ดีแล้วก็เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย ต่อให้ครั้งนี้ลูกพี่หลานไม่ได้สมัครสอบโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สอบเข้าในภายหลัง โอกาสยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าการสมัครสอบจะยากลำบากกว่าตอนนี้มาก แต่หลิงหลานคือใคร? เขาเป็นลูกพี่ของพวกเขานะ เขาต้องทำได้อยู่แล้ว

ต้องบอกว่าพวกฉีหลงเชื่อมั่นในตัวหลิงหลานอย่างหน้ามืดตามัวแล้ว พวกเขาคิดว่าขอเพียงลูกพี่หลานต้องการก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้

………………………….