บทที่ 109 อัญมณีเลอค่า
คำพูดของหลินเทียนหยาสร้างความสงสัยให้กับทุกคน เฉินโม่ดูอายุแค่17 18 ปี และเสื้อที่เขาใส่ก็มีแต่เสื้อที่ซื้อมาจากแผงขายริมถนนแบบนั้น เขาจะมีเงินเหรอ?
“ชายหนุ่มคนนี้จะเป็นคนหลอกลวงรึเปล่า?” มีคนถาม
หลินทาวที่อยู่ในฝูงชนมองไปที่เฉินโม่อย่างไร้ความปรานีและกล่าวเยาะเย้ย ” ไอ้คนไม่เอาไหน ใครให้นายทำให้ฉันขายหน้าต่อหน้ายานเอ๋อร์ ฉันก็เลยเอาคืนให้นายขายหน้าต่อหน้าทุกคนบ้า
ง!”
เจี่ยจิ้งอานตกตะลึง มองไปที่เฉินโม่ด้วยความเขินอาย และถามด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อหนุ่ม พวกเขาสงสัยว่าคุณไม่มีเงิน คุณสามารถพิสูจน์ได้ไหม?”
ดูเหมือนว่าฉู่เหวินสงจะรู้ปัญหานี้เช่นกัน แม้ว่าคุณท่านจินจะเคารพเฉินโม่อย่างสูง แต่เขาเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลาย เขาจะมีเงิน 5 ล้านได้ยังไง?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉู่เหวินสงก็พูดขึ้นทันที “ถ้าเขาไม่มีเงิน ฉันฉู่เหวินสงจะจ่ายให้เขา!”
เฉินโม่พูดอย่างเฉยชา “ไม่จำเป็น บัตรใบนี้มีเงินสิบล้าน รหัสผ่านคือ0 หกตัว คุณไปหาคนมาเช็กเองแล้วกัน!”
หลังจากพูดจบเฉินโม่ก็โยนบัตรธนาคารให้เจี่ยจิ้งอาน
สิบล้านนี้เป็นเงินที่จินเพ่ยอวิ๋นมอบให้เฉินโม่
เมื่อเห็นเฉินโม่ทุ่มเงิน 10 ล้านลงบนเวทีเหมือนทิ้งขยะ และบอกรหัสผ่านของบัตรธนาคารในที่สาธารณะ ทุกคนตกใจอย่างมาก
แม้แต่คุณชายตระกูลใหญ่อย่างหลินเทียนหยาเองก็ไม่มีความกล้านี้!
เจี่ยจิ้งอานหยิบบัตรธนาคารมาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า ” เอาล่ะ ผมจะตรวจสอบตอนนี้เพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของพ่อหนุ่มคนนี้!”
เฉินซงจื่อมองไปที่เฉินโม่ สีหน้าของเขาเคารพนับถือมากขึ้นเรื่อย ๆ เขานึกถึงมนุษย์ที่เหินฟ้ามุดดินที่น่าสะพรึงกลัวที่เขาเห็นในสายตาของเฉินโม่ บางทีเงินทองในโลกนี้อาจจะดูไร้ค่าในสายตาของเฉินโม่!
เฉินซงจื่อรู้สึกขอบคุณสำหรับทางเลือกของตน การเลือกที่จะติดตามเฉินโม่ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่เขาเคยทำในชีวิตนี้!
ทุกคนเงียบ ๆ และดูเจี่ยจิ้งอานไปตรวจสอบบัตรธนาคารนั้น
สีหน้าของหลินทาวมืดมน “ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ทางมีเงิน 10 ล้านอย่างแน่นอน คนบ้านนอกจะมีเงิน 10 ล้านคนได้อย่างไร? เขาตั้งใจทำให้ทุกคนสะพรึงอย่างแน่นอน!”
เงิน10ล้านเกือบเท่ากับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลหลินทาว เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าเฉินโม่จะมีเงิน10ล้าน หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาไม่เชื่อว่าทรัพย์สินของเฉินโม่จะมามากกว่าเขา!
หลินเทียนหยาเริ่มรู้สึกสงสัยเล็กน้อยและถามหลินทาวด้วยเสียงเบาๆ ” นายแน่ใจนะว่าเขาไม่มีเงิน?”
หลินทาวพยักหน้าอย่างหนัก “ไม่ต้องกังวลนายน้อย ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเขามาสามปี ผมรู้ดีว่าเขาเป็นอย่างไร”
หลินเทียนหยาพยักหน้า สีหน้าของเขาอ่อนลงอย่างมาก
เจี่ยจิ้งอานตรวจสอบเรียบร้อย เขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม และให้พนักงานส่งบัตรคืนเฉินโม่
“ผมได้ตรวจสอบแล้ว ในบัตรมีเงิน 10 ล้านจริง ๆ หากใครไม่เชื่อ สามารถขึ้นมามาตรวจสอบเองได้!” เจี่ยจิ้งอานพูดกับหลินเทียนหยาด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนหยาหน้าแดงและจ้องไปที่หลินทาวด้วยแววตาที่ดุเดือด ” แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลว แกล้งฉันเหรอ นายตายแน่!”
หลินทาวตกใจมากจนนั่งลงกับพื้น จู่ๆ เขาก็ยืนขึ้นและตะโกนว่า “ผมไม่เชื่อ เขาเป็นแค่คนไม่เอาไหน จะมีเงิน10ล้านได้ยังไง?”
หลินทาวรีบขึ้นไปบนแท่นหินด้วยท่าทางไม่พอใจ คว้าบัตรธนาคารจากเจ้าหน้าที่และตรวจสอบด้วยตัวเขาเอง
เมื่อเขาเห็นเลขศูนย์ที่ยาวเป็นแถวปรากฏขึ้น หลินทาวตะลึงจนนั่งลงกับพื้น จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง “เป็นไปได้ยังไง!”
เฉินโม่มองไปที่หลินทาวด้วยความรังเกียจ
คนที่อยู่ข้างนอก มู่หรงยานเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “คนอย่างหลินทาว เขาเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตนไม่ได้ สมน้ำหน้า!”
หยางเชี่ยนเชี่ยนมองไปที่แผ่นหลังของเฉินโม่ด้วยความประหลาดใจ “จู่ๆ เฉินโม่มีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?”
อานเข่อเยว่มองไปที่เฉินโม่ด้วยแววตาสงสัย และพูดกับตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีความลับมากมายซ่อนอยู่ในตัวเขา ฉันเริ่มมองเขาไม่ออกแล้ว!”
ดวงตาของเอียนชิงเฉิงเป็นประกาย เธอบอกกับซังซังว่า “ไม่ได้คาดคิดว่าเฉินโม่จะรวยขนาดนี้ กลับไปจะต้องให้เขาเปลี่ยนเป็นบ้านที่ใหญ่กว่าเดิม! ขี้เหนียวจริงๆ !”
ซังซังรู้สึกไม่เท่าไหร่ เขาเป็นถึงปรมาจารย์บู๊ ซังซังคิดว่าเงิน100 ล้านเขาก็สามารถจ่ายอย่างกะทันหันได้ นับประสาอะไรกับเงิน10ล้าน