เล่มที่ 6 บทที่ 167 ใช้ประโยชน์จากซิ่งเอ๋อร์

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

นางกำนัลที่อยู่ข้างกายฮองเฮารีบชี้ไปที่ตราประทับส่วนตัวข้างธนบัตร

  ทว่าป๋ายซ่าวกลับยกยิ้มก่อนจะหยิบธนบัตรออกมาหนึ่งใบ

  “ทุกคนได้โปรดดูนี่ ธนบัตรในมือข้าต่างหากที่เป็นธนบัตรในจวนอวี้ของจริง อีกอย่างธนบัตรของพระชายาทุกใบล้วนประทับตราส่วนพระองค์เอาไว้ทั้งสิ้น”

  ป๋ายซ่าวนำธนบัตรทั้งสองใบไปถวายให้ฮองเฮา แม้ธนบัตรทั้งสองจะเหมือนกันแต่ด้านล่างของธนบัตรมีตราประทับของจวนอวี้หนึ่งอันและมีตราประทับที่แตกต่างไปอีกหนึ่งอัน นอกจากนี้ยังมีตราประทับลายโค้งเว้าที่มิมีใครดูออกว่ามันคืออะไร

  “แค่นี้จะเป็นหลักฐานอะไรได้ ถึงอย่างไร พระชายาดูแลทั้งจวนอวี้ เงินทองมีมากมาย หากคิดจะซื้อใจคน พระองค์คงไม่นำธนบัตรที่จะทำให้คนสงสัยตนเองให้ผู้อื่นหรอก”

  ทันทีที่สิ้นเสียง นางจ้องหลินเมิ้งหยาอย่างเอาเป็นเอาตาย

  “ไม่เพคะ องค์หญิงเข้าพระทัยผิดแล้ว เงินทั้งหมดจวนล้วนถูกบันทึกเอาไว้ ซึ่งปกติแล้วคนธรรมดาไม่มีทางมีธนบัตรเช่นนี้ แม้ว่าจะสามารถนำไปขึ้นเงินได้ที่เฉียนจวง แต่ธนบัตรเหล่านี้หาใช้สิ่งที่เฉียนจวงจะทำออกมาได้ ธนบัตรเหล่านี้เหมือนกับเงินที่ถูกประทับตราของขุนนาง หากองค์หญิงสงสัย สามารถสอบถามเรื่องนี้กับขุนนางฝ่ายในได้”

  หลินเมิ้งหยาดูแลจวนอวี้ แต่ป๋ายซ่าวดูแลเงินของหลินเมิ้งหยา

  ดังนั้นป๋ายซ่าวจึงรู้กระบวนการทั้งหมดเป็นอย่างดี

  อาจพูดได้ว่าคนที่คิดจะทำลายนายหญิงช่างโง่เหลือเกิน

  ไม่เพียงแค่ใช้เงินของจวน แต่ยังสร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมาอีก

  เรียกสั้นๆ ได้ว่าคนคนนั้นกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง

  “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จงมอบหมายเรื่องนี้ให้กับขุนนางฝ่ายใน”

  อีกครั้งที่ฮองเฮาทำเรื่องเหนือความคาดหมาย ราวกับว่านางกำลังร่วมมือกับพวกหลินเมิ้งหยา

  ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนั้น หลินเมิ้งหยามองไม่ออกว่าสรุปแล้วฮองเฮาต้องการทำอะไรกันแน่?

  “หนู่ฉายจิ่นซิ่วถวายคำนับฮองเฮา”

  ผู้ดูแลฝ่ายในคือขันทีอายุเลยห้าสิบคนหนึ่งที่แต่งกายดีเหมาะสมกับฐานะ

  แต่เขาไม่มีท่าทางกระตุ้งกระติ้งเหมือนกับขันทีคนอื่น

  เขามักตัดสินอย่างเป็นธรรม ดังนั้นไม่ว่าฝ่ายในจะเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลไปสักกี่คน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงรักษาตำแหน่งของตนเองเอาไว้ได้

  “อืม ลุกขึ้นเถิด ขุนนางจิ่น เจ้าดูทีสิว่าธนบัตรบนโต๊ะเป็นของที่เจ้าทำออกมาหรือไม่?”

  ฮองเฮานั่งตัวตรงท่าทางไม่สบอารมณ์

  ขุนนางจิ่นคุกเข่าลงแล้วเพ่งพิศสิ่งของบนโต๊ะอย่างละเอียด

  “ทูลฮองเฮา เป็นธนบัตรที่ฝ่ายในพิมพ์ออกไปพ่ะย่ะค่ะ”

  “ส่งมอบให้กับใคร?”

  “ทูลฮองเฮา มอบให้กับจวนอวี้พ่ะย่ะค่ะ”

  เมื่อพูดจบเขายังคุกเข่าอยู่ที่เดิม ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

  “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ชายาอวี้ ธนบัตรใบนี้เป็นของจวนเจ้าจริงๆ แม้เจ้าจะไม่ได้นำมาใช้ซื้อขาย แต่สุดท้ายเจ้าก็หนีความผิดในฐานะพระชายาที่ปกครองจวนไม่พ้น”

  ฮองเฮากล่าวเสียงเบาแต่กลับเน้นข้อกล่าวหาที่หนักอึ้ง

  “เฉินเซี่ยน้อมรับความผิด แต่เฉินเซี่ยหาได้รู้เรื่องการปองร้ายราชวงศ์ไม่”

  ประมาทกับตั้งใจ สองคำนี้ต่างกันมาก

  เมื่อเห็นว่าหลินเมิ้งหยามีวี่แววว่าจะได้รับผิดในโทษสถานเบา เจียงหรูฉินจึงส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้กับซิ่งเอ๋อร์

  “ทูลฮองเฮา สิ่งที่หนู่ปี้พูดไปทั้งหมดล้วนเป็นความจริง หากเหนียงเหนียงไม่เชื่อ หนู่ปี้ขอให้ฮองเฮาตรวจสอบดู เกรงว่าจะมีเพียงมือของหนู่ปี้เท่านั้นที่เต็มไปด้วยชาด”

  ซิ่งเอ๋อร์คร่ำครวญในใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณหนูไม่มีทางปล่อยให้นางถอยหลังกลับแล้ว

  เพื่อน้องชาย นางขอยอมตาย

  “เจ้า…”

  หลินเมิ้งหยาร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวเหมือนคนที่ใกล้จะเสียสติเต็มที

  “อืม อนุญาต”

  ฮองเฮาพยักหน้า ซิ่งเอ๋อร์จึงรีบลุกขึ้น ก่อนจะจุ่มมือลงน้ำ

  หนึ่งวินาที สองวินาที…นานแล้ว แต่น้ำกลับยังไม่เปลี่ยนสี

  ใบหน้าซิ่งเอ๋อร์ขาวซีด เป็นไปได้อย่างไร…มือของนางสัมผัสกับชาดนี่นา!

  “น้ำของเจ้ามีปัญหา”

  ซิ่งเอ๋อร์ชักมือกลับ ตะโกนออกมาด้วยความโกรธระคนตกใจ

  หลินเมิ้งหยากลับเหยียดยิ้ม ก่อนจะจุ่มมือของตนลงไปในน้ำ

  ตอนนั้นเอง น้ำในอ่างพลันเปลี่ยนเป็นสีม่วง

  ใบหน้าของซิ่งเอ๋อร์ซีดเผือด แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

  “ตอนที่ข้าทำการตรวจสอบ มือของข้าเปื้อนไปด้วยชาด ดังนั้นน้ำจึงเปลี่ยนสีเช่นนี้ ทุกคนล้วนทำการตรวจสอบแล้ว เจ้าป่าวประกาศไปทั่วว่าข้าซื้อเจ้า น่าแปลกเสียจริง เหตุใดมือของเจ้าจึงไม่มีร่องรอยอะไรเลยเล่า?”

  หลินเมิ้งหยาชักมือกลับช้าๆ ก่อนจะใช้ผ้าที่อยู่ด้านข้างเช็ดจนสะอาด

  “ไม่…เป็นไปไม่ได้”

  ซิงเอ๋อร์จุ่มมือลงไปอีกครั้ง น้ำสีม่วงอ่อนกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง

  “น้ำของเจ้าต้องมีปัญหา ต้องใช่แน่นอน”

  ซิ่งเอ๋อร์ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่หลินเมิ้งหยากลับเหยียดยิ้มเย็นยะเยือก

  “นางกำนัลคนนั้นเองก็ได้สัมผัสกับชาด เช่นนั้นท่านลองมาตรวจสอบดูด้วยตนเองเถิด”

  นางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างกายฮองเฮาได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองฮองเฮา

  ฮองเฮาพยักหน้า มือของนางกำนัลจึงจุ่มลงไปในน้ำ สีม่วงอ่อนค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากตำแหน่งที่มือสัมผัสกับน้ำ

  ก่อนจะแผ่ขยายเป็นวงกว้างจนทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจน

  ซิ่งเอ๋อร์จ้องมองเสมือนคนโง่ เพราะอะไรกัน? เหตุใดมือที่เปื้อนชาดของนางจึงไม่อาจทำให้น้ำเปลี่ยนสี?

  “ฮองเฮา เรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า แม้สาวใช้ผู้นี้จะมีธนบัตรของจวนอวี้ ทว่าในมือของนางกลับมิได้ปนเปื้อนไปด้วยชาด อันที่จริง นางคงขโมยธนบัตรใบนี้ จากนั้นจึงใส่ร้ายเจ้าบ้านแห่งจวนอวี้ นางสมควรตายเพคะ”

  พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยออกมา ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าหลินเมิ้งหยากำลังถูกใส่ร้าย

  คำพูดของนางทำให้ซิ่งเอ๋อร์ลนลาน

  “ไม่ ไม่ ข้าแตะต้องชาดจริงๆ อีกทั้งผ้ายันต์นี้ข้ายังขอมาจากชิงอวี้กวน ด้านใน…ด้านในมีเขี้ยวสีดำของสัตว์อายุสามปี ข้าเป็นผู้ซื้อมันมาเอง ก่อนจะห่อเอาไว้เพื่อหาโอกาสโยนทิ้งไว้ในจวน”

  ซิ่งเอ๋อร์เสียสติอย่างสมบูรณ์แบบ นางไม่อยากคิดเลยว่าหากตนเองทำพลาด คนในครอบครัวของนางจะถูกทำลายลงเช่นไร

  คุณหนูรองเป็นคนเด็ดขาดอีกทั้งยังใจดำอำมหิต

  นางเหลือบมองทางเจียงหรูฉินอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย

  เมื่อเห็นดังนั้นจึงหยักยิ้มขมขื่น มือที่สั่นเทิ้มล้วงเข้าไปหยิบมีดออกมา

  “ชายาอวี้ เจ้าทำร้ายข้า ต่อให้ข้าตายกลายเป็นผีก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป”

  ชั่วขณะที่นางหันปลายมีดคมกริบเข้าหาหน้าอกของตนนั้น คาดไม่ถึงเลยว่ามือหนาข้างหนึ่งจะเข้ามาคว้าแขนของนางเอาไว้แน่น

  “คิดจะฆ่าตัวตาย? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”

  จูอ้ายจือที่นิ่งเงียบตลอดเวลาเป็นผู้ที่เข้าไปคว้าแขนของซิ่งเอ๋อร์เอาไว้

  ท่ามกลางแสงสลัว เขาใช้ผ้าผืนหนึ่งยัดเข้าไปในปากของซิ่งเอ๋อร์เพื่อป้องกันมิให้นางกัดลิ้นฆ่าตัวตาย

  “แม่ทัพจูมีฝีมือยิ่งนัก”

  หลินเมิ้งหยาเดินเข้าไปพร้อมมองเขาด้วยสีหน้าชื่นชม

  สายตาเย็นชาจับจ้องยังซิ่งเอ๋อร์

  ตอนนี้เองที่ซิ่งเอ๋อร์เพิ่งรู้ว่านางคิดผิดมาโดยตลอด ชายาอวี้คนนี้ใจดำอำมหิตกว่าคุณหนูของนางหลายเท่าตัว

  “ทูลฮองเฮา คนคนนี้มีเจตนาที่ยากแท้หยั่งถึง ใส่ร้ายหม่อมฉันยังไม่พอแต่ยังคิดจบชีวิตเพื่อทำลายหลักฐาน หม่อมฉันอยากขอร้องให้นำตัวนางไปคุมขังเอาไว้ก่อน จากนั้นให้ท่านผู้ว่าการแห่งฝูหยินเป็นผู้ไต่สวนเพคะ”

  ไต่สวนผู้กระทำผิด อันที่จริง นางมีวิธีการเป็นพันเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้ซิ่งเอ๋อร์คายความผิดออกมาทั้งหมด

  อยู่ๆ ฮองเฮาที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้น

  “ไม่จำเป็น เรื่องนี้ข้าจะให้ไท่จื่อเป็นคนไต่สวนด้วยตนเอง พวกเจ้าเข้ามา เอาตัวนางไปขัง”

  หลินเมิ้งหยาและพระสนมเต๋อเฟยตกใจเล็กน้อย ตอนนี้พวกนางรู้แล้วว่าฮองเฮากำลังคิดอะไรอยู่

  แม้ซิ่งเอ๋อร์จะป่าวประกาศว่าหลินเมิ้งหยาซื้อตนเอง แต่สุดท้ายแล้วนางเป็นคนของสกุลเจียง อีกทั้งยังเป็นสาวใช้ประจำตัวของเจียงหรูฉิน

  หากนางปริปากเอ่ยความจริงออกมา คนที่จะซวยมิใช่เพียงจวนอวี้

  แต่ยังเป็นสกุลเจียงทั้งหมด

  ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว หลินเมิ้งหยากับพระสนมเต๋อเฟยจึงมิต่างอะไรจากเนื้อที่ถูกนาบบนกระทะ

  เพราะเหตุนี้ฮองเฮาจึงมิเอ่ยขัดอะไรเลยแม้แต่น้อย

  ที่แท้นางกำลังรอให้หลินเมิ้งหยาและพระสนมเต๋อเฟยติดกับ

  เจียงหรูฉินเอ๋ย นางไม่รู้เลยว่าเพียงเพราะการกระทำสิ้นคิดของนางจะทำให้สกุลเจียงต้องพังพินาศ

  “ช้าก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนของกระหม่อม เช่นนั้นเอ๋อร์เฉินต้องเป็นผู้หาความจริงให้แก่หมู่โฮ่วกับไท่จื่อ สู้มอบตัวคนผิดให้กับฝูหยิ่นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ จากนั้นเชิญไท่จื่อ ท่านผู้ว่าการแห่งฝูหยิ่นและกระหม่อมเป็นผู้ไต่สวน”

  หลงเทียนอวี้พูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย ทว่ากลับเป็นข้อเสนอที่ดีเยี่ยม

  ฮองเฮาเหลือบมองหลงเทียนอวี้ด้วยดวงตาขุ่นมัว

  “ได้ เช่นนั้นจงทำตามที่อ๋องอวี้ว่า แต่นางคนนี้คิดร้ายกับไท่จื่อ พวกเจ้าเข้ามา นำตัวนางไปขังไว้ที่คุกเทียนเหลา”

  เทียนเหลาคือคุกที่มีการคุมเข้มที่สุด

  หากซิ่งเอ๋อร์ถูกส่งตัวไปคุมขังที่นั่น เกรงว่านางจะถูกฮองเฮาจัดการเอาง่ายๆ

  คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันแน่น ขณะที่คิดจะกล่าวคัดค้าน หลินเมิ้งหยากลับดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้

  “ท่านอ๋อง พวกเราทำตามพระประสงค์ของฮองเฮาเถิดเพคะ”

  ก้มหน้าลง หลงเทียนอวี้เห็นหลินเมิ้งหยากระพริบตาปริบๆ

  สายตาซุกซนปกปิดบางอย่างในใจเอาไว้

  หัวใจเขาพลันสั่นไหว ดังนั้นจึงยั้งความคิดของตนเองเอาไว้

  “เอ๋อร์เฉินน้อมรับพระบัญชาของหมู่โฮ่ว”

  ท่ามกลางความวุ่นวายและสายตานึกสนุกบนความทุกข์ของผู้อื่น จูอ้ายจือและลู่หยุนจับตัวซิ่งเอ๋อร์ออกไปจากตำหนักหลิวซิน

  “วุ่นวายกันมานานมากแล้ว เปิ่นกงเองก็ควรจะกลับวัง เต๋อเฟย เจ้าเลี้ยงลูกชายมาได้อย่างดี อีกทั้งยังมีสะใภ้ที่งดงามโดดเด่น จากนี้ไปจงทำตามพระราชโองการจากข้า นับตั้งแต่วันนี้หากใครจะเข้าหรือออกจากจวนอวี้ จำต้องได้รับอนุญาตจากอ๋องอวี้ อวี้เอ๋อร์ เปิ่นกงมอบสิทธิในการดูแลจวนแห่งนี้ให้แก่เจ้า เปิ่นกงหวังว่าเจ้าจะแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ อย่าทำให้เปิ่นกงผิดหวัง”

  หลงเทียนอวี้คุกเข่าคำนับ ทว่าสายตาเย็นชายากเกินจะพรรณนา

  “เชิญฮองเฮาเสด็จ…”