บทที่ 168 มนุษย์ใจยักษ์ที่มีอาวุธเป็นมีดทำครัว

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“แม่นาง รีบไปเถิด ข้าจะถ่วงเวลาผู้เฒ่ามนุษย์อสรพิษเอาไว้เอง”

ผู้ติดตามของอู๋อวิ๋นไป่ปล่อยพลังปราณปริมาณมหาศาลออกจากร่าง ขณะกันการโจมตีของผู้อาวุโสอสรพิษที่กำลังโบกสะบัดหางเป็นอาวุธไว้ พลังที่ผู้อาวุโสผู้นี้ปล่อยออกมาแข็งแกร่งยิ่งนัก เนื่องจากเป็นผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการเช่นกัน

ทั้งสองเหาะขึ้นฟ้าแล้วเริ่มห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดกลางอากาศ ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งอยู่ไม่ไกลออกไปจากสนามรบมาก ทั้งสองจึงไม่อยากเสี่ยงทำลายดอกบัวโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันโดยไม่ได้นัดหมาย จึงพากันเหินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อสู้กันต่อ

อู๋อวิ๋นไป่มองการต่อสู้ในอากาศด้วยสายตาสงบนิ่ง จากนั้นก็เริ่มถอยอย่างไม่รีบร้อน พร้อมเอามือไพล่หลังไปด้วย

“เจ้ามนุษย์ชั่ว คิดจะหนีไปไหนกัน!” อาหนี่ตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็พุ่งหอกแหวกอากาศเข้าใส่อู๋อวิ๋นไป่พร้อมเสียงคำรามกึกก้อง

อู๋อวิ๋นไป่นิ่วหน้าแล้วยกมือเรียวยาวขึ้นฟาดฝ่ามือไปในอากาศ หมอกหนาราวกลุ่มเมฆปรากฏขึ้นและกระจายตัวไปทั่วบริเวณ ราวกับเป็นม่านจากฟากฟ้าที่ทิ้งตัวลงปกคลุมผืนดิน

ตอนที่อาหนี่พุ่งออกจากหมอกพร่ามัว ร่างของอู๋อวิ๋นไป่ก็อันตรธานไปแล้ว เขาส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมเอาหางฟาดพื้นอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็เลื้อยไปยังทิศที่อู๋อวิ๋นไป่หนีไปเพื่อตามล่าตัวนาง

อู๋อวิ๋นไป่เอาเท้าแตะพื้นอย่างแผ่วเบาพร้อมเอามือไพล่หลัง แต่ละย่างก้าวกินระยะทางไกลพอตัว ทันใดนั้นร่างของนางก็สั่นเล็กน้อย ก่อนจะหยุดลงแล้วมองไปที่จุดหนึ่งในระยะไกลด้วยสายตางุนงง

นางเห็นภาพชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังถือ… เอ่อ มีดทำครัวรึ

สีหน้าของอู๋อวิ๋นไป่แปลกประหลาดขึ้นทันใด เหตุใดจึงมีมนุษย์มายืนทะเล่อทะล่าถือมีดทำครัวอยู่ในสวนสมุนไพรของเผ่ามนุษย์อสรพิษได้ ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหน้าของชายผู้นี้… ยังมีมนุษย์อสรพิษสามตนคำนับติดพื้นอยู่

ตอนนี้มนุษย์อสรพิษสามตนที่กำลังก้มหัวศิโรราบให้ปู้ฟาง ได้สูญเสียความหยิ่งยโสเมื่อครู่ไปหมดสิ้นแล้ว สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในใจพวกเขาคือความกลัวจับขั้วหัวใจ ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด แต่เป็นเพราะไอ้มีดทำครัวบ้าบอในมือมนุษย์ชั่วร้ายนี่

ทันทีที่มีดทำครัวเล่มนี้ปรากฏขึ้น เหล่าทหารยามก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดที่แฝงอยู่ในจุดลึกสุดของสายเลือดแห่งความเป็นอสรพิษของพวกเขา กระแสพลังปราณเที่ยงแท้ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างหยุดนิ่งทันที

ไอ้สิ่งนี้มันเป็นมีดทำครัวจริงๆ น่ะหรือ แล้วไอ้หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นใครกัน

มนุษย์อสรพิษเบื้องหน้าปู้ฟางแทบอยากระเบิดร้องไห้โฮ พวกเขาทั้งสามมีขั้นปราณอ่อนกว่าหมอนี่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับถูกรังแกด้วยมีดทำครัวที่สยบพวกเขาได้อีก… แล้วแบบนี้จะไปสู้ได้อย่างไรกัน

ปู้ฟางยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็มองมนุษย์อสรพิษสามตนที่หมอบราบอยู่กับพื้นด้วยสายตาไร้ความรู้สึก แม้มนุษย์อสรพิษจะเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งงู แต่ก็ยังถือว่ามีสายเลือดของงูอยู่ในกาย และงูก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่พัวพันอีนุงตุงนังกับมังกร ส่วนมีดทำครัวกระดูกมังกรทองนี้ก็มีพลังงานแสนน่ากลัวของมังกรอยู่ภายใน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดที่มีดทำครัวของเขาสามารถสยบมนุษย์อสรพิษได้

ปู้ฟางควงมีดทำครัวในมือ แล้วเลิกสนใจมนุษย์อสรพิษสามตนตรงหน้า เขาค่อยๆ เดินจากทหารยามกลุ่มนั้นมา

อู๋อวิ๋นไป่ก้าวออกจากม่านหมอกมาพร้อมเอามือไพล่หลัง ทั้งสองเดินสวนกัน

สตรีในคราบชายหนุ่มมองปู้ฟาง นางประเมินหนุ่มร่างสูงโปร่งตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย หมอนี่เป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการ แต่กลับกล้าทะเล่อทะล่าเดินดุ่มๆ เข้ามาในสวนสมุนไพรของเผ่ามนุษย์อสรพิษตัวคนเดียวนี่นะ

แม้เผ่านี้จะถือเป็นเผ่าเล็กๆ ในหมู่มนุษย์อสรพิษ แต่ก็ยังมีนักรบมนุษย์อสรพิษที่แข็งแกร่งมากมายประจำการอยู่ ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันย์ยุทธการนั้น… เรียกได้ว่าอ่อนแอจนน่าหัวเราะให้ฟันหัก

ขณะที่นางกำลังมองประเมินปู้ฟางอยู่ ชายหนุ่มเองก็กำลังทำเช่นเดียวกัน เขามองจ้องหนุ่มหน้าสวยเบื้องหน้าตนเอง

ปู้ฟางจำได้ดีว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในผู้โดยสารในเรือที่แล่นผ่านเขาไปก่อนหน้า ดูท่าว่าคนกลุ่มนั้นจะมีเป้าหมายอยู่ที่สวนสมุนไพรเหมือนกันสินะ

“เจ้าเป็นใคร ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นสถานที่อันตราย” อู๋อวิ๋นไป่เอ่ย น้ำเสียงของนางเย็นชาไร้ความอ่อนโยนของสตรีปกติ

“เจ้าควรรีบจากไปเสีย ตรงนั้นมีขั้นนักพรตยุทธการสองคนกำลังสู้กันอยู่ หากเจ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปมากกว่านี้ อาจโดนลูกหลงได้”

อู๋อวิ๋นไป่ไม่ได้พูดอะไรกับปู้ฟางมาก นางทำเพียงเตือนชายหนุ่มด้วยความหวังดีแล้วเดินผ่านเขาไป

ในตอนที่ใบหน้าของปู้ฟางกำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจและดวงตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่หญิงสาว ร่างหนึ่งก็กระโจนออกจากส่วนลึกของสวนสมุนไพรพร้อมด้วยพลังกดดันน่ากลัว

หอกพุ่งตรงมายังทิศที่อู๋อวิ๋นไป่อยู่

ปู้ฟางที่ยืนเซ่อซ่าอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายที่รับการโจมตีไปตรงๆ

“มีมนุษย์อยู่อีกคนรึ! ไอ้พวกมนุษย์ชั่วช้าหน้าไม่อาย เจ้าคิดว่าสวนสมุนไพรของเผ่าเราเป็นสวนหลังบ้านของตำหนักเมฆาขาวหรืออย่างไรกัน! ตายเสียเถอะ!” อาหนี่ลุกเป็นไฟทันทีที่เห็นปู้ฟางโผล่มาอีกคน เขาคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นก่อนพุ่งหอกใส่ชายหนุ่ม

อู๋อวิ๋นไป่หยุดเดินแล้วสบถโดยไม่มีเสียง ไอ้หนุ่มคนนี้อาจโดนหอกแทงตายได้ในพริบตา เพราะดันซื่อบื้อมายืนอยู่ข้างหน้านางเสียได้!

การฆ่าขั้นราชันยุทธการที่ยืนถือมีดทำครัวเป็นอาวุธนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการเช่นอาหนี่ทำได้ในพริบตา

อู๋อวิ๋นไป่หันไปเพื่อจะเตือนปู้ฟาง แต่ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ดวงตาของนางขยายใหญ่จนเป็นไข่ห่าน ปากกว้างจนยุงแทบบินเข้าไปได้

ปู้ฟางขมวดคิ้วขณะมองหอกซึ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะที่เข้ามาใกล้ ขนทั่วตัวลุกชัน รูม่านตาหดแคบ จากนั้นก็วาดมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือออกไปตามสัญชาตญาณ พลังปราณเที่ยงแท้ที่ส่งเข้าไปในมีดทำครัวทำให้มีดเรืองแสงสีทองสว่างเจิดจ้าออกมา

พลังกดดันที่ระเบิดออกจากหอกสลายหายไปทันทีที่ปู้ฟางฟาดมีดทำครัวออกไป มีดของเขาเรืองแสงสีทองอร่ามอยู่ด้านหน้า

ตูม!

อาหนี่ถูกพลังกดดันมหาศาลที่ระเบิดออกจากมีดทำครัวกดทับเอาไว้ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อจู่ๆ ก้อนพลังงานก็ซัดลงมาทับร่าง กดให้เขานอนราบลงกับพื้น

ความสยองพองขนและความเคารพยำเกรงจากสายเลือดภายในกายทำให้กล้ามเนื้อทุกมัดของอาหนี่สั่นกระตุก เขา… ตัวสั่นงันงก เพราะไอ้มนุษย์บ้านี่เนี่ยนะ!

หมอนี่… เป็นใครกันแน่!

อู๋อวิ๋นไป่ตาโตปากอ้ากว้างด้วยความตกใจ นางรู้สึกเหมือนไม่รู้จักโลกที่ตนเองอยู่อีกต่อไป ทุกอย่างขัดกับสามัญสำนึกเหมือนโลกพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้นางคิดว่าไอ้หมอนี่จะโดนหอกเสียบตายเสียอีก แล้วเหตุใดไอ้มนุษย์อสรพิษถึงได้ลงไปหมอบราบกับพื้นกัน

ปู้ฟางเลิกใส่พลังปราณเข้าไปในมีดทำครัว ทำให้มันเปลี่ยนกลับมามีหน้าตาเหมือนมีดทำครัวธรรมดาไม่มีพิษมีภัยอีกครั้ง การทำให้มีดคงรูปอยู่ในร่างที่แท้จริงของมันได้นั้นต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้ที่มากเกินไปสำหรับเขา ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงไม่อยากปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมีดออกมายกเว้นในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ

อาหนี่รู้สึกได้ว่าพลังที่กดทับอยู่บนตัวเขาอ่อนกำลังลงมาก เขาโงหัวขึ้นด้วยความยากลำบาก สายตาจ้องไปที่ปู้ฟางอย่างเกรี้ยวกราด

แต่ปู้ฟางก็ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายแต่อย่างใด สีหน้าของชายหนุ่มฉายแววสับสน เขามองไปยังทิศที่ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ แล้วหันกลับไปมองหนองน้ำเวิ้งว้างด้านหลัง

“ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะไม่เข้าไปหรอกนะ ขั้นนักพรตยุทธการสองคนสู้กันน่ากลัวจะตายไป” อู๋อวิ๋นไป่เอ่ย หลังจากที่เรียกสติของตนเองกลับมาเรียบร้อย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวปู้ฟาง

ชายหนุ่มมองนางแล้วขมวดคิ้ว “ขั้นนักพรตยุทธการสองคนสู้กันเพราะอะไร”

“เจ้าไม่รู้รึ” อู๋อวิ๋นไป่ตกใจเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงหน้านางบุกตะลุยเข้ามาในสถานที่แห่งนี้อย่างบ้าดีเดือด ไม่ใช่เพื่อมาชิงดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งหรอกหรือ

“แน่นอนอยู่แล้วว่าเพื่อชิงสมุนไพรพลังปราณกัน…” หญิงสาวตอบ

ปู้ฟางพยักหน้าแล้วเอ่ย “ยิ่งเป็นเหตุให้ข้าต้องอยู่ต่อเข้าไปใหญ่”

อู๋อวิ๋นไป่อึ้งไปชั่วครู่ นางคิดว่าตนเองก็อธิบายดีแล้วว่าตอนนี้ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสองคนกำลังสู้กัน แล้วผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการจะทะเล่อทะล่าเข้าไปทำไม รนหาที่ตายรึ

“เจ้าจะไม่กลับออกไป… เพราะสมุนไพรวิญญาณน่ะหรือ” อู๋อวิ๋นไป่ถามพร้อมมุ่นคิ้ว

ปู้ฟางมองนางด้วยสายตางุนงง การที่เขาไม่ยอมไปเพราะสมุนไพรพลังปราณก็ถูกต้องแล้ว จะมีเหตุผลอะไรเข้าท่าไปมากกว่านี้อีก

“ใช่สิ” ปู้ฟางตอบ

ในตอนนั้นเองพื้นก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงสนั่นดังขึ้นมาจากใต้ผืนดิน

รูม่านตาของอู๋อวิ๋นไป่หดแคบทันที ร่างทั้งร่างรู้สึกหนาวเหน็บเย็นเยือก ปู้ฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทั้งสองค่อยๆ หันหลังกลับไปมอง…

สิ่งเดียวที่ทั้งสองเห็นคือเงาขนาดใหญ่มหึมาที่บดบังดวงอาทิตย์เสียมืดมิด เงาใหญ่ยักษ์ของอสูรเวทสุดสยองพองขนนั้นปล่อยแรงอาฆาตมาดร้ายออกมา ขณะจ้องพวกเขาด้วยรูม่านตาสีเลือด

อาหนี่ลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเหมือนใบไม้ไหว

“อ… อสูรเวทระดับเจ็ด งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬ!”