ตอนที่ 309 ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย! + ตอนที่ 310 การช่วยเหลือของเหล่าไป๋!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 309 ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย!

“ฟิ้ว!”

ลูกศรนั้นพุ่งผ่านแขนเสื้อเขาพอดีโดยไม่บาดเจ็บถึงผิวเนื้อแต่กลับกรีดเสื้อคลุมขาด จิตสังหารรุนแรงของศัตรูทำให้เขาไม่กล้าชะล่าใจ ปรับกลิ่นอายพลังเร้นลับทั่วร่างตามองรอบทิศตั้งท่าเคร่งเครียดเพื่อรับการต่อสู้

หลังจากเขาตวัดกวาดลูกศรตกไปสิบกว่าดอก เพียงเห็นคนชุดดำยี่สิบสามสิบคนโผล่ออกมาโดยรอบ คนที่เป็นหัวหน้าสวมหน้ากากผีทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด ทว่ากลิ่นอายแข็งแกร่งบนร่างเขากลับทำให้เฟิ่งเซียวเกิดความระแวงและสงสัยขึ้นในใจ

พลังเช่นนี้ช่างพบได้ยากยิ่งในทั่วแคว้นแสงสุริยันและไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะสามารถเชื้อเชิญมา เช่นนั้น คนคนนี้เป็นใครกัน? แล้วทำไมถึงต้องลอบสังหารเขา?

สายตาชายชุดดำคนหัวหน้าที่แฝงด้วยไอสังหารจับจ้องบนร่างเฟิ่งเซียวโดยไม่พูดไม่จา แค่ยกมือขึ้นทำท่าทางคนชุดดำที่โผล่ออกมารอบๆ ก็พุ่งไปทางเฟิ่งเซียวทันที กระบี่แต่ละเล่มโจมตีไปทางเฟิ่งเซียวพร้อมกับกลิ่นอายพลังเร้นลับรุนแรง

กระบี่คมที่มาจากรอบด้านมีจิตสังหารอันแหลมคมปะทุออกมา พลังกระบี่แต่ละสายส่งเสียงโหยหวน คนชุดดำเหล่านั้นแต่ละคนต่างเข้าออกอย่างมีจังหวะ แม้แต่การโจมตียังมีทั้งคนโจมตีและตั้งรับ ชัดเจนว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด

“แกร๊ง!”

ดาบใหญ่ในมือเฟิ่งเซียวกวัดแกว่ง พลังดาบอันเย็นเยียบจึงโจมตีออกมาฟันคนชุดดำรอบๆ ทำให้พวกเขาไม่ถอยไม่ได้ เพราะนั่งขี่อยู่บนหลังเหล่าไป๋จึงไม่อยากร่วมการต่อสู้ หลังจากเปิดทางออกไปก็ตะโกนเสียงเข้ม “เหล่าไป๋! ไป!”

เขาบังคับเชือกม้าจะหนีไป แต่ในขณะที่หันกลับชายชราชุดเทาสองคนที่ปิดบังหน้าไว้และปรากฏตัวกลางอากาศอย่างกะทันหันต่างสะบัดฝ่ามือออกด้วยท่วงท่ารวดเร็วปานสายฟ้า

ทันใดนั้นก็เห็นฝ่ามือลมที่มาจากตรงฝ่ามือสองคนนั้นวาดผ่านกลางอากาศพร้อมเสียงกระแสลมทรงพลัง กลิ่นอายพลังเร้นลับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่ในฝ่ามือพวกเขา ความเร็วที่ว่องไวและการลงมือที่โหดเหี้ยมทำให้เฟิ่งเซียวไม่ทันได้ตั้งตัวและหลบหลีกจึงถูกทำให้ร่วงจากบนตัวเหล่าไป๋

“ตุบๆ!”

“อั่ก!”

เฟิ่งเซียวเพียงรู้สึกเจ็บรุนแรงแตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าอกราวกับว่าอวัยวะภายในทั้งห้าได้รับการฉีกขาดอย่างรุนแรง เจ็บปวดเสียจนเข้ากระดูกดำทำให้ต้องกระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจหักห้าม ร่างกายก็ตกลงมาบนพื้น

เลือดสดๆ สาดไปบนผิวขนขาวของเหล่าไป๋ ดั่งดอกไม้เลือดเบ่งบานบนพื้นหิมะ มันเสียดแทงตาจนทำให้คนตกใจกลัว

เฟิ่งเซียวที่ร่วงลงบนพื้นกลิ้งไปสองรอบอย่างหยุดไม่ได้ พลันพลิกตัวยืนขึ้นโดยแทบจะไม่สนใจความเจ็บปวดในร่าง กลับไม่นึกว่าจะกระอักเลือดออกมาอีกและร่างกายก็ล้มลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

คนชุดดำรอบๆ มีประมาณยี่สิบสามสิบคน กำลังคนหัวหน้าก็แข็งแกร่ง ยังมีชายชราชุดเทาสองคนที่จู่ๆ โผล่มาอีก พลังแท้จริงเหนือกว่าเขาไปไกลนัก ทันทีที่วิเคราะห์อันตรายจากสถานการณ์ตอนนี้ กำลังสองฝ่ายมีความต่างชั้นกันมากเกินไปแทบไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด!

เห็นสถานการณ์เสียเปรียบอย่างมาก เฟิ่งเซียวจึงหยิบพลุส่งสัญญาณออกมายิงขึ้นฟ้าโดยไม่ลังเล เพียงหวังว่ากองหนุนจะรีบมาก่อนเขาถูกฆ่าตาย มิเช่นนั้นวันนี้เกรงว่าที่นี่จะเป็นที่ตายของเขาแล้วจริงๆ!

“ปัง!”

พลุสัญญาณงดงามดั่งดอกไม้ไฟผลิบานบนท้องฟ้าราวกับบุปผา พลุสัญญาณกระบอกเดียวก่อให้เกิดคลื่นพันชั้น!

“ฆ่าเขาซะ!”

แทบในทันทีที่จุดพลุส่งสัญญาณ หัวหน้าที่สวมหน้ากากผีก็ส่งเสียงตะโกนลั่นทันที แต่เมื่อเปล่งเสียงออกมาหัวใจเฟิ่งเซียวบนพื้นก็สั่นไหว ก่อนจะเงยหน้ามองไปอย่างยากจะเชื่อ

พอได้ยินคำสั่งฆ่าจากหัวหน้า บนร่างชายชราชุดเทาสองคนนั้นก็มีจิตสังหารปะทุขึ้น ไอสังหารที่หนาวเย็นและแข็งแกร่งกระจายออก ลงมือโจมตีไปทางเฟิ่งเซียวที่ยังลุกขึ้นมาไม่ได้ทันทีด้วยความตั้งใจที่จะคร่าชีวิตเขาในหนึ่งกระบวนท่า!

…………………………………………

ตอนที่ 310 การช่วยเหลือของเหล่าไป๋!

และในเวลานี้ เมื่อเห็นสัญญาณที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นรูปอักษรเฟิ่งอย่างชัดเจน ทุกคนต่างก็ตกใจ

“นั่นสัญญาณของจวนตระกูลเฟิ่ง! หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“สถานที่นั้นเหมือนจะเป็นทางถนนบนเขาละแวกเขาคุณธรรมนี่!”

“อ๊ะ!”

มีคนอุทานขึ้นว่า “ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับท่านแม่ทัพเฟิ่งแน่! ช่วงนี้เขาขี่ม้าสีขาวแปลกๆ ไปเดินวนตรงทางถนนบนเขาตลอดเพื่อจะลองฝึกฝนม้าอ้วนตัวนั้น”

กล่าวจบก็เห็นผู้ฝึกตนไม่น้อยรีบไปยังภูเขาคุณธรรมลูกนั้น สำหรับพวกเขาเฟิ่งเซียวเป็นแม่ทัพปกปักษ์แคว้นและมีความยุติธรรมต่อผู้คนอย่างแท้จริง พวกเขาไม่รู้ก็ไม่เป็นไร หากรู้แล้วมั่นใจว่าช่วยได้ต้องไปช่วย

และในขณะเดียวกันนี้ เมื่อคนจวนตระกูลเฟิ่งเห็นสัญญาณนั้นก็คร่ำเครียดอยู่ในใจ ก่อนจะเรียกรวมพลม้ามุ่งไปยังบริเวณที่มีสัญญาณนั้นอย่างรวดเร็ว

ไม่มีใครเข้าใจความหมายของสัญญาณนั้นได้ดีไปกว่าพวกเขา! สัญญาณจวนตระกูลเฟิ่งมีสองสามประเภท และที่ปรากฏอยู่กลางอากาศก็คือสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เร่งด่วนนั่นเอง!

ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ร้ายแรงมากผู้นำตระกูลถึงจะใช้สัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ เหล่าทหารอารักขาจวนตระกูลเฟิ่งต่างเคร่งเครียดอยู่ในใจ ในขณะเดียวกันที่รีบไปสนับสนุนพ่อบ้านจึงเร่งไปยังที่ที่ท่านผู้เฒ่าเก็บตัวอยู่…

เห็นจิตสังหารอันตรายพุ่งมาเฟิ่งเซียวที่ทำไม่ได้แม้แต่จะลุกยืนไม่ต้องคิดจะหลบหลีกหรือต่อต้าน

เพียงเขาขยับอวัยวะภายในก็เหมือนจะพังทลาย เจ็บเสียจนแม้แต่หายใจยังลำบาก วิกฤตใกล้เข้ามากำลังเสริมยังไม่ถึงซ้ำยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในใจจึงมีความสิ้นหวังอย่างอดไม่ได้

ทว่าเวลาต่อมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้กลับถูกจุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง…

“ฮี้!”

เพียงเห็นเหล่าไป๋ข้างกายส่งเสียงร้องพร้อมมาอารักขายังข้างกายเขาทันที ในขณะที่ชายชราสองคนนั้นโจมตีมามันพลันยกกีบสองเท้าหลังขึ้นเตะชายชราคนหนึ่งออกไปอย่างรุนแรงโดยกะทันหัน

“อื้ม!”

ชายชราที่โดนกีบเท้าม้าเตะไปทีหนึ่งถอยหลังด้วยย่างก้าวโงนเงนเล็กน้อย เพราะแรงหนักหน่วงของกีบเท้าม้าหลังถอยห่างออกไปหลายเมตรเขาจึงถึงกับยืนยังไม่มั่นคงเสียจนต้องทรุดนั่งลงบนพื้นแล้วกุมหน้าอกที่โดนทีบเจ็บพร้อมถลึงสองตามอง

ตอนแรกที่ถูกถีบเพียงรู้สึกว่ามีแรงหนึ่งเตะมา แต่พอเย็นลงสักพักก็รู้สึกว่าตรงที่ถูกเตะราวกับมีแรงหนึ่งกระจายออก ทำให้เลือดลมกลางอกไหลพล่านพุ่งขึ้นไปยังลำคอและเอ่อล้นอยู่ในปาก

ชายชราเช็ดเลือดที่ไหลออกตรงมุมปากไปอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง ดวงตาเบิกกว้างโตจ้องมองม้าประหลาดตัวนั้นที่เฝ้าอยู่ข้างกายเฟิ่งเซียวด้วยความตื่นตระหนกและกตะลึง

ส่วนชายชราอีกคนก็ตื่นตกใจเพราะภาพนั้น มือที่เดิมเคยจะโจมตีไปตรงคอเฟิ่งเซียวชะงักลงเล็กน้อยพักหนึ่ง และเพียงสักพักก็เห็นม้าประหลาดตัวนั้นพ่นลมสองทางออกจากจมูกสาดฝุ่นดินบนพื้นขึ้นมาทำให้สายตาเขาพร่ามัว ท่ามกลางฝุ่นควันเพียงเห็นม้าตัวนั้นส่งเสียงร้องยกกีบสองเท้าหน้าขึ้นถีบออก

“ผัวะ!”

“อ๊าก!”

ในเสียงอุทานมีความเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย ชายชราคนนั้นล้มลงรุนแรงยิ่งกว่าคนก่อนหน้านั้น ร่างกายกระเด็นออกไปล้มลงบนพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาเปื้อนเสื้อคลุมตัวเองกลายเป็นสีแดงทันที

“อั่ก!”

เห็นภาพที่ทำให้คนตาค้างเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเฟิ่งเซียวที่เคยคิดว่าตนต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยก็นิ่งงันไป แม้แต่คนชุดดำพวกนั้นกับหัวหน้ายังตกใจอึ้ง

ชายชราสองคนนั้นมีวรยุทธ์แค่ไหน? นั่นเป็นถึงผู้แกร่งกล้าระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดเชียวนะ! ไม่นึกเลยว่าจะโดนม้ารูปร่างแปลกตาเตะกระเด็น

เฟิ่งเซียวที่นิ่งอึ้งพลันได้สติกลับมาจากความตกตะลึง หยิบน้ำยาที่ลูกสาวให้เขาไว้ใช้ยามฉุกเฉินออกจากห้วงมิติมาดื่ม ความรู้สึกที่เคยเจ็บตรงอกก็ค่อยๆ บรรเทา ก่อนจะหยิบดาบใหญ่ลุกยืนขึ้น…

………………………