ตอนที่ 148 ฉันขอเลือกลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปถ้าไม่ใช่พวกเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเอง ก็เป็นคนที่แอบชอบฉินหงเหยียน

พวกเขาต่างก็ไม่อนุญาตให้ฉินหงเหยียนทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ พวกเขาจะต้องแยกหล่อนกับเย่เฉินออกจากกันให้ได้

ดังนั้นพวกเขาถึงได้พร้อมใจกันไปฟ้องพ่อบ้านฟาง

ไม่นานนักเย่เฉินที่เพิ่งจะมาเก็บของที่โรงแรมไคว่หมิ่น เตรียมจะย้ายไปพักที่บ้านของแฟนสาว

ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อบ้านฟาง

เย่เฉินขมวดคิ้วเขาเคยพูดเอาไว้ว่าถึงจะหย่ากับหวังเจียเหยาแล้ว เย่เฉินก็หวังว่าจะมีชีวิตแบบคนธรรมดา

ถ้าไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องรบกวนเขา

ดูไปแล้วพ่อบ้านฟางน่าจะมีเรื่องสำคัญ ถึงได้โทรหาเย่เฉิน

“ทำไมล่ะ?” เย่เฉินรับสาย

พ่อบ้านฟางกล่าวว่า “คุณชายสาม พวกผู้ถือหุ้นของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเมื่อครู่บีบบังคับฉินหงเหยียน ให้หล่อนเลือกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับคุณ หรือจะลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท พวกเขายังบอกอีกว่าตอนนี้ฉินหงเหยียนเป็นผู้หญิงของคุณแล้วจริงไหมครับ?”

เย่เฉินพยักหน้า “อืมเพิ่งเกิดเรื่องเมื่อคืนเอง ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกคุณปู่ล่ะ”

“ครับคุณชาย”

พ่อบ้านฟางเป็นเพียงแค่ลูกน้องคนหนึ่ง เขาย่อมไม่กล้าถามอะไรมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเย่เฉินอยู่แล้วแล้วจึงถามต่อ

“งั้นผมควรจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีครับ? จะให้เข้าข้างฉินหงเหยียนบอกให้พวกผู้ถือหุ้นหุบปากไปไหมครับ?”

เย่เฉินครุ่นคิดว่าถ้าหากว่าพ่อบ้านฟางทำแบบนี้ เช่นนั้นแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็จะต้องหาเรื่องบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปต่อจนบริษัทล้มละลายแน่

ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว คนจำนวนมากในบริษัทหัวเซิ่งก็จะต้องเสียหายอย่างมากเพราะเรื่องนี้ ฉินหงเหยียนเองก็จะซวยตามไปด้วยไม่ช้าหรือเร็ว

อีกอย่างหนึ่งเย่เฉินก็อยากจะรู้ว่าฉินหงเหยียนจะเลือกทางเดินไหนกันแน่

“เอาตามที่พวกผู้ถือหุ้นว่าแล้วกัน” เย่เฉินสั่ง

ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลือบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอีกแล้ว หลังจากโดนหลิ่วอวี่เจ๋อปล่อยข่าวโจมตีมานานขนาดนี้ ชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่ อีกทั้งตัวบริษัทในเครือเองก็ไม่ได้มีความสามารถในการแข่งขันอะไรมากมาย

ต่อให้ฉินหงเหยียนเป็นประธานบริษัทต่อก็คงจะเป็นได้ไม่นาน

“ครับ!”

หลังจากที่พ่อบ้านฟางกดวางสายแล้วก็โทรหาฉินหงเหยียนทันที

“ท่านฟาง”

“คุณฉิน”

“อย่าเลยค่ะ คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวฉินก็ได้ค่ะ”

“เสี่ยวฉินเอ้ย พวกเสี่ยวถูเขาโทรศัพท์หาผมเพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นของบริษัท ได้ยินมาว่าตระกูลหลิ่วหาเรื่องหัวเซิ่งเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเย่เฉินเหรอ?”

“ค่ะ”

“ผมได้ยินมาว่าตอนนี้คุณเป็นแฟนของเย่เฉิน คุณคิดว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนไล่ออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมล่ะ? ผมในฐานะที่เป็นพ่อบ้านตระกูลฟางขอยืนยันกับคุณตามตรงเลยว่า เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงๆ อีกทั้งเขาจะเหยียบเท้าเข้าอังกฤษไม่ได้อีกตลอดไป ถ้าหากว่าคุณคบหากับเขาเพราะเขาเป็นทายาทเศรษฐีล่ะก็ คุณคงคิดผิดแล้ว”

ที่พ่อบ้านฟางพูดแบบนี้เพราะเขาเองก็อยากจะลองใจฉินหงเหยียน ยังไงเสียเย่เฉินก็เคยเสียเปรียบผู้หญิงมาแล้วเพราะเรื่องนี้

ฉินหงเหยียนรีบร้อนกล่าวทันที “ท่านฟางฉันไม่สนใจหรอกค่ะว่าเขาจะเป็นทายาทเศรษฐีหรือเปล่า ฉันชอบตัวเขาไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนก็ไม่ได้ส่งผลอะไรเรื่องที่เราจะคบหากัน”

พ่อบ้านฟางที่อยู่อังกฤษใบหน้าฉาบไปด้วยความสบายใจ ในที่สุดโชคดีเหลือเกินที่คุณชายสามก็ได้เจอคู่ชีวิตของเขาแล้ว

พ่อบ้านฟางกล่าว “เสี่ยวฉินผมชื่นชมคุณมากนะ ผู้หญิงแบบคุณมีไม่เยอะแล้ว ทว่าโลกความเป็นจริงมันโหดร้ายนัก ผมเองก็ไม่อยากจะให้บริษัทต้องสูญเสียผลประโยชน์เพราะความสัมพันธ์ของคุณ ตอนนี้ผมให้ทางเลือกคุณสองทาง หนึ่งคือเลิกกับเย่เฉินแล้วไม่ติดต่ออะไรกันอีก เพื่อบอกให้คนตระกูลหลิ่วได้เห็นแล้วไปเป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปต่อ หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ลาออกจากตำแหน่งเถอะ!”

ฉินหงเหยียนที่อยู่ในห้องทำงานประธานบริษัทกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา

พ่อบ้านฟางถอนหายใจ “ผมรู้ว่าคุณเริ่มทำงานจากตำแหน่งเลขา ต่อสู้ฝ่าฝันในอวิ๋นโจวมาถึง 7 ปีกว่าจะมีวันนี้ คุณลองชั่งใจให้ดีๆ ว่าเพื่อเย่เฉินเพียงคนเดียวแล้วคุ้มค่าให้คุณท้องความพยายามตลอด 7 ปีที่ผ่านมาของคุณหรือไม่”

เห็นฉินหงเหยียนเงียบไปนาน พ่อบ้านฟางก็ไม่ได้บีบบังคับหญิงสาวอีก “เอาแบบนี้แล้วกัน คุณลองคิดให้ดีๆ คิดดีแล้วค่อยตอบผม”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็ตอบเขาทันควัน ด้วยดวงตาที่แน่วแน่ “ฉันขอเลือกลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป! ขอบคุณพ่อบ้านฟางที่เชื่อใจฉัน ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณต้องผิดหวัง หวังว่าต่อไปจะยังมีโอกาสทำอะไรให้คุณบ้าง ลาก่อนค่ะ!”

ในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่ง ณ ประเทศอังกฤษ

บนใบหน้าพ่อบ้านฟางผุดรอยยิ้มออกมา

หลังจากวางสายแล้ว พ่อบ้านก็ยิ้มน้อยๆ “ฉินหงเหยียนเอ้ยฉินหงเหยียน คุณช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆ เลยตอนนี้คุณลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทเล็กๆ ที่มีมูลค่าไม่กี่พันล้าน ในอนาคตคุณจะได้เป็นประธานบริษัทระดับโลกมูลค่าแสนล้านแน่นอน! คุณชายสามไม่ปล่อยให้คุณเสียสละฟรีๆ แน่!”

……

ณ อวิ๋นโจว

ตอนเที่ยงครึ่ง ฉินหงเหยียนเพิ่งกลับมาถึงบ้านหล่อนตะโกนใส่ประตู

“เย่เฉิน คุณอยู่บ้านไหมคะ?”

ประตูไม่มีระบบตรวจสอบใบหน้า แถมตอนนี้มือสองข้างของฉินหงเหยียนก็กำลังถือของที่หนักเอาการ

ไม่กี่วินาทีเย่เฉินก็เปิดประตูบ้าน

ฉินหงเหยียนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสุภาพยาวปานกลาง สวมรองเท้าส้นสูงสีดำ หล่อนยังคงมีกลิ่นอายของผู้บริหารหญิงเหมือนเดิม

แต่ว่าในมือกลับถือถึงพลาสติกของห้างสรรพสินค้า RT-MART สองถุงเอาไว้ในมือ ช่างขัดกับมาดของหญิงสาวเหลือเกิน

ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินแล้วใบหน้าก็มีรอยยิ้มผุดออกมา

“รู้ว่าคุณต้องรอฉันอยู่ที่บ้าน”

ฉินหงเหยียนเดินเข้าบ้านแล้วถาม “เย่เฉินฉันซื้อของมาเยอะแล้ว จะให้คุณได้ชิมอาหารทางใต้สักหน่อย”

ฉินหงเหยียนพูดพลางเดินตรงไปที่ครัวเพื่อเตรียมทำกับข้าว

ทว่าเย่เฉินกลับคว้าเข้าที่ข้อแขนเรียวเล็กของหล่อน ช่วยหล่อนถือถุงสองใบแล้ววางมันลงบนพื้น

จากนั้นก็ปิดประตู

เย่เฉินมีท่าทีตึงเครียด เขาเดินตรงไปหาฉินหงเหยียน แตะหน้าหล่อนเบาๆ แล้วถาม “ผมเห็นข่าวแล้ว ทำไมคุณถึงต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทด้วย? เพราะผมใช่ไหม?”

ฉินหงเหยียนใช้รอยยิ้มปิดบังความเศร้าในใจแล้วกล่าว “ไม่ใช่ ฉันน่ะไม่อยากอยู่ที่หัวเซิ่งมาตั้งนานแล้ว เพราะพวกผู้ถือหุ้นพวกนั้นชอบนินทาฉันลับหลัง”

เย่เฉินกุมมือฉินหงเหยียนแล้วกล่าว “ผมถามเหล่าถูแล้ว เขาบอกว่าเพราะผม คุณถึงลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท ทำไมคุณถึงโง่แบบนี้? ผมไม่คู่ควรให้คุณต้องมาเสียสละมากมายแบบนี้”

หลังจากที่เย่เฉินรู้สิ่งที่หญิงสาวเลือกนั้นเขาก็ซาบซึ้งใจอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉินหงเหยียนจะยินยอมทิ้งหน้าที่การงานมาเพื่อเขา

ถ้าหากเป็นหวังเจียเหยา คาดว่าคงเลือกทิ้งเย่เฉินไปโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำล่ะมั้ง?

ฉินหงเหยียนกล่าวดุดัน “คุณไม่คู่ควรหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ แต่มันขึ้นอยู่กับฉันต่างหาก!”

เย่เฉินซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เขาสาบานว่าในอนาคตจะต้องทำให้ฉินหงเหยียนได้เป็นประธานบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้!

แต่ในวินาทีนี้เขาทำได้เพียงใช้วิธีอื่นชดเชยให้หญิงสาว

เย่เฉินเดินตรงไปอุ้มหล่อนขึ้นมาแล้วแล้วสาวเท้าไปยังห้องนอนทันที

ฉินหงเหยียนทุบเขา “คุณปล่อยฉันนะ ฉันยังต้องทำกับข้าวอยู่เลย!”

“ทำกับข้าวอะไร ไม่กินแล้ว!!”

รองเท้าส้นสูงของฉินหงเหยียนค่อยๆ ร่วงลงบนพื้นทีละข้างๆ

ในเวลาเดียวกัน ณ วิลล่าเฝยชุ่ย เมืองเทียนไห่

หวังเจียเหยาเพิ่งจะตื่นขึ้นจากอ้อมกอดของหลิ่วอวี่เจ๋อ

“ที่รักเกิดอะไรขึ้นคะถึงได้ดีใจขนาดนี้?”

หวังเจียเหยาถามพลางขยี้ตาที่ยังงตื่นไม่เต็มที่