ตอนที่ 157 รอแล้วรอเล่า

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

“ของปลอมรึเปล่า?” นักบวชรูปหนึ่งถามโดยจิตใต้สำนึก ยื่นมือไปคลำดู ผลคือดอกบัวนั้นพลันเหี่ยวเฉา จึงร้องด้วยความตกใจ “ของจริง! เป็นดอกบัวจริงๆ!”

ทุกคนพากันตื่นจากภวังค์ มองไปรอบๆ ก็เห็นว่าพวกเขานั่งอยู่กลางทะเลดอกไม้ที่รวมขึ้นจากดอกบัว! ทั้งวัดมีแต่ดอกบัว บนดอกบัวยังมีกบ บนพื้นมีนกกระจอก พอพวกเขาตะโกนพวกมันจึงพากันตกใจตื่น บินหนีกันให้ว่อน

เห็นดังนั้นทุกคนอ้าปากค้าง พูดไม่ออก! ภาพตรงหน้าทำให้พวกเขานึกถึงเรื่องเล่าหนึ่ง…พุทธองค์บรรยายธรรม ลิ้นบัวเบ่งบาน ปฐพีหลั่งน้ำแร่ทอง ทุกสรรพสัตว์มาสดับรับฟัง!

ทุกคนเงยหน้าขึ้นทันที มองไปข้างหน้า พบว่าผู้บรรยายธรรมหายไปแล้ว!

“เจ้าอาวาสฟางเจิ้งล่ะ?”

“ใครเห็นเจ้าอาวาสฟางเจิ้งบ้าง?”

“ลิ้นบัวเบ่งบาน! คัมภีร์แบบนี้ ปาฏิหาริย์!”

“ต้นกกข้ามฟาก ลิ้นบัวเบ่งบาน หรือว่านี่จะเป็นพระพุทธองค์ที่ยังมีชีวิต?”

“ต้นกกข้ามฟากพูดได้ว่าเป็นอภินิหารนะ แต่ลิ้นบัวเบ่งบานที่คือพระธรรมแท้จริงแล้ว เจ้าอาวาสฟางเจิ้งคือพระพุทธองค์ที่มีชีวิต”

…………

ตอนนี้ หลวงจีนไป๋อวิ๋นกับหลวงจีนหงเหยียนมีสีหน้าตื่นตกใจ พวกเขาบำเพ็ญเพียรมาหลายสิบปี เคยฟังพระอริยสงฆ์บรรยายเต๋าทั้งในและนอกประเทศมาแล้ว แต่กลับไม่เคยเห็นเรื่องราวแบบนี้มาก่อน! ลิ้นบัวเบ่งบาน นี่ไม่ใช่ความสามารถของคนแล้ว มายากลก็ทำไม่ได้ด้วย นี่คือปาฏิหาริย์!

สองคนมองตากัน ต่างเห็นความตกตะลึงภายในแววตาอีกฝ่าย และยังมีความตื่นเต้น! พุทธศาสนามีผู้เลิศล้ำแบบนี้จะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?

ทว่าพอสองคู่เห็นว่าฟางเจิ้งหายไปก็ร้อนใจแล้ง พานักบวชกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งไปตรวจดูกุฏิฟางเจิ้ง

แต่สุดท้ายไม่มีใครกล้าเคาะประตู!

ต้นกกข้ามฟากทำให้พวกเขายำเกรงฟางเจิ้ง ลิ้นบัวเบ่งบานทำให้พวกเขายำเกรงฟางเจิ้งดั่งเทพเจ้าและพระพุทธองค์ที่มีชีวิต ใครจะกล้ารบกวนการนอนของฟางเจิ้งได้?

ทุกคนมองหน้ากัน แม้แต่หลวงจีนไป๋อวิ๋นยังไม่กล้าเดินไปเคาะประตู

พวกเขายืนอยู่แบบนี้หนึ่งชั่วโมง แม้ทุกคนจะรออย่างร้อนใจ แต่กลับไม่มีใครส่งเสียง เพียงแค่ยืนรอเงียบๆ…

คนที่ตกใจที่สุดในกลุ่มคนไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นอี้หัง!

ตอนนี้อี้หังสับสนไปหมด เดิมทีคิดว่าฟางเจิ้งเป็นคนลวงโลก แต่ไม่นึกเลยว่าไม่ใช่แค่ไม่ใช่คนโกหก แต่ยังเป็นภิกษุชั้นสูงอย่างแท้จริง! ตอนนี้อี้หังสำนึกเสียใจแล้ว ‘ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกไม่ควรบีบบังคับเขาเลย ตอนนี้ล่วงเกินเขาไปแล้ว วันหลังถ้าอยากฟังธรรมอีก…เฮ้อ…’ แม้ในใจจะพึมพำแบบนี้ แต่ส่วนลึกในใจเขาเข้าใจดี หากข้ามเรื่องลิ้นบัวเบ่งบานช่วงหลังไป แค่ความเข้าใจต่อคัมภีร์อวตังสกสูตรช่วงแรกก็เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้นแล้ว คนหนึ่งกอดพุทธคัมภีร์นึกถึงคัมภีร์เต๋า อีกคนอ่านพุทธคัมภีร์รู้แจ้งถึงชีวิต ระดับของสองคนห่างกันไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ยอมจึงถูกหักหน้าในช่วงหลัง เหตุและผลทุกอย่างมาจากตัวเองทั้งนั้น

อี้หังสำนึกเสียใจภายหลัง

หงจินข้างๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน ทว่าเขามีประสบการณ์มากกว่าอี้หังเยอะ จึงไม่ได้สับสน แต่ตรึกตรองว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ฟางเจิ้งเก่งกาจขนาดนี้ อนาคตเป็นไต้ซือหมายเลขหนึ่งได้แน่นอน คนแบบนี้ไม่ร้องขอให้ได้ผูกมิตรกัน อย่างน้อยได้ฟังธรรมยกระดับพระธรรมของตน แบบนี้ก็ดีแล้ว

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ทุกคนยืนจนขาชา คนที่อายุมากแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เองนักบวชรูปหนึ่งวิ่งฉิวเข้ามา ตะโกนขึ้นมา “เจ้าอาวาส ไม่ต้องรอแล้วครับ เจ้าอาวาสฟางเจิ้งลงเขาไปตั้งแต่เช้าแล้ว!”

“อะไรนะ?” ทุกคนอึ้งงัน

หลวงจีนไป๋อวิ๋นถามทันที “พูดจริงหรือ?”

นักบวชตอบ “เมื่อกี้ศิษย์ไปดูกล้องวงจรปิด หลังจากเจ้าอาวาสฟางเจิ้งบรรยายธรรมเสร็จก็ออกจากวัดเมฆาขาวเลย นับเวลาก็สองสามชั่วโมงแล้ว คงจะไปไกลแล้วครับ”

หลวงจีนไป๋อวิ๋นได้ฟังดังนั้นพลันผลักประตูกุฏิเข้าไป ข้างในว่างเปล่าจริงๆ ไม่มีใครอยู่!

ทุกคนมองหน้ากัน นี่มันอะไรกัน? เฝ้าห้องเปล่า รอตั้งสองชั่วโมง

ทันใดนั้นมีบางคนยืนไม่ไหว นั่งลงจนปุกลงกับพื้น

หลวงจีนไป๋อวิ๋นกล่าว “พาอาตมาไปดูกล้อง”

“ครับ เจ้าอาวาส” นักบวชรับคำสั่ง

เมื่อทุกคนได้ยินว่าดูกล้องได้จึงพากันขอตามไปด้วย หลวงจีนไป๋อวิ๋นก็ไม่ได้ปฏิเสธ

แม้วัดเมฆาขาวจะไม่เผยแพร่การบรรยายธรรมในช่วงสุดท้ายออกไปภายนอก แต่ตัวเองกลับบันทึกข้อมูลภาพเสียงเอาไว้ หนึ่งไว้เป็นที่ระลึกถึง เอาไว้ดู และทบทวนเพื่อให้เข้าใจลึกซึ้งกว่าเดิม สองคือเก็บเป็นความทรงจำให้ทุกคน วัดเมฆาขาวรับผิดชอบเรื่องการบันทึกภาพ เมื่อเสร็จเรื่องแล้วจะส่งให้ทุกวัด

ทุกคนรีบมาที่หน้ากล้องบันทึกภาพ เห็นว่ามีนักบวชรูปหนึ่งวางผ้าขาวไว้เรียบร้อย ถึงขนาดวางเครื่องโปรเจคเตอร์ไว้แล้ว

“เจ้าอาวาส ศิษย์รู้ว่าทุกคนต้องมาดูแน่ เลยเอาภาพวิดีโอออกมาแล้ว เตรียมฉายในเครื่องโปรเจคเตอร์แล้วครับ” นักบวชรูปหนึ่งเดินเข้ามา

หลวงจีนไป๋อวิ๋นพยักหน้าอย่างพอใจ พลางว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ฉายเลย”

เมื่อเครื่องโปรเจคเตอร์ทำงาน ทุกคนเห็นตั้งแต่ฟางเจิ้งเริ่มบรรยายธรรม จากนั้นมีนกบินมาฟัง ดอกบัวเบ่งบาน กบกระโดดออกมา เกิดภาพที่มหัศจรรย์มีแสงจันทร์ส่องวัดราวกับสายน้ำ ถ้าบอกว่าก่อนหน้ามีคนสงสัยว่าในเรื่องนี้มีเงื่อนงำ เช่นนั้นตอนนี้มีวิดีโอเป็นพยานแล้ว จึงนับว่าเชื่อสนิทใจ!

ยามนี้จิตใจทุกคนถูกกระเทือนอย่างหนัก ปาฏิหาริย์แบบนี้ราวกับพระพุทธองค์!

“เจ้าอาวาสฟางเจิ้งเป็นเจ้าอาวาสวัดเอกดรรชนีใช่ไหม?”

“ใครรู้บ้างว่าวัดเอกดรรชนีอยู่ไหน?”

“ใช่ ไปทางไหนใกล้สุด?”

“หลวงจีนหงเหยียน ได้ยินว่าพวกท่านอยู่ใกล้มาก แนะนำเส้นทางหน่อยได้ไหม?”

………

เวลานี้คนมากมายถามถึงเรื่องวัดเอกดรรชนี โดยเฉพาะหลวงจีนหงเหยียนที่ถูกล้อมแล้ว

หลวงจีนหงเหยียนยิ้มแห้ง “ทุกท่าน อาตมารู้ว่าทุกท่านอยากไปพบหลวงพี่ฟางเจิ้งเพื่อฟังธรรมลิ้นบัวเบ่งบาน แต่ทุกคนเคยคิดไหม พระธรรมไม่ถ่ายทอดกันง่ายๆ พวกเราโชคดีได้ฟังครั้งนี้คือโชคครั้งใหญ่แล้ว ทุกคนจะโลภอยากฟังอีกครั้งหรือ? อาตมาอยู่มาหกสิบเจ็ดสิบปียังเคยได้ฟังแค่ครั้งนี้เท่านั้น อย่าละโมบนักเลย…

อีกอย่างทำไมเจ้าอาวาสฟางเจิ้งถึงไม่รอพบพวกเรา บรรยายเสร็จแล้วก็ไปล่ะ? เขาคงกลัวว่าจะถูกทุกคนล้อม สลัดหลุดไม่ได้ อาตมาคิดว่าเจ้าอาวาสฟางเจิ้งน่าจะไม่อยากกระพือข่าวเรื่องนี้ และคงไม่อยากถูกทุกคนปิดล้อมหรือไปรบกวนการบำเพ็ญเพียรอย่างสงบ ดังนั้นทุกคนฟังอาตมาเถอะ อย่าบอกใคร อย่ารวมกันไปภูเขาเอกดรรชนี เดี๋ยวจะรบกวนการฝึกบำเพ็ญของเจ้าอาวาสฟางเจิ้ง ถ้าอยากไปจริงๆ ก็หาเวลาไปกันเองเถอะ”

ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่ามีเหตุผล

หลวงจีนไป๋อวิ๋นเอ่ยเช่นกันว่า “เวลาพวกเราเข้าฌานสมาธิต่างก็ชอบความสงบทั้งนั้น เจ้าอาวาสฟางเจิ้งมีพระธรรมลึกล้ำขนาดนี้ แต่กลับซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึก จะต้องไม่ชอบเสียงดังจากโลกภายนอกที่รบกวนการบำเพ็ญเพียรของเขาแน่ๆ ดังนั้นอาตมาก็คิดว่าอย่ารบกวนเขามากนักเลย ให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาเถอะ…”

ถึงทุกคนจะอยากจะพบฟางเจิ้งมาก อยากฟังธรรมจากฟางเจิ้งอีก ทว่าในใจมีความยำเกรงต่อฟางเจิ้ง ไม่รู้ว่าจะไปหรือไม่ไปดี ตอนนี้ภิกษุชั้นสูงสองท่านพูดแบบนี้อีกก็คิดว่ามีเหตุผล ดังนั้นเลยทยอยกันขอที่อยู่ ใคร่ครวญถึงปัญหาว่าจะไปหาเมื่อไรดี จะเยี่ยมเยือนอย่างไรดี

เมื่อนักบวชทุกรูปจากไป วัดเมฆาขาวที่วุ่นวายมาสองวันกลับมาสงบเงียบดั่งวันวาน

เพียงแต่ว่ามีนักบวชบางส่วนของวัดเมฆาขาวกลับไม่สงบ ฟางเจิ้งทำให้พวกเขารู้สึกถึงอำนาจคุกคาม คนมีปัญญามองย่อมออกอยู่แล้วว่าถ้าฟางเจิ้งต้องการ เกรงว่าวัดเมฆาขาวคงจะรักษาชื่อเสียงวัดใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองเฮยซานไว้ไม่ได้…

แต่ไม่มีใครรู้ว่าไต้ซือหรือพระพุทธองค์ที่มีชีวิตในใจทุกคนตอนนี้กลับใกล้จะร้องไห้แล้ว!

……………………………