บทที่ 104 ทางเลือกของลู่เมิ่งเหยา
ร่างไร้วิญญาณหลายศพนอนขวางอยู่บนพื้น หลัวซิวรู้ดีว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก ดังนั้นจึงได้พูดแบบสั้น ๆ บอกเรื่องที่ลู่เฟยเฉินส่งคนไปจับตัวคนในครอบครัวของเขา ตั้งใจที่จะฆ่าเขาให้ตายออกมา
“นี่…..นี่เป็นไปไม่ได้!……” หลังจากที่ลู่เมิ่งเหยาได้ฟัง ใบหน้างดงามก็ซีดลงทันที
เมื่อสองวันก่อน ท่านพ่อยังได้บอกกับนางว่าหลัวซิวไปนำเอาทรัพยากรจากไปแล้ว ตอนนั้นนางเองก็คิดว่าหลัวซิวใช่คนแบบนั้น แต่นางคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ท่านพ่อได้ทำเรื่องลับหลังมากมายเช่นนี้
นางคิดไม่ถึงว่า ท่านพ่อเพื่อแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ นอกจากจะสละความสุขทั้งชีวิตของบุตรสาวอย่างนางแล้ว ยังคิดแม้แต่จะสังหารหลัวซิว
เมื่อเห็นสายตาที่ล่องลอย ใบหน้าที่ซีดเซียวของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวพลันรู้สึกเสียใจที่ได้บอกเรื่องนี้กับนาง เพราะไม่ว่ายังไงสำหรับลู่เมิ่งเหยาแล้ว ได้รับรู้ว่าบิดาของตนเองเลวทรามเช่นนี้ คงยากที่จะรับได้เป็นแน่แท้
แต่ไม่นานหลัวซิวก็ได้ทั้งความคิดเช่นนี้ไป เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว เขาไม่อยากจะให้ลู่เมิ่งเหยากลายเป็นเครื่องมือ กลายเป็นเหยื่อในการแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ของลู่เฟยเฉิน
“เมิ่งเหยา ไปกับข้าเถอะ พวกเราไปจากที่นี่” หลัวซิวไม่อาจทนดูท่าท่างเสียใจของนาง ที่เขามาในครั้งนี้ ก็เพื่อบอกความจริงกับนาง และพานางไปจากเขตการปกครองหยุนหลง
“หนีไปด้วยกันหรือ?” ลู่เมิ่งเหยามอองดูหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้า หลังจากที่ได้รับรู้ความจริง นางก็อยากจะหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ
แต่ว่า ถ้าหากข้าไปแล้ว ท่านพท่อจะทำเช่นไร? ตอนที่ยังเล็กท่านแม่ได้จากโลกนี้ไปด้วยอาการป่วย เป็นท่านพ่อที่เลี้ยงดูนางมาจนเติบใหญ่ ดูแลทะนุถนอมนางมาเป็นอย่างดี ถ้าหากตนเองจากไป ปรมาจารย์ขงชิงหยูแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักไม่สำเร็จ ท่านพ่อจักต้องพลอยลำบากไปด้วย ชีวิตต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่
“เมิ่งเหยา ไปกับข้าเถอะ หากยังไม่ไป ก็คงไม่ทันแล้ว” หลัวซิวกล่าวอย่างร้อนรน ขณะเดียวกันนั้นก็ยื่นมือออกไปจับมือเมิ่งเหยา
เพราะจากกระแสสัมผัสพลังชีวิตของเขา มีศิษย์นอกสำนักหลายคน กำลังใกล้เข้ามาที่นี่
“ไม่! ข้าจะไปไม่ได้!”
จู่ ๆ ลู่เมิ่งเหยากลับก้าวถอยหลังหลายก้าว ขอบตาแดงเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า “หลัวซิว เจ้าไปเถอะ”
ในวินาทีที่ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างท่านพ่อและหลัวซิว สุดท้ายนางยังคงเลือกบิดาของตัวเอง
ภายในใจนางไม่อาจตัดใจจากหลัวซิวได้ แต่ก็ยิ่งไม่สามารถมองดูบิดาของตัวเองต้องจบชีวิตโดยที่ไม่ทำอะไรได้ นางจะเป็นบุตรสาวเนรคุณไม่ได้
“หลัวซิว ระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของข้า แต่ข้าไม่สามารถไปกับเจ้าได้จริง ๆ”
นับจากที่โรคชีพจรขาดธาตุไฟได้กำเริบ เดิมคิดว่าชาตินี้จะมีชีวิตอยู่ไม่เกินยี่สิบปี กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับหลัวซิว
เป็นหลัวซิว ที่ให้ความหวังในการมีชีวิตต่อไปกับนาง และหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาระยะหนึ่ง นางก็ได้มีใจให้กับผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าตัวเองไม่น้อยคนนี้
แต่ทั้งหมดนี้ เมื่อพวกเขาได้มาพบกันที่นอกสำนักเซียวเหยาอีกครั้ง ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
ห่างออกไปไม่ไกลนัก เงาร่างของคนหลายคน สามารถมองเห็นได้อย่างเลือนราง
“เมิ่งเหยา เจ้าแน่ใจเหรอว่าเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป?”
หลัวซิวเข้าใจความคิดของลู่เมิ่งเหยาเป็นอย่างดี ที่นางเลือกจะอยู่ที่นี่ต่อไปนั้น ก็เพราะบิดาของตัวเอง
นางยอมละทิ้งความรู้สึกระหว่างทั้งสอง ละทิ้งความสุขของตัวเอง
เมื่อเห็นลู่เมิ่งเหยาพยักหน้า หลัวซิวก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง: “ถ้าหากลู่เฟยเฉินเป็นพ่อที่ดีจริง ๆ ก็ไม่มีทางที่จะใช้แผนการเลวทรามต่ำช้าแบบนี้บังคับให้เจ้าแต่งงานกับโกวจินชวนอะไรนั่น เจ้าต้องคิดให้ดี!”
“หลัวซิว ข้าขอโทษ” ลู่เมิ่งเหยาน้ำตาอาบแก้ม ร้องไห้อย่างเสียใจขึ้นมากว่าเดิม
นางทราบดี ทันทีที่หลัวซิวหันหลังจากไป พวกเขาทั้งสองคน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้อีกแล้ว จะไม่ใช่คนในโลกเดียวกันอีกต่อไป
“ศิษย์เลวช่างบังอาจนัก กล้าทำร้ายคนในสำนักเดียวกัน จับตัวตัวมันไว้ คุ้มครองคุณลู่!”
ในตอนนี้เอง ศิษย์นอกสำนักทั้งเจ็ดแปดคนก็ได้เห็นเข้ากับร่างไร้วิญญาณเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นหลัวซิว และได้ยินเสียงร้องไห้ของลู่เมิ่งเหยา
เสียงชักดาบชักกระบี่ออกจากฝักดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นระลอก ศิษย์นอกสำนักพวกนั้นปิดล้อมเข้ามาทางนี้ ขณะเดียวกันนั้นก็มีคนหนึ่งก้าวถอยหลังไป ซึ่งหน้าจะไปรายงานสถานการณ์
หลัวซิวรู้ว่าตนเองควรจะจากไปแล้ว มิเช่นนั้นชีวิตคงจะไม่ปลอดภัย
เขาทอดถอนใจ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลู่เมิ่งเหยา นางกลับร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
“ข้าไม่โทษเจ้า……”
เมื่อหลัวซิวพูดประโยคนี้จบ ก็หันหลังจากไปทันที สำหรับพวกศิษย์นอกสำนักที่ปิดล้อมโจมตีเข้ามานั้น หลัวซิวไม่ได้พัวพัน ขยับร่าง ก็ทิ้งเศษเงาเอาไว้หลายสาย เคลื่อนตัวผ่านสองคนในนั้นไปภายในชั่ววินาที มุ่งหน้าโบยบินไปในที่ที่ห่างออกไป
“ตามไป! อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้”
ศิษย์นอกสำนักเซียวเหยานั้นมีอยู่มากมาย ผู้คนที่ถูกทำให้ตื่นตัวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างเข้าร่วมปิดล้อมตามสังหาร หลัวซิวคิดจะหนีไปจากที่นี่ ยิ่งลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาค่อนข้างจะโชคดีก็คือ บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของศิษย์นอกสำนัก ผู้ดูแลที่มีผลการฝึกตนระดับพรสวรรค์ รวมทั้งลู่เฟยเฉิน ต่างก็อยู่ค่อนข้างจะไกล ตราบใดที่หนีออกไปจากที่นี่ได้ก่อนที่ยอดฝีมือพวกนั้นจะมาถึง ก็จะปลอดภัยไร้กังวล
เนื่องจากตรงข้ามนอกสำนักเซียวเหยานั้นก็คือองค์กรนักล่ายุทธ์ เพียงแค่เข้าไปในห้องโถงขององค์กรได้ ต่อให้เป็นลู่เฟยเฉิน ก็จะไม่กล้าลงมือกับเขาอย่างแน่นอน
อาศัยวิชาเงาเศษสิบช่อง การเคลื่อนไหวของหลัวซิวนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาหลีกเลี่ยงการลงมือมาตลอดทาง ไม่นานก็เข้าใกล้ประตูใหญ่ของสำนัก
“เจ้าโจรชั่วบังอาจนัก นอกสำนักเซียวเหยาของข้าใช่ที่เจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปหรือ?”
ทันใดนั้น เสียงตวาดเสียงหนึ่งก็ได้ดังลอยมา ชายหนุ่มใบหน้าเคร่งขรึมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูใหญ่ ดาบยาวพลันถูกชักออกจากฝัก และฟันเข้ามาทางหลัวซิว
“เป็นศิษย์พี่กู้หย่งคัง!”
“ศิษย์พี่กู้ลงมือ นอกเสียจากจะเป็นจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ มิเช่นนั้นเจ้าโจรชั่วนั่นจะต้องหนีไม่รอดแน่”
เนื่องจากยาย้ายร่างเปลี่ยนกระดูกศิษย์นอกสำนักเหล่านั้นจึงไม่สามารถมองออกได้ว่าคนที่พวกเขากำลังตามล่าอยู่ตอนนี้ก็คือหลัวซิวนั่นเอง
สำหรับกู้หย่งคัง หลัวซิวเองก็พอจะคุ้นอยู่บ้าง เป็นศิษย์นอกสำนักอันดับหนึ่งในหอคอยมังกรบิน ได้ยินว่าเป็นยอดฝีมือในแดนขั้นสูงชี่ไห่ขั้น9
“สวบ!”
เห็นเพียงหลัวซิวขยับร่าง ทิ้งไว้เพียงเศษเงาสายหนึ่ง แทบจะชั่ววินาที ก็หลบคมดาบที่กู้หย่งคังฟันลงมาไปได้
หลัวซิวเข้าใจดี กู้หย่งคังได้ขวางประตูใหญ่เอาไว้ เขาคิดจะหนีไป ก็จะต้องเอาชนะคนผู้นี้ให้ได้
“พรึบ!”
โบกสะบัดกระบี่เงามืดที่อยู่ในมือ แสงกระบี่สีดำกรีดผ่านไปราวกับสายฟ้า
กู้หย่งคังทำเสียงหึอย่างเย้ยหยัน ดูจากกระแสพลังของเจ้าหนุ่มที่บุกเข้ามาในนอกสำนักเซียวเหยาคนนี้ เป็นเพียงจอมยุทธ์ชี่ไห่ขั้น3 เท่านั้นเอง ตามปกติแล้ว คนในระดับนี้ไม่คู่ควรให้เขาต้องลงมือ
แต่เมื่อเขาพบว่ากระบี่ของอีกฝ่ายนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปทันที ยุทธ์ชี่ไห่ขั้น3 ผู้หนึ่ง จะมีความเร็วเช่นนี้ การโจมตีที่รุนแรงแช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
กู้หย่งคังไม่มีเวลามาคิดให้ละเอียด รีบแสดงกระบวนท่าร่างเพื่อหลบหลีก แต่เห็นได้ชัดว่ากระบี่ที่หลัวซิวฟันเข้ามานั้นเร็วยิ่งกว่า ทิ้งรอยแผลเปื้อนเลือดเอาไว้ที่หน่อกของเขา
ในขณะเดียวกัน ชั่ววินาทีที่กู้หย่งคังหลบกระบี่นี้นั้น หลัวซิวพลันเร่งความเร็วขึ้น ดุจดั่งแสงที่กระทบผิวน้ำ จะหนีออกไปจากนอกสำนักเซียวเหยา
“จะหนีไปไหน!”
ชายชราหนวดเคราปลิวว่อนผู้หนึ่งวิ่งลอยตัวเข้ามาทางด้านนี้ รวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้ว่าหลัวซิวจะใช้วิชาเงาเศษสิบช่องออกมาอย่างเต็มกำลัง ก็ยังห่างไกลอีกนัก
“จางหลู่เหลียง!” หลัวซิวจำตาเฒ่าที่มีความแค้นกับเขาคนนี้ขึ้นมาได้ในทันที และเขายังรู้อีกว่า จางหลู่เหลียงคนนี้เป็นปรมาจารย์แดนพรสวรรค์ขั้น9
“เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าใช้ยาย้ายร่างเปลี่ยนกระดูก ข้าก็จะจำเจ้าไม่ได้งั้นรึ? เจ้าสำนักลู่ไม่ได้เอาชีวิตเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้าถูกกำหนดให้ตายในน้ำมือของข้า!”
จางหลู่เหลียงใบหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำค้างแข็ง ใช้ปราณแท้ในการสื่อสาร เสียงดังกังวานอยู่ในหูของหลัวซิว