บทที่ 195 รับและจ่าย
“เฉินเฉียง นี่เจ้าต้องการอะไรอีก เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า ข้าแนะนำให้เจ้าอย่ามาแส่เรื่องนี้”
เมื่อเห็นทางออกของเรื่องนี้แล้ว มีหรือที่เฉียวกังจะยอมให้เฉินเฉียงมาหยุดยั้ง
เฉินเฉียงไม่แยแสต่อท่าทางของเฉียวกัง เขาได้หันไปหากัวเหลียง “ศิษย์พี่กัว ถ่ายไว้ได้รึเปล่า”
กัวเหลียงยิ้มก่อนจะส่งกำไลสื่อสารของตนให้เฉินเฉียง
“เจ้าของร้าน ท่านเองคงจะเห็นกระจ่างแล้วว่าศิษย์พี่ของข้าได้บันทึกภาพเอาไว้ทั้งหมดแล้ว”
“ตราบที่เจ้าต้องการจะทำสัญญาให้เสร็จสิ้น เพียงใช้ภาพบันทึกนี้ไว้เป็นหลักฐานล่ะก็ แน่นอนว่าจะได้แก่นคริสตัลมากกว่านี้ แล้วท่านจะกลัวอีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงอีกทำไม”
“ต่อให้เรื่องนี้ไปถึงตึกจอมพลแห่งกันหนัน ท่านก็น่าจะรู้ว่าผลจะออกมาแบบไหน”
“ท่านคิดว่ายังไง”
“ท่านคิดจะสั่งสอนคนแบบนี้ให้รู้สำนึกอยู่รึเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนี้ เจ้าของร้านร่างอ้วนก็ได้เปลี่ยนท่าทีเป็นร้องไห้จนน้ำตาพรากอย่างไม่รีรอ
“ท่านนายพล โปรดมอบความเป็นธรรมให้ข้าด้วย”
“หาก…หาก ว่าชายสกุลเฉียวผู้นี้ไม่ยอมจ่ายแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางจำนวนสิบล้านมาล่ะก็ ข้า…ข้าจะไปร้องเรียนที่ตึกจอมพลเดี๋ยวนี้”
เมื่อมาถึงตอนนี้ เฉินเฉียงได้ส่งกำไลสื่อสารคืนกัวเหลียงไปและกล่าวออกมาด้วยหน้าตาที่เที่ยงธรรม “เจ้าของร้าน เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือท่าน ข้าจะไปที่นั่นแล้วจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวข้าเอง ข้าจะช่วยท่านเปิดโปงการกระทำอันชั่วร้ายของคนจากตึกจอมพลภาคกลางในหน่วยองครักษ์ให้ทุกคนได้รับรู้ ข้าจะให้ท่านนายพลจ้าวมอบความเป็นธรรมให้พวกเรา”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้ป้องมือให้กับทุกคนที่กำลังดูเหตุการณ์นี้อยู่ด้านนอกแล้วพูดออกมา “นักรบทุกท่าน นับจากอดีต พวกเรานั้นไม่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำอันเลวทรามแบบนี้เพียงเพราะเป็นคนกันเอง”
“เฉียวกังคนนี้ แม้ว่าจะมีความร่ำรวยล้นฟ้า แต่ไม่เพียงจะข่มเหงเหล่านักรบด้วยกันเองแล้ว เขานั้นยังสร้างความปั่นป่วนให้กับคนทั่วไป”
“เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยให้ผ่านเลยได้”
“หากทุกท่านคิดเช่นเดียวกับข้า พวกเราต้องไม่ยอมปล่อยให้คนแบบนี้ลอยนวล”
“ตราบใดที่ท่านมีใจที่ต้องการรักษาความเที่ยงธรรม ขอให้คนคนนั้น ติดตามข้าไปยังตึกจอมพลแห่งกันหนันเพียงเป็นพยานในการกระทำอันเลวทรามต่ำช้านี้ด้วย ไม่ทราบว่าทุกท่านคิดเห็นเป็นเช่นใด”
“ดี เฉินเฉียงพูดถูกต้อง พวกเราไม่อาจปล่อยคนแบบนี้ไปได้”
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาท่านนายพลจ้าวกัน”
เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธแค้นของทุกคนแล้ว เฉียวกังรับรู้ในทันทีว่าหากเข้าไม่รีบสงบเหตุในตอนนี้ นี่จะส่งผลต่อจ้าวลี่ และมันจะทำให้เรื่องราวแย่ยิ่งกว่าเดิม
เฉียวกังรีบเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “เฉินเฉียง มาพูดคุยกันก่อนสิ เจ้าเองก็มาที่นี่เพื่อซื้อกำไลสื่อสารไม่ใช่รึไงกัน เอาแบบนี้ดีกว่า ข้ายกพวกมันให้เจ้าเลยเอ้า”
เฉินเฉียงแสดงออกมาอย่างไม่เห็นด้วยในทันใด และพูดออกมา “ข้านั้นเป็นเพียงคนจน เจ้าไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับข้าจะดีซะกว่า”
“ตอนนี้คนที่ได้รับผลกระทบก็คือเจ้าของร้านที่ไม่ยอมความ แต่เจ้ากลับคิดจะยัดเงินให้กับข้าอีกเนี่ยนะ เจ้าอยากให้ข้าคืนคำพูดต่อหน้าคนที่ถูกรังแกรึยังไง”
-ฮี่ฮี่ฮี่ เจ้าของร้านเอ๋ย สิบล้านแก่นคริสตัลเลยนา-
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉียงในใจนี้ เจ้าของร้านก็พลันนึกถึงแก่นคริสตัลกองโตที่ส่องประกาย แล้วแบบนี้เขาจะยอมความได้ยังไง
“ท่านนายพล โปรดให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย”
เฉินเฉียงได้ในตอนนี้ได้มองเฉียวกังอย่างดูถูก ก่อนที่จะค่อยๆพยุงเจ้าของร้านและเตรียมที่จะเดินออกไป
“ช้าก่อน”
เฉียวกังในตอนนี้หน้าดำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ เขาเดินมาหาเฉินเฉียงด้วยใจที่ไม่อยาก และโยนแหวนที่มีแก่นคริสตัลกว่าสิบล้านให้ชายอ้วนเจ้าของร้าน
“เฉินเฉียง ฝากไว้ก่อนเถอะ”
เฉียวกังแสดงออกมาด้วยสายตาที่โกรธแค้น เขากัดฟันแน่นและมองเฉินเฉียงด้วยสายตาที่อาฆาต ก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไป
องครักษ์ที่ตามเขามาก็ได้ตะโกนถามในทันที “กัปตันเฉียว แล้วกำไลสื่อสารพวกนี้ล่ะครับ”
เฉียวกังได้หันกลับมามองด้วยสายตาที่แค้นเคืองและพูดออกมาอย่างดุดัน “พังมันทิ้งซะ อย่าให้ไอ้พวกคนจนได้มันไปแม้แต่ชินเดียว”
เมื่อเห็นเฉียวกังจากไปพร้อมกับคนของเขาด้วยใบหน้าที่แพ้พ่าย พร้อมกับเสียงสาปแช่งของผู้คนที่มามุงดู
“จบแล้ว ป่านนี้แล้วพวกเรายังไม่ได้กำไลสื่อสารเลยสักอัน แล้วพวกเราจะเอาที่ไหนไปใช้ในมิติจักรพรรดิกันล่ะทีนี้”
“ไอ้ระยำเฉียวกัง หน่วยองครักษ์ตึกจอมพลเฮงซวย นี่พวกมันยังคิดจริงๆเหรอว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากพวกเราในการกำจัดสัตว์ประหลาดและมนุษย์กลายพันธุ์หลังจากก่อเรื่องแบบนี้น่ะ ห้ะ”
เฉินเฉียงได้เดินตรงไปยังทางเข้าร้านค้าหอสมบัติและตะโกนออกมา “พี่น้องทั้งหลาย ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่พวกท่านไม่อาจซื้อกำไลสื่อสารได้ ข้ามีข้อเสนอให้ทุกท่าน และข้าเชื่อว่ามันจะทำให้ทุกท่านได้ของฟรีไปใช้ด้วยซ้ำ”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้นำกำไลสื่อสารของกัวเหลียงออกมาอีกครั้งและพูดต่อ “ข้านั้นมีภาพบันทึกตอนที่เฉียวกังสั่งทำลายกำไลสื่อสารเมื่อครู่นี้อยู่”
ตราบใดที่ทุกท่านนำภาพบันทึกนี้ไปร้องเรียนที่ตึกจอมพลเขตกันหนัน ข้าเชื่อว่าท่านจ้าวนั้นจะจัดเตรียมกำไลสื่อสารอย่างดีให้กับพวกท่าน
“นั่นเยี่ยมไปเลย แถมท่านนายพลจะได้เห็นการกระทำของคนของตัวเองอีกด้วย ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าท่านจ้าวจะว่ายังไง”
“ถูกต้อง เกียรติยศของเขตกันหนันนั้นถูกทำลายโดยเฉียวกัง คงไม่ใช่ว่ามันเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แฝงตัวมาหรอกนะ”
“น่าคิดนะ หากไม่มีกำไลสื่อสารแล้ว พวกเราจะปกป้องชีวิตตนเองเมื่ออยู่ในเขตแดนจักรพรรดิได้ยังไงกัน”
“ไปกันเถอะ พวกเราไปที่ตึกจอมพลกันหนันแล้วให้ท่านผู้การตัดสินเรื่องนี้ให้กับเรา”
เมื่อเฉินเฉียงได้เห็นทุกคนจากไปแล้ว เฉินเฉียงก็ได้หันหลังกลับเข้าร้านไป
“ฮี่ฮี่ฮี่ ท่านนายพล นี่คือแก่นคริสตัลส่วนของท่าน โปรดนับดูว่าถูกต้องหรือไม่”
เฉินเฉียงไม่ได้คิดอะไรมาก เขาได้รับแหวนวงนี้มาอยู่ในมือ
หลังจากนั้นเขาก็โยนให้กับเทพเงินตรา ก่อนที่จะหันไปคุยกับเจ้าของร้าน “เจ้าอ้วนเจ้าของร้าน อย่าบอกนะว่ากำไลสื่อสารไม่มีแล้วน่ะ เอาของอย่างดีออกมาสิบอันเลย”
ด้วยการที่ชายคนนี้คือบุตรแห่งการค้าขายที่เที่ยงแท้ มีหรือที่เขาจะเอาออกมาทั้งหมดจริงๆ
เฉินเฉียงเองสังเกตเห็นเรื่องนี้ในตอนที่เฉียวกังพังกำไลสื่อสารไปนั้น ชายคนนี้ไม่ได้ทุกร้อนแต่อย่างใด
อย่างที่คาดไว้ ชายอ้วนเจ้าของร้านยิ้มออกมาแหยๆก่อนที่จะส่งกำไลสื่อสารทั้งสิบให้เฉินเฉียงไป
หลังจากกลับที่ภัตตาคารติ้งฮู่ เฉินเฉียงได้แลกเปลี่ยนตำแหน่งประจำกำไลสื่อสารของทุกคนในกองกำลัง และนับจากนี้ พวกเขาจะสามารถสื่อสารในมิติจักรพรรดิได้แล้ว
“ฮี่ฮี่ฮี่ กัปตัน ตอนนี้พวกเรารวยแล้วนา พวกเรามีแก่นคริสตัลระดับนายพลขั้นกลางตั้งห้าล้านก้อนแน่ะ”
เทพเงินตราได้พูดพลางลูบไล้แหวนในมืออยู่ไม่ขาดพลางรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ยากจะหุบ
เฉินเฉียงเองก็ยิ้มออกมา แต่คำพูดของเขานั้นทำให้หวังต้าลู่ที่ยิ้มกริ่มอยู่นั้นต้องนิ่งเงียบไป
“เทพเงินตรา แบ่งแก่นคริสตัลออกมาสักสองพันก้อนสำหรับทุกคน ที่เหลือนั้นเอาไปซื้อเตกีลาให้หมด”
“ห้ะ กัปตัน ทำไมท่านต้องทำเรื่องเสียเปล่าแบบนั้นกันล่ะ”
หวังต้าลู่มีใบหน้าที่กระตุกไปเล็กน้อยพลางคลึงแหวนในมือของตน
กองกำลังเทียนเว่ยนั้นยากจนข้นแค้นมานานและเสี่ยงต่อการล่มสลายมาหลายครั้ง อย่างตลอดปีที่ผ่านมา พวกเขานั้นยังไม่เคยมีแก่นคริสตัลมาเกินหมื่นก้อนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แล้วมาตอนนี้ พวกเขานั้นพึ่งจะรวยกันแล้วแต่เฉินเฉียงกับให้ถลุงพวกมันให้หมดเสียอย่างนั้น
“ฟังกัปตันไปเถอะน่า” จางหยวนได้มองหวังต้าลู่อย่างเขม็งเข็งทำให้เขานั้นไม่มีทางเลือกทำได้เพียงยอมทำตามเพียงเท่านั้น
ในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมานี้ จางหยวนเองคือคนที่มีเกียรติที่สุดในกองกำลังเทียนเว่ย และเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่างของกองกำลัง ทุกการกระทำของเขาก็เพื่อกองกำลังเพียงเท่านั้น
“กัปตันโปรดอย่าได้ถือสา พวกเราเพียงแค่ไม่เคยมีมันเยอะขนาดนี้มาก่อนเท่านั้นเอง”
เฉินเฉียงได้ตบบ่าจางหยวนเบาๆและยิ้มออกมา “ไม่ต้องกังวลหรอกน่า ทุกคน จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเรานั้นจะไม่ขัดสนแก่นคริสตัลอย่างแน่นอน”
“พวกเจ้าอาจไม่เข้าใจว่าทำไมข้านั้นถึงจ่ายแก่นคริสตัลทั้งหมดในคราวเดียว”
“งั้นให้ข้าบอกเจ้าแล้วกันว่าในเขตแดนจักรพรรดินั้นมีทุกสิ่งที่พวกเราต้องการอยู่ที่นั่น”
“หากไม่ใช่ว่าข้ากลัวว่าการบ่มเพาะของพวกเจ้าจะติดขัดล่ะก็ ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าเก็บแก่นคริสตัลนี่ไว้เลยสักก้อนเดียว”