ตอนที่ 787 คิดว่าตัวเองเป็นใคร

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ถังหนิงไม่มีทางรอได้ถึงสองวัน ดังนั้นหญิงสาวจึงขอตัวกลับบ้านทันที หลังจากได้รู้เรื่องปัญหาของเธอ ผู้กำกับก็ยอมให้เธอไป แต่ขณะที่ถังหนิงกำลังจะจากไป เขาก็ให้ความเห็นว่า “ถังหนิง เด็กๆ น่ะป่วยเป็นเรื่องปกติ อีกอย่าง เขาก็มีท่านประธานโม่คอยดูแลอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม คุณคือนักแสดงนำหญิงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ยิ่งการถ่ายทำล่าช้า ทีมถ่ายทำก็ได้รับความเสียหาย ครั้งนี้ผมยอมให้คุณไป แต่นี่จะเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”

 

 

ถังหนิงเข้าใจความยากลำบากของผู้กำกับ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างขอโทษขอโพย “ฉันจะรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมดค่ะ”

 

 

“ครับ งั้นก็ไปเถอะ เพราะถึงยังไงพิธีมอบรางวัลเฟยเทียนก็ใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นผมจะแสร้งทำเป็นว่าผมให้คุณกลับบ้านก่อนเวลาก็แล้วกัน” ตราบใดที่ถังหนิงยินดีจะรับผิดชอบ ผู้กำกับก็ยินดีทำตามที่เธอขอ เพราะถึงอย่างไร หญิงสาวก็มีเหตุผลที่เข้าใจได้จริงๆ

 

 

ถังหนิงรีบกลับบ้านในคืนนั้น สิ่งแรกที่เธอทำทันทีที่ก้าวเข้าบ้านคือไปดูว่ากั่วกั่วสบายดีไหม เมื่อเห็นว่าลูกกำลังหลับสบายอยู่ในเปล หญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

 

โม่ถิงได้ยินเสียงกุกกักจึงออกมาจากห้องนอน ทันทีที่เขาเห็นถังหนิงยืนอยู่ข้างๆ เปลด้วยสภาพเหงื่อท่วม ชายหนุ่มก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวไปคลุมตัวเธอทันที “ผมบอกคุณแล้วไงครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าคุณเป็นหวัดเพราะรีบกลับมาบ้านแบบนี้ขึ้นมาล่ะ”

 

 

“มันยากที่จะไม่เป็นห่วงน่ะสิคะ” ถังหนิงคลุมหน้าของเธอด้วยผ้าเช็ดตัว ตอนนั้นเองที่หญิงสาวตระหนักว่ามือของเธอเย็นเฉียบ

 

 

“ไปอาบน้ำเถอะครับ” โม่ถิงอุ้มหญิงสาวเข้าไปในห้องน้ำแล้วเติมน้ำอุ่นลงในอ่าง หลังจากหญิงสาวก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำแล้ว โม่ถิงก็เดินออกมาข้างนอกและโทรหาผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘ผู้รอดชีพ’

 

 

“ท่านประธานโม่ครับ…ถังหนิงอธิบายทุกอย่างให้ผมฟังก่อนที่เธอจะกลับไปแล้วครับ ไม่มีปัญหา”

 

 

“หลังจากพิธีมอบรางวัลเฟยเทียน เธอจะกลับไปทำงานตามตารางครับ ผมจะจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เอง” โม่ถิงพูดกับชายคนนั้น

 

 

“ตราบใดที่ไห่รุ่ยยินดีจะทำเช่นนั้น การลางานสองวันสำหรับถังหนิงไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” ผู้กำกับรู้จักการช่างน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย การที่ถังหนิงไม่อยู่สองวันไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เหลือฉากอื่นๆ ที่ต้องถ่ายนักแสดงสมทบ แม้เขาจะรู้เรื่องนี้ เขาก็ยังต้องแสร้งทำเป็นว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่อย่างนั้นถังหนิงจะทึกทักเอาว่าไม่มีกฎระเบียบอยู่

 

 

ไม่นานนักถังหนิงก็อาบน้ำเสร็จและก้าวออกมาจากห้องอาบน้ำ เมื่อเห็นว่าโม่ถิงไม่อยู่แถวนั้น หญิงสาวก็เดาว่าเขากำลังอยู่ในห้องทำงาน ถังหนิงเงียบไปชั่วครู่ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ควรเป็นภาระให้โม่ถิงเพิ่ม ดังนั้นเธอจึงเดินไปนอนลงที่เตียงและผ่อนคลาย…

 

 

หลังจากนั้นไม่นานโม่ถิงก็กลับไปที่ห้องนอน เมื่อรู้ว่าถังหนิงไม่ได้กำลังหลับอยู่จริงๆ ชายหนุ่มจึงนอนลงข้างๆ แล้วกอดเธอจากด้านหลัง เขาพูดเบาๆ ว่า “ผมจองการตรวจร่างกายอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้ให้กั่วกั่วแล้วครับ คุณไม่ต้องกังวลเลย

 

 

“ทีมแพทย์ที่ผมนัดแนะเอาไว้อยู่บนเครื่องบินแล้วครับ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็มาถึงกรุงปักกิ่งแล้ว”

 

 

“ที่ว่าระบบภูมิคุ้มกันของกั่วกั่วอ่อนแอนี่อ่อนแอแค่ไหนคะ” ถังหนิงพลิกตัวกลับมาถามพลางคล้องแขนทั้งสองข้างรอบคอของโม่ถิง

 

 

“หมอคนก่อนให้ความเห็นว่าเขาป่วยบ่อยเพราะภูมิคุ้มกันของเขาไม่เสถียรครับ”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนี้ ถังหนิงก็เงียบไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รู้สึกดีกับข่าวนี้ แต่หญิงสาวก็ยอมรับความเป็นจริง หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็สงบลงแล้วเอ่ยว่า “รีบเข้านอนเถอะค่ะ กั่วกั่วป่วยไปคนหนึ่งแล้ว คุณเองก็จะเหนื่อยไปอีกคนไม่ได้นะ”

 

 

โม่ถิงรู้ว่าถังหนิงมีหัวใจที่เข้มแข็ง แม้จะกังวล เธอก็จะไม่ว้าวุ่นใจ

 

 

ดังนั้นในเช้าวันถัดมา ถังหนิงและโม่ถิงจึงพากั่วกั่วไปโรงพยาบาลด้วยกัน แม้มันจะเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่ถานซูหลิงทำงานอยู่ มันก็ยังเป็นโรงพยาบาลสำหรับเด็กที่ดีที่สุดในปักกิ่งอยู่ดี

 

 

ไม่นานนักกั่วกั่วก็ถูกนำตัวเข้าไปตรวจร่างกายอีกครั้ง นอกเหนือจากการมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอแล้ว เด็กน้อยคนนี้ยังถูกวินิจฉัยว่ามีอาการปอดติดเชื้ออีกด้วย

 

 

ตามคำขอของโม่ถิง หมอที่ตรวจกั่วกั่วครั้งนี้จึงไม่ใช่ถานซูหลิง

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น นางพยาบาลคนหนึ่งก็เสนอแนะว่า “คุณชายโม่คะ หมอถานคือหมอที่เก่งที่สุดของเราจริงๆ นะคะ มีคนมากมายมาหาเธอที่นี่ทุกวัน ดังนั้นฉันจึงคิดว่ามันจะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณคุยกับหมอถานเรื่องการรักษาน้องกั่วกั่ว”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็มองโม่ถิงด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงไม่อยากพบหมอถานล่ะคะ”

 

 

โม่ถิงเงียบและไม่พูดอะไร

 

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ นางพยาบาลจึงอธิบายว่า “หมอถานค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองและรักงานของเธอมากค่ะ เธอไม่ชอบเวลาที่ผู้ปกครองดูแลเด็กไม่ดี เธอจึงมีอคติกับคุณหลังจากที่ไม่เห็นคุณมาโรงพยาบาลพร้อมกับน้องกั่วกั่วอยู่สองสามครั้ง…”

 

 

“แค่นั้นเหรอคะ” ถังหนิงไม่สนใจพลางสั่งให้พยาบาลคนนั้นโทรหาหมอถานทันที “ถิงคะ…”

 

 

“ผมรู้ครับ…” โม่ถิงรู้ว่าถังหนิงต้องการจะพูดอะไร แต่ถ้าถึงจุดที่ร้ายแรงที่สุด เขาจะแสร้งทำเป็นว่าหมอถานไม่มีตัวตน

 

 

ไม่นานนักถานซูหลิงก็มาถึงห้องฉุกเฉิน ในที่สุดเธอก็ได้พบถังหนิงเสียที

 

 

ทีแรก หมอถานยังไม่พูดอะไร แต่หลังจากที่เธอเห็นผลตรวจของกั่วกั่ว เธอก็พูดออกมาว่า “ลูกของคุณกำลังป่วยหนัก แต่คุณกลับไม่อยู่ข้างเขาในฐานะแม่ ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะมีลูกแล้ว คุณก็ควรรับผิดชอบเขาหน่อยนะคะ การแสดงและการมีชื่อเสียงมันสำคัญมากสำหรับคุณเหรอคะ”

 

 

ถังหนิงไม่เถียงกลับ เธอเพียงแต่ยอมรับการต่อว่าจากหมอถานและพูดอย่างอดทนว่า “หมอถานคะ ช่วยรักษากั่วกั่วด้วยนะคะ…”

 

 

“ถ้ามีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างคุณก็ช่วยเขาไม่ได้หรอกค่ะ”

 

 

ถังหนิงไม่พยายามอธิบายหรือพูดอะไรอีก เมื่อเห็นว่าโม่ถิงกำลังจะบันดาลโทสะ ถังหนิงก็รีบห้ามเข้าเอาไว้แล้วปลอบเขาอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

“ฉันคิดว่าในเวลาแบบนี้ หมอถานควรเก็บอารมณ์ส่วนตัวไว้นะคะ เพราะถึงอย่างไร ลูกชายฉันก็กำลังรอให้คุณช่วยอยู่”

 

 

“ในที่สุดคุณก็รู้แล้วเหรอคะว่าตัวเองมีลูก”

 

 

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ถังหนิงก็ไม่อ้อนวอนขอให้หมอถานช่วยอีกต่อไป หญิงสาวโทรหาซย่าอวี้หลิง เพราะในเวลาเช่นนี้ เธอนึกถึงถังอี้เฉินเป็นคนแรก “แม่คะ กั่วกั่วป่วย ช่วยติดต่อพี่สองให้หนูทีค่ะ หนูจะให้กั่วกั่วย้ายโรงพยาบาล”

 

 

ซย่าอวี้หลิงไม่รู้เลยว่ากั่วกั่วป่วยแค่ไหน ทันทีที่เธอได้ยินสิ่งที่ถังหนิงพูด เธอก็โทรศัพท์หาถังอี้เฉินทันที

 

 

“นี่คุณบ้าหรือเปล่า กั่วกั่วกำลังอยู่ในขีดอันตราย แต่คุณกลับจะย้ายเข้าไปโรงพยาบาลอื่นเนี่ยนะ” ถานซูหลิงวิจารณ์การตัดสินใจของทันที “คุณนี่ไม่สมควรเป็นแม่จริงๆ ด้วย”

 

 

ครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถหยุดโม่ถิงเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มโบกมือเรียกนางพยาบาลแล้วเอ่ยว่า “ไปเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาลมา”

 

 

นางพยาบาลคนนั้นขนลุกซู่ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นออร่าอันมืดมนบนใบหน้าของโม่ถิง ดังนั้นเธอจึงหมุนตัวแล้ววิ่งไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันที

 

 

“ถึงคุณจะเรียกผู้อำนวยการมา คุณก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าถังหนิงเป็นแม่ที่เลวร้ายไม่ได้หรอกนะคะ”

 

 

“คุณก้าวก่ายของคนอื่นมากเกินไปแล้ว!” โม่ถิงกล่าว “ถ้าคุณชอบตัดสินคนอื่นเขานักละก็ คุณก็ควรเลิกเป็นหมอแล้วไปเช็กสมองตัวเองก่อนนะครับ”

 

 

“คุณโม่ ระวังคำพูดของตัวเองด้วยค่ะ!”

 

 

โม่ถิงไม่พูดอะไรและไม่แยแสที่จะโต้ตอบเธอ ว่ากันตามจริงแล้ว คู่รักไม่เคยเจอหมอที่สอดรู้เช่นนี้มาก่อน

 

 

ไม่นานนัก ถังอี้เฉินก็มาถึงโรงพยาบาล แม้ถังหนิงจะแทบไม่ติดต่อเธอเลย พวกเขาก็ยังเป็นพี่น้องกันอยู่ ดังนั้นถังอี้เฉินจึงฉวยผลการตรวจของกั่วกั่วมาจากมือของถานซูหลิงแล้วกวาดตาอ่านมัน จากนั้นเธอก็พูดอย่างนิ่งๆ ว่า “ย้ายกั่วกั่วไปที่โรงพยาบาลของฉันได้เลย พี่เขยคะ ฉันรบกวนจัดการเรื่องนี้ด้วยนะคะ”

 

 

หลังจากโม่ถิงได้ยินเช่นนั้น เขาก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที

 

 

ครั้งนี้ ถานซูหลิงเอ่ยถามถังอี้เฉินว่า “คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกันคะ”