บทที่ 206 อยู่อาศัย

จางซิ่วเอ๋อไม่เข้าใจเอาเสียเลย

อย่างไรเสียนางก็เป็นหลานสาวของแม่เฒ่าจาง ต่อให้แม่เฒ่าจางไม่ถูกกับตน อย่างมากก็แค่ไม่ข้องแวะต่อกันจนตายก็จบ

หากแม่เฒ่าจางไม่มาหาเรื่องนาง นางก็ไม่สนใจจะไปหาเรื่องแม่เฒ่าจางหรอก

แม่เฒ่าจางว่างขนาดไหนเชียว ถึงคอยแต่หาวิธีเล่นงานตัวเอง?

เรื่องเห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิงพอเข้าใจได้ แต่การกระทำที่แทบจะทำให้หลานสาวตัวเองต้องตายนั้นจางซิ่วเอ๋อไม่เข้าใจเลยสักนิด

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเย็น ๆ อยู่ในใจ แม่เฒ่าจางไม่ให้นางได้อยู่อย่างสงบสุข ดังนั้นนางก็จะไม่ยอมให้แม่เฒ่าจางอยู่อย่างสงบสุขเช่นกัน

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่จางซิ่วเอ๋อลุกขึ้นจากเตียง นางก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวกำลังทำความสะอาดไก่ป่าและกระต่ายป่าอยู่ในลาน

จางซิ่วเอ๋อประหลาดใจนิดหน่อย “เจ้าไปขึ้นเขามาเหรอ?”

เนี่ยหย่วนเฉียวตอบยิ้ม ๆ “ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ตอนรุ่งสางข้าไปเดินเล่นแถวเชิงเขามา”

จางซิ่วเอ๋อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวท่าทางกระปรี้กระเปร่า ก็รู้ว่าเมื่อวานนี้เนี่ยหย่วนเฉียวไม่ได้ไปจากบ้านตัวเองจริง ๆ

“ข้าไม่ได้ขึ้นเขาจึงไม่มีเหยื่อขนาดใหญ่ ข้าเลยหาอาหารป่าง่าย ๆ มา อีกเดี๋ยวจะตุ๋นแกงให้เจ้าได้กินบำรุงร่างกาย” น้ำเสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวอ่อนโยนลง

จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างขัดเขิน “ทำแบบนั้นได้อย่างไรเล่า? ข้ารบกวนเจ้ามามากแล้ว จะกล้ากินของของเจ้าอีกได้อย่างไร?”

ทันใดนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวก็เงยหน้าขึ้น มองจางซิ่วเอ๋อพลางถาม “ถ้าเป็นการสะดวก ไม่ทราบว่าข้าขอพักอยู่ที่นี่สักพักได้หรือไม่”

จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียวอย่างแปลกใจ “นี่เจ้า…..”

เนี่ยหย่วนเฉียวหัวเราะ “เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่นำภยันตรายมาให้หรอก ข้าแค่ต้องการที่พำนักชั่วคราว ไม่มาอยู่บ้านของเจ้าเปล่า ๆ เหยื่อที่ข้าล่ามาได้ข้ายกให้เจ้าหมด เจ้าแค่ทำกับข้าวให้ข้าและเถี่ยเสวียนด้วยก็พอ”

จางซิ่วเอ๋อได้ยินถึงตรงนี้ก็นึกคล้อยตามจริง ๆ

เพราะนางพบว่าเหมือนก่อนหน้านี้เนี่ยหย่วนเฉียวก็เจอกับปัญหาบางอย่าง แต่ตอนนี้ดูท่าปัญหาพวกนั้นยังไม่มาหา

ปัญหาของนางนี่สิ…..ที่มาหานางได้ทุกเมื่อ

อย่างคนตระกูลเนี่ยเป็นต้น จางซิ่วเอ๋อรู้สึกมาตลอดว่าการที่ฮูหยินเนี่ยล้มไม่เป็นท่าในเรื่องของนางเช่นนี้ อีกฝ่ายต้องไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ใครจะรู้ว่านางเองจะโดนหาเรื่องเมื่อใด?

อย่างคราวก่อนตอนที่พวกแม่เฒ่าเหล่านั้นมา หากที่บ้านตัวเองมีผู้ชายที่พึ่งพาได้ นางก็คงไม่ถูกพาตัวไปโดยที่ทำอะไรไม่ได้

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าการให้เนี่ยหย่วนเฉียวอยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

ก่อนหน้านี้นางยังสงสัยในนิสัยของเนี่ยหย่วนเฉียวอยู่ แต่พอได้สมาคมด้วย จางซิ่วเอ๋อก็สัมผัสได้ว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นคนไม่เลว

พอได้อยู่ด้วยแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็วางใจในตัวเนี่ยหย่วนเฉียวขึ้นมาก

อีกอย่าง ต่อให้เนี่ยหย่วนเฉียวไม่อยู่ที่นี่ หากเนี่ยหย่วนเฉียวคิดจะทำร้ายพวกนางสองพี่น้อง นางก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี

หลังจากทบทวนดูแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ได้ แต่ข้าต้องซื้อเตียงเพิ่มอีกสองหลัง”

เนี่ยหย่วนเฉียวกลับยิ้มแล้วบอก “ไม่ต้องหรอก”

จางซิ่วเอ๋อสงสัยนิดหน่อย “พวกเจ้ายังจะนอนบนโต๊ะนั้นอีกเหรอ? โต๊ะนั่นผุพังมากแล้ว นอนเพียงครั้งสองครั้งยังพอได้ แต่ถ้าเจ้าและเถี่ยเสวียนต้องนอนบนโต๊ะนั้นตลอด โต๊ะได้พังไม่เกินสองวันแน่”

“ข้าหมายความว่าข้าต่อเตียงได้น่ะ” เนี่ยหย่วนเฉียวพูดประโยคที่ทำให้จางซิ่วเอ๋ออึ้งมาก

จางซิ่วเอ๋อมองเนี่ยหย่วนเฉียว นึกในใจว่ามีอะไรที่เนี่ยหย่วนเฉียวทำไม่ได้บ้าง

เขาทำงานช่างไม้ได้ด้วยหรือนี่?

“ข้าใช้ให้เถี่ยเสวียนไปซื้ออุปกรณ์มาอย่างสองอย่าง แล้วเอาผ้าห่มมาก็เพียงพอแล้ว” ดูเหมือนเนี่ยหย่วนเฉียวจะไตร่ตรองทุกอย่างไว้หมดแล้ว

ไม่จำเป็นต้องให้จางซิ่วเอ๋อดูแลอะไร จางซิ่วเอ๋อก็ยินดี แต่นางยังคงกำชับอย่างไม่วางใจ “แต่เจ้าก็รู้ว่าฐานะข้าเป็นเช่นไร…..หน้าบ้านแม่ม่ายเรื่องแยะ เราต่างรู้ดีว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ระหว่างกัน แต่คนอื่น ๆ อาจไม่รู้ ตอนที่พวกเจ้านำสิ่งของเข้ามา จงพยายามเลี่ยงผู้คนทั้งหลายด้วย”

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในศีลธรรมไม่ต้องกลัวอะไร แต่หากหลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากที่ไม่จำเป็นได้ก็ใช่ว่าจะไม่ดี

คนตระกูลเนี่ยกำลังเพ่งเล็งนางอยู่ ใครจะรู้ว่าพวกนั้นจะมาหาเรื่องนางที่นี่เพราะเรื่องนี้หรือเปล่า

เนี่ยหย่วนเฉียวพยักหน้า “อืม”

คำตอบของเนี่ยหย่วนเฉียวสั้นมาก ทว่าตั้งใจสุด ๆ เห็นได้ชัดว่าจำคำพูดของจางซิ่วเอ๋อใส่หัวแล้ว

เวลาเที่ยง เถี่ยเสวียนก็มาถึงและนำอุปกรณ์ง่าย ๆ มาด้วย

จางซิ่วเอ๋อเห็นของที่เถี่ยเสวียนนำมาด้วยแล้วก็มุมปากกระตุก ทำไมนางถึงรู้สึกว่าตัวเองหลงกลเข้าให้ล่ะ?

ก่อนที่เนี่ยหย่วนเฉียวจะถามนาง เขาคงตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ และได้เข้ามาอยู่ที่นี่แน่ ๆ ล่ะสิ

ไม่อย่างนั้นทำไมเถี่ยเสวียนถึงนำของพวกนี้มาได้

คงจะเป็นเพราะเนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนได้พบกันเมื่อเช้านี้

จางซิ่วเอ๋อปากกระตุกขณะมองเนี่ยหย่วนเฉียวกับเถี่ยเสวียนที่หาวัตถุดิบจากที่แห่งนี้ พวกเขานำไม้มาและเริ่มทำเตียงไม้

ทั้งสองกระทำการอย่างกระฉับกระเฉง จัดการได้อย่างรวดเร็ว

เตียงไม้นี้ยังชื้นอยู่นิดหน่อย ดังนั้นตอนกลางคืนเถี่ยเสวียนจึงออกไปอีกรอบ นำผ้าห่มผืนหนาที่กันชื้นได้กลับมาสองผืน

และด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ

เถี่ยเสวียนก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายของตัวเองถึงละที่ใกล้มาอยู่ที่ไกลอย่างบ้านจางซิ่วเอ๋อ แม้ว่ากับข้าวที่จางซิ่วเอ๋อทำนั้นจะอร่อยมาก แต่การอาศัยที่นี่ยุ่งยากอยู่นิดหน่อยเวลาต้องออกไปข้างนอก

แต่พอนึกถึงความสัมพันธ์พิเศษของจางซิ่วเอ๋อและเจ้านายของตัวเอง เถี่ยเสวียนก็พอเข้าใจได้นิดหน่อย

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อจะเป็นภรรยาที่แก้ชงให้คุณชายตัวเอง

เถี่ยเสวียนออกจะคิดไม่ตก ก่อนหน้านี้คุณชายตัวเองต่อต้านเรื่องแก้ชงมาก พอตอนนี้รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นใครแล้วเจ้านายตัวเองกลับติดนางหนึบ ไม่ได้รีบหนีไปให้ไกล

สรุปก็คือ เถี่ยเสวียนรู้สึกว่าหลังจากเจ้านายได้พบจางซิ่วเอ๋อแล้วก็เริ่มไม่เหมือนเจ้านายในเมื่อก่อน

ตอนนั้นเป็นเพราะยังไม่รู้ฐานะภรรยาแก้ชงของจางซิ่วเอ๋อ หลังจากรู้แล้วก็ยิ่งเป็นไปใหญ่

เถี่ยเสวียนคิดมานานมากก็ยังไม่เข้าใจ จึงไม่เอาความอะไรอีก

อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงคนติดตาม แค่รู้ว่าคุณชายตัวเองสั่งอะไรตัวเองก็ทำตามนั้นก็พอ ส่วนเรื่องอื่นเขาไม่สน

สองวันหลังจากนั้น สิ่งที่จางซิ่วเอ๋อต้องทำก็คือรักษาตัวอยู่ในห้อง

บาดแผลของนางไม่สาหัส แต่ก็เนื้อหนังถลอกปอกเปิกอยู่ดี หากไปแตะโดนแผลเข้าต้องเป็นแผลเป็นแน่

ถึงอย่างไรจางซิ่วเอ๋อก็เป็นเด็กผู้หญิง ไม่ว่าอีกหน่อยจะแต่งงานหรือไม่ นางก็ใส่ใจเรื่องนี้มาก ถึงอย่างไรการมีแผลเป็นบนตัวก็เหมือนกับการย้ำเตือนนางถึงประสบการณ์ไม่ดีนี้อยู่ตลอดเวลา

นางนอนไม่หลับ จึงอยากลุกออกไปเดินเล่น

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

จากภรรยาแก้ชงจะกลายเป็นภรรยาตัวจริงแล้วนะเนี่ย ตอนนี้มันช่างเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจเหลือเกิน

ไหหม่า(海馬)