บทที่ 170 อาหารพื้นเมืองของเผ่ามนุษย์อสรพิษ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

เสียงของปู้ฟางไม่ได้ดัง และเกือบถูกกลืนหายไปด้วยเสียงคำรามของอสูรเวทที่อยู่ล้อมรอบ

ในตอนแรกผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้มองปู้ฟาง หรือจะพูดให้ถูกคือเขาเมินชายหนุ่มไปโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการนั้นไม่มีค่ามากพอที่จะทำให้เขาสนใจ เขาคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงคนรับใช้ของอู๋อวิ๋นไป่เท่านั้น

แต่เมื่อชายหนุ่มพูดประโยคนั้นออกมา ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดก็แข็งทื่อไปทันที ส่วนใบหน้าของอู๋อวิ๋นไป่ก็ชะงักงันไปชั่วขณะเช่นกัน เมื่อพวกเขาหันกลับไปมองชายหนุ่ม ก็เห็นได้จากสีหน้าว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด ต่างคนต่างอึ้งจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

หมอนี่มาขายขำเล่นหรือ ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการต้องการสมุนไพรระดับเจ็ดอย่างดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง ทำไมไม่ไหว้ขอเอาจากดวงจันทร์ไปเลยเล่า!

ใบหน้าของอู๋อวิ๋นไป่ดูประหลาดเป็นอันมาก นางไม่ได้คาดคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะมาพ่นอะไรไม่เข้าท่าเช่นนี้ เขาไม่เห็นหรือว่ามีผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสองคนปกป้องดอกบัวอยู่ แถมยังมีงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬคอยจ้องตะครุบอยู่ข้างนอกอีก… เอาความกล้าในการพูดอะไรบ้าบอคอแตกเช่นนี้มาจากไหนกัน

“คนรับใช้เจ้าล้อเล่นไม่เข้าท่า… ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไปแล้ว ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนี้สำคัญกับเผ่าของเราเป็นอันมาก หากเจ้าอยากได้สมุนไพรระดับหกชนิดใดก็นำไปได้ ข้ายินดีมอบให้ แต่หากดึงดันว่าต้องการดอกบัวละก็… ข้อตกลงของเราเป็นอันจบ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดพร้อมโบกสะบัดหางเล็กน้อย

“คนรับใช้รึ” อู๋อวิ๋นไป่กะพริบตาปริบๆ “ดูเหมือนว่าพวกนี้จะเข้าใจตัวตนของหมอนี่ผิดไป…” นางคิด

ปู้ฟางขมวดคิ้ว จากคำตอบของผู้อาวุโสสูงสุด ดูเหมือนว่าพวกนี้จะไม่ยอมให้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งตกอยู่ในมือคนอื่นอย่างแน่นอน เรื่องนี้คงกลายเป็นงานช้างเสียแล้ว

จากสมุนไพรทั้งหมดที่ปู้ฟางเจอ ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการหมักสุราชนิดใหม่ เนื่องจากเป็นสมุนไพรพลังปราณคุณภาพเยี่ยมที่เทียบชั้นได้กับสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงและผลตื่นรู้ทางสามสาย ชายหนุ่มจึงรู้สึกลังเลที่จะยอมแพ้ไปง่ายๆ

แต่ปู้ฟางก็รู้ดีว่าผู้อาวุโสสูงสุดคงไม่มีทางยื่นสมุนไพรระดับเจ็ดที่ทรงคุณค่าเช่นนี้ให้เขาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงยังคิดสะระตะหาวิธีนำดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งมาครอบครองต่อไป

“ความต้องการครอบครองดอกบัวของเผ่ามนุษย์อสรพิษมีมากเกินไป ดูไม่ปกติ หรือว่า… จะมีเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลังกันแน่”

ชายหนุ่มหรี่ตาและคิดอยู่สักพัก แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าเหตุผลนั้นจะเป็นอะไรไปได้

งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬขดตัวเป็นก้อนเฝ้าสวนสมุนไพร เพื่อรอจังหวะให้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งบานเต็มที่

ชั่วลมหายใจที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งเบ่งบานเต็มที่ งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬจะเปิดฉากโจมตีอย่างแน่นอน

รอบตัวงูเหลือมทมิฬมีฝูงอสูรเวทรวมตัวอยู่อย่างหนาแน่น อสูรเวทเหล่านี้หน้าตาแตกต่างกันไป บางตัวก็น่าเกลียดอัปลักษณ์ ส่วนบางตัวก็สวยงามน่ามอง ทุกตัวกำลังนอนหมอบอยู่ข้างๆ งูเหลือมยักษ์พลางรอคอยอย่างเงียบๆ

เมื่องูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬเปิดฉากโจมตี พวกนั้นก็จะบุกตามเพื่อทำลายเผ่าพันธุ์นี้ให้สิ้นซาก

การรอคอยดำเนินไปสักพัก ดวงจันทร์เสี้ยวสองดวงโผล่พ้นเมฆทอแสงเย็นสู่พื้นดิน แสงจันทร์สีเงินส่องสะท้อนเกล็ดของงูเหลือมทมิฬจนมันเรืองแสงประหลาดดูขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

“ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วยามกว่าดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งจะบานเต็มที่ ทุกคนจงตามข้ามาที่เผ่าเพื่อกินข้าวกินปลากันก่อนเถอะ” ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ย

อู๋อวิ๋นไป่เลิกคิ้ว จากนั้นก็พยักหน้าแล้วเดินไปยังที่ตั้งเผ่าพร้อมผู้ติดตามทั้งสองคน

ปู้ฟางยังคงเหม่ออยู่ เขากำลังคิดหาวิธีนำดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งมาเป็นของตน แต่ก็ต้องตื่นจากภวังก์เมื่ออู๋อวิ๋นไป่ตบบ่าเขาเบาๆ

“ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามนุษย์อสรพิษเชิญเราไปกินอาหาร ข้าไม่เคยกินอาหารพื้นเมืองของเผ่ามนุษย์อสรพิษมาก่อน ไปด้วยกันเถิด” อู๋อวิ๋นไป่เอ่ย

ปู้ฟางประหลาดใจอยู่สักพัก ก่อนสมองจะเริ่มทำงาน อาหารพื้นเมืองของเผ่ามนุษย์อสรพิษหรือ ตอนแรกเขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็พยักหน้านิดๆ ตอบรับ

เหล่านักรบของชนเผ่านำทางโดยเลื้อย ไปข้างหน้าช้าๆ

ส่วนปู้ฟางก็เดินตามไปพร้อมคณะของอู๋อวิ๋นไป่ พวกเขาเดินไปตามทางที่มีบ้านเรือนสร้างอย่างหยาบๆ เรียงรายอยู่สองข้างทาง

ปู้ฟางไม่ได้ใส่ใจสภาพของบ้านเรือนนัก เขามองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องชีวิตความเป็นอยู่แบบชนเผ่ามากนัก โดยเฉพาะชนเผ่าที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ความไม่รู้นี่เองที่ทำให้เขาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ

แม้ที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์อสรพิษจะไม่ใหญ่มาก แต่บ้านทุกหลังก็ผ่านการปรับปรุงมาหลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้ออกมามีขนาดและหน้าตาเช่นนี้

เหนือประตูทางเข้าของบ้านแต่ละหลังมีแถวปลาแห้งห้อยอยู่ ความชื้นในปลาเหือดหายไปหมดสิ้น เนื่องจากถูกวางตากลมตากแดดอยู่เป็นเวลานาน ทำให้สามารถเก็บไว้กินได้นาน

ไม่ใช่แค่ปลาเท่านั้นที่ถูกนำมาตากแห้ง ชายหนุ่มเห็นเนื้อและผลไม้ห้อยอยู่เช่นกัน

ด้วยความที่ที่แห่งนี้เป็นหนองน้ำชื้นแฉะ จึงทำให้อาหารเน่าเสียง่ายขึ้น สภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบากทำให้มนุษย์อสรพิษคิดค้นวิธีการเก็บรักษาอาหารอย่างง่ายขึ้นมา

หลังจากที่เดินอยู่สักพัก พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาเข้าจมูก กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นอาหารที่แสนคุ้นเคย

ขณะนี้ทุกคนเดินมาถึงลานเปิดโล่ง มนุษย์อสรพิษหุ่นอวบอัดตนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กำลังใช้ตะหลิวโลหะคนของที่อยู่ในกระทะก้นลึกสีดำขนาดใหญ่ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากกระทะดังกล่าว

“เผ่าของเรามีขนาดเล็ก อาจจะรับรองแขกบ้านแขกเมืองได้ไม่ดีนัก ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วย” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดกับอู๋อวิ๋นไป่

อู๋อวิ๋นไป่ผสานฝ่ามือและกำปั้นคารวะตอบ ดวงตาของนางจับจ้องไปที่กระทะก้นลึกสีดำขนาดใหญ่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ นางอยากรู้มากว่ามนุษย์อสรพิษกินอาหารแบบใดกันแน่

การตามล่าหาวัตถุดิบไม่ใช่ปัญหาเนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ในหนองน้ำปราณมายา แต่ทักษะการทำอาหารของมนุษย์อสรพิษอาจเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ เนื่องจากพวกเขาหมดเวลาส่วนมากไปกับการต่อสู้เอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมโหดร้ายของหนองน้ำ จึงไม่น่าจะมีเวลาศึกษาค้นคว้าวิธีการทำอาหารได้ลึกซึ้งแบบเดียวกับมนุษย์

“เชิญกินได้ นี่คือน้ำแกงปลาฝีมือแม่ครัวอันดับหนึ่งของชนเผ่าเรา ในหนองน้ำปราณมายานี้ไม่มีอะไรให้กินมากนักนอกจากปลาชนิดนี้ ปลาชนิดนี้พบได้ในแอ่งน้ำทั่วไป แต่อย่าประเมินมันต่ำไปเชียว อย่างไรเสียมันก็มีรสชาติที่อร่อยหาได้ยาก” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นข้ารับใช้ก็นำชามกระเบื้องออกมาวางให้เบื้องหน้าคณะของอู๋อวิ๋นไป่

ปู้ฟางเองก็ได้รับน้ำแกงปลาชามหนึ่งเช่นกัน เขารับชามน้ำแกงปลาอุ่นๆ ไว้ด้วยฝ่ามือ สีหน้าดูประหลาดชอบกลทันที

น้ำแกงปลาเช่นนั้นรึ พวกนี้นำน้ำแกงปลามาให้เขากินเนี่ยนะ…

แน่นอนว่าปู้ฟางรู้วิธีการทำน้ำแกงปลาอย่างทะลุปรุโปร่ง น้ำแกงเต้าหู้หัวปลาของเขาเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้ามากหน้าหลายตา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ชิมน้ำแกงปลาของมนุษย์อสรพิษ ถือเป็นโอกาสที่ชายหนุ่มจะได้ลองอะไรใหม่ๆ

“วัตถุดิบหลักของอาหารจานนี้เป็นอสูรเวทระดับต่ำ แต่ก็มีข้อดีอยู่ เนื่องจากหลายคนในเผ่าของเราสามารถจับมันได้” ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ย

น้ำแกงปลานี้เป็นอาหารหลักในวัฒนธรรมของพวกเขา การปลูกพืชผักในหนองน้ำนั้นทำไม่ได้ ปลาชนิดนี้จึงเป็นวัตถุดิบที่พบเห็นได้บนโต๊ะอาหารทั่วไป…

อู๋อวิ๋นไป่ถือชามน้ำแกงปลาอยู่ในมือเช่นกัน น้ำแกงนั้นมีสีขาวเล็กน้อย ถึงน้ำจะไม่ใสแจ๋วแต่กลิ่นจัดว่าหอมใช้ได้ โดยรวมแล้วหน้าตาน่ากินเลยทีเดียว

มนุษย์อสรพิษหลายตนที่นั่งอยู่รอบๆ ต่างก็ถือชามกระเบื้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พวกเขามั่นใจในน้ำแกงปลานี้เป็นอันมาก เนื่องจากเป็นอาหารที่คิดค้นขึ้นมาเอง! รับรองว่าสยบต่อมรับรสของมนุษย์พวกนี้ได้อย่างแน่นอน

อู๋อวิ๋นไป่ซดน้ำแกงปลาที่ร้อนเล็กน้อยเข้าไปเต็มๆ รสชาติเข้มข้นกระจายตัวไปทั่วปาก ทำให้จิตใจของนางสั่นไหว

“ไม่เลวเลย รสชาติอร่อยมาก! อร่อยกว่าน้ำแกงปลาทั่วไปที่พ่อครัวมนุษย์ทำเสียอีก ทั้งสดใหม่และหอมหวานชวนกิน” อู๋อวิ๋นไป่ชื่นชมด้วยความจริงใจ จากนั้นก็ซดน้ำแกงต่ออีกสองสามอึก

เหล่ามนุษย์อสรพิษต่างระเบิดหัวเราะออกมาทันที ความจริงที่ว่าพวกเขาทำให้มนุษย์เหล่านี้ยอมรับในรสชาติอาหารฝีมือพวกเขาได้ นับเป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขไม่น้อย

การที่น้ำแกงปลาประจำเผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้รับการยอมรับถือเป็นเรื่องน่ายินดี แม้เผ่าพันธุ์ของทั้งสองฝ่ายจะต่างกันก็ตาม

แต่ตอนที่ทุกคนกำลังซดน้ำแกงและชื่นชมกับรสชาติแสนอร่อยกันอยู่นั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจก็ดังขึ้น “เรียกนี่ว่าน้ำแกงปลาหรือ ยังเอากลิ่นคาวปลาออกไม่หมดด้วยซ้ำ แถมรสชาติก็ห่วยแตกสิ้นดี เสียวัตถุดิบไปเปล่าๆ”

ทุกคนพลันชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่มนุษย์อสรพิษหุ่นนาฬิกาทรายที่กำลังทำน้ำแกงปลาอยู่ก็ยังสะดุ้งตกใจ

พวกเขาหันไปมองต้นตอของเสียง แล้วก็เห็นว่าปู้ฟางกำลังถุยน้ำแกงปลาออกจากปาก ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…

ใบหน้าของชายหนุ่มย่นยู่เข้าหากันเหมือนกระดาษโดนขยำ แสดงความรู้สึกขยะแขยงจนมนุษย์อสรพิษหลายตนเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตตนเอง… น้ำแกงปลานี้รสชาติแย่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ