อันหลินก็เห็นผลึกหินที่แตกร้าวแล้วเช่นกัน เขายืนอึ้งอยู่กับที่
เขาเป็นคนทำเหรอ เหมือนจะเป็นฝีมือเขา…
แต่ทำไมถึงแตกล่ะ ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่มีทางแตกไม่ใช่เหรอ!
จากนั้นเขาก็เห็นเจียงหย่าหนานที่น้ำตารื้นขอบตา ในใจก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา เอ่ยปากขอโทษว่า “ขอโทษนะสหายเจียงหย่าหนาน ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่คิดว่าจิตแห่งกระบี่แก่กล้าเกินไปจะทำให้เกิดผลเช่นนี้…”
เจียงหย่าหนานที่เจียนจะสติแตกเกือบจะกระอักเลือด เมื่อได้ยินคำขอโทษของอันหลิน
ในลานประลองยุทธ์ เหล่าลูกศิษย์ราชนิกุลต่างก็ได้สติ กระจ่างใจโดยพลัน ที่แท้ก็เพราะจิตแห่งกระบี่ยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้ผลึกหินประชันความคิดแตกร้าว!
ซูซิ่นเองก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด คล้ายว่าจะมีเพียงวิธีนี้ จึงจะทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กระจ่างได้
เพียงแต่ว่า จิตแห่งกระบี่ของเจียงหย่าหนานไม่ได้ทำให้ผลึกหินแตก แต่เป็นจิตแห่งกระบี่ของอันหลินกลับทำให้มันแตกร้าว นั่นหมายความว่า ผู้ชนะในสงครามครั้งนี้คือ…อันหลินงั้นหรือ!
เจียงหย่าหนานเองก็ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน
เหตุการณ์เริ่มเหนือการควบคุมแล้ว มวลชนในลานประลองยุทธ์พากันวิจารณ์กันเกรียวกราว
ลูกศิษย์ราชวงศ์ชิงมู่บางคนมองอันหลินอย่างอิจฉา ราวกับกำลังเห็นการกำเนิดของตำนานใหม่ประจักษ์แก่ตา
บางคนถึงขั้นจ้องเจียงหย่าหนานด้วยสายตาเคลือบแคลง สงสัยว่านี่เป็นตัวปลอม…
เจียงหย่าหนานที่ไม่เคยพ่ายแพ้ หาได้เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
หรือเขาจะแพ้ให้กับนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณคนแปลกหน้าที่เพียงผ่านมาคนนี้จริงๆ
หากเรื่องนี้กระจายออกไป เทพเจียงอย่างเขาจะอยู่อย่างไร!
จะ…จะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้!
เจียงหย่าหนานสูดลมหายใจเข้าลึก ใบหน้าเผยรอยยิ้มอบอุ่นดุจอาบสายลมยามวสันต์อีกครั้ง พูดเสียงอ่อนโยนกับอันหลินว่า “สหายอันหลินไม่ต้องขอโทษ จะว่าไปนี่เป็นความผิดของข้าเอง ผลึกหินประชันความคิดขาดการซ่อมแซมมานาน อันที่จริงแบกรับไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาต้องถอดถอนแล้ว”
อันหลินกะพริบตาปริบๆ “เป็นเช่นนี้เองหรือ”
เจียงหย่าหนานพูดเสียงนุ่มว่า “แน่นอน รู้ไหมว่าทำไมตอนสู้ข้าไม่กล้าทุ่มสุดแรง เพราะกลัวมันจะแตกนี่แหละ!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ใช้หมัดกระแทกผลึกหินประชันความคิด
*เพล้ง!*ผลึกหินแตกละเอียด กลายเป็นเศษชิ้นส่วนที่ส่องแสงสีขาวระยิบระยับ
เศษผลึกหินกระจายเต็มพื้น ใจของเขาก็แหลกสลายตามไปด้วย…
“เจ้าดูสิ มันเสื่อมสภาพนานแล้ว…”
“ศึกนี้ถือว่าเราเสมอแล้วกัน วันหลังเราค่อยประลองตัดสินกันอีก!”
เจียงหย่าหนานฝืนยิ้มแล้วพูดกับอันหลิน
อันหลินชี้ผลึกหินที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น “หมายความว่า…ข้าไม่ต้องชดใช้อะไรให้ท่านใช่ไหม”
เมื่อเจียงหย่าหนานได้ฟัง ความเศร้าในใจก็ตีตื้นขึ้นมาราวกับสายน้ำไหลทวน แต่ใบหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “สหายอันหลินพูดเป็นเล่นไป นี่เป็นความผิดของข้า จะให้เจ้าชดใช้ได้อย่างไร”
อันหลินมองเจียงหย่าหนานอย่างซึ้งใจ “สหายเจียงช่างเป็นคนดีจริงๆ!”
เหล่าลูกศิษย์ในลานประลองยุทธ์ก็เข้าใจทันทีว่า แท้จริงแล้วทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของผลึกหิน ทำให้เจียงหย่าหนานไม่กล้าทุ่มสุดตัว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ตัดสินว่าตัวเองกับอันหลินเสมอกันอยู่ดี
สมกับเป็นเซียนกระบี่อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อซิง ช่างเป็นคนที่ยึดมั่นในคุณธรรมจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ เจียงหย่าหนานจึงได้รับสายตาชื่นชมจากทุกคนอีกครั้ง
เขายื่นมือไพล่หลังท่ามกลางฝูงชน ใบหน้ามีรอยยิ้มละมุนดั่งอาบสายลมวสันต์ประดับอยู่
ไม่รู้ว่าลมโชยมาจากแห่งหนใด พัดผมยาวขาวดุจหิมะของเขาให้ปลิวไสว สง่าผ่าเผย โดดเด่น
การประชันจิตแห่งกระบี่ครั้งนี้ สุดท้ายกลายเป็นคำชื่นชมกระฉ่อนไปทั่วแคว้นจื่อซิง ‘อันหลิน เซียนกระบี่รุ่นใหม่ถือกำเนิด เจียงหย่าหนาน เซียนกระบี่อันดับหนึ่งถ่ายทอดวิชา ทั้งมรรควิถีและเพลงกระบี่!’
อันหลินจึงถูกเจียงหย่าหนานเชิญลงไปด้วยประการละฉะนี้
แม้เจียงหย่าหนานจะเจ็บปวดใจ แต่การถ่ายทอดวิชาต้องดำเนินต่อไป จึงบรรยายเรื่องการขัดเกลาจิตแห่งกระบี่และทักษะการใช้บนเวทีต่อไป
ให้ชี้แนะอันหลินที่นี่หรือ หากอันหลินเป็นนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณทั่วไป เขาอาจจะทำ แต่ตอนนี้ เขาไม่มีหน้าทำเรื่องแบบนี้แล้วจริงๆ
อันหลินกลับมาหาซูเฉี่ยนอวิ๋น ถอนหายใจเบาๆ
ในการเป็นคนเดินถนนครั้งนี้ช่างผันผวนเหลือเกิน เล่นสนุกเกินไป ทำผลึกหินประชันความคิดพัง คิดว่าต้องชดใช้ด้วยหินวิญญาณแล้วเสียอีก
โชคดีที่เจียงหย่าหนานเป็นคนดีที่มีเหตุผล…
เพียงแค่ประการนี้ ความประทับใจที่อันหลินมีต่อเขาก็นับว่าไม่เลวมากแล้ว!
“สหายอันหลิน เพลงกระบี่ของเจ้าสุดยอดไปเลย ต่อไปหากข้าพบเจอปัญหาที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับมรรคแห่งกระบี่ มาสอบถามเจ้าได้ใช่ไหม” เสียงอ่อนหวานกระทบโสตประสาทอีกครั้ง ชวนให้ใจอ่อนยวบผ่อนคลาย
อันหลินมองซูเฉี่ยนอวิ๋น เห็นใบหน้าที่งดงามจนแทบหยุดหายใจแสดงอาการนับถือชื่นชม นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสเย้ายวนกำลังจดจ้องมาที่ตน
คุณพระ…ทั้งสวยทั้งน่ารัก!
อันหลินหน้าขึ้นสี เบนสายตามองที่อื่น เกาหัวยิ้มอย่างเขินอาย “แหะๆ มาถามข้าได้อยู่แล้ว ระหว่างเพื่อนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว…”
อดพูดไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่ถูกนับถือในฐานะของเซียนกระบี่ มันสะใจจริงๆ!
เขาปลื้มใจมากที่เพลงกระบี่ของตนประสบผลสำเร็จ ยังดีที่กระบวนท่าของระบบไม่ใช่จำพวกอิฐทั้งหกแห่งกระบี่เทพสงคราม ไม่อย่างนั้นความรู้สึกสะใจแบบนั้นคงจะลดลงมากโขแน่ๆ
ตัวอย่างเช่น เป็นไปได้สูงว่าบทสนทนาของซูเฉี่ยนอวิ๋นอาจกลายเป็น ‘สหายอันหลิน อิฐของเจ้าสุดยอดไปเลย ต่อไปหากข้าอยากย้ายอิฐ มาขอคำแนะนำจากเจ้าได้ใช่ไหมว่า ควรจะใช้อิฐทุบท้ายทอยผู้อื่นอย่างไร’
ดูสิ…ความรู้สึกสะใจ ความเท่ ลดลงหลายระดับภายในพริบตาเลยใช่ไหมล่ะ!
ขณะที่เขากำลังกระดากอาย ซ้ำยังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่นั้น ซูซิ่นก็เดินเข้ามาเช่นกัน “สหายอันหลินเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ชัดๆ ระดับความลึกซึ้งของมรรคแห่งกระบี่ทำให้ข้านับถือจริงๆ!”
“หามิได้ๆ สหายซูซิ่นพูดเกินไปแล้ว…” อันหลินโบกมืออย่างเขินอาย
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงโผล่เข้ามาในสมองของเขา ‘สหายอันหลิน ข้ามีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวหน่อย’
เสียงนี้เป็นกระแสจิตของซูซิ่น ถูกส่งเข้ามาในสมองของเขา
อันหลินได้ยินดังนั้นก็กังวลในใจ ไม่เข้าใจว่ามีธุระอะไรต้องคุยกันอย่างลับๆ ล่อๆ แต่เขาก็พยักหน้า ส่งกระแสจิตตอบไปอยู่ดีว่า ‘สหายซูซิ่นว่ามาได้เลย’
‘สหายอันหลินค่อนข้างสนิทกับอวิ๋นเลอใช่หรือไม่ ในความทรงจำของข้า นางแทบจะไม่เคยปฏิสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าอื่นเลย ยิ่งไม่มีทางพาเข้าวังด้วยตัวเอง’ เสียงราบเรียบของซูซิ่นดังขึ้นอีกครั้ง
อันหลินได้ยินก็ตกใจ
หรือซูซิ่นตั้งใจจะมาตักเตือนเขา
หรือว่า…นี่เป็นการไต่สวนของพี่ชาย
ชั่ววินาทีที่ใช้ความคิด เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ส่งกระแสตอบกลับอย่างซื่อตรงว่า ‘อืม ข้ากับนางถือว่าเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกันกระมัง’
เสียงของซูซิ่นดังขึ้นมาอีกครั้ง ‘แล้วเจ้าอยากจีบนางไหม’
อันหลินได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งโหยง
บัดซบ! ช่างเป็นคำถามที่เถรตรงเหลือเกิน อ้อมหน่อยไม่ได้เหรอ!
แน่นอนว่าเขาตอบตามจริงว่า ‘ไม่อยาก! ข้ากับนางเป็นแค่เพื่อนกัน!’
พวกหวงน้องสาวเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก หากว่าตอบ ‘อยากจีบ’ อันหลินคิดว่าตัวเองไม่ได้ออกจากวังชิงมู่แน่ อาจจะกลายเป็นก้อนโคลน หล่อเลี้ยงสรรพสิ่งก็ได้
‘อืม…เจ้าจะลองใคร่ครวญดูอีกทีไหม หากพูดถึงภาพลักษณ์ อวิ๋นเล่อไม่มีผู้ใดเทียบใดแน่นอน พูดถึงสติปัญญา นางเคยได้รับการยอมรับจากผู้เที่ยงแท้ แถมยังไร้เดียงสาใจดีถึงเพียงนี้ สตรีที่ดีเช่นนี้…จะไปหาที่ใด’ เสียงของซูซิ่นดังขึ้นอีกครั้ง
‘อืม ไม่ต้องห่วง ข้าไม่จีบหรอก…เดี๋ยวนะ!’ อันหลินพูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็เบิกตากว้าง ลูบใบหูเล็กน้อย จากนั้นก็จ้องซูซิ่นอึ้งๆ
นี่…เขาฟังผิดไปเหรอ
ทำไมรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติไป…
‘สหายซูซิ่น…เจ้าหมายความว่า…อยากให้ข้าจีบน้องสาวเจ้าหรือ’ อันหลินหายใจถี่กระชั้น พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
ซูซิ่นยิ้มบางๆ ‘ใช่แล้ว จีบหรือไม่ ถ้าจีบ…ข้าช่วยเจ้าได้’
จะเป็นฝ่ายช่วยด้วยงั้นเหรอ อันหลินตัวเซเมื่อได้ยิน
สุดยอดไปเลยพี่เรา! …ถุย! สุดยอดไปเลยพี่ชายซูเฉี่ยนอวิ๋น!