ตอนที่ 341 ของขวัญที่มอบให้ฟังจือหัน / ตอนที่ 342 ใช้เนคไทมันฟังจือหันเอาไว้

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 341 ของขวัญที่มอบให้ฟังจือหัน

 

 

ห้องอาหารโทนสีขาวนวลสดใหม่สไตล์หยาบเหมาะสมน่ายินดี

 

 

ภายในห้องส่วนตัวสบายงดงาม โคมไฟระย้าหินอ่อนสีดำกับคริสตัลเติมเต็มซึ่งกันและกัน อีกทั้งชัดเจนถึงความหรูหราสง่างามในแบบหนึ่ง

 

 

อีกสามวันก็จะถึงวันงานแต่งงาน ตอนที่ตกลงเรื่องการแต่งงานหลินจยาอวี่ให้คำมั่นหนักแน่นคิดว่าจะไม่ให้ได้รับผลกระทบ แต่ยิ่งงานแต่งงานใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอกลับรู้สึกสับสนและอยากหลบหนีไปอย่างบอกไม่ถูก

 

 

อวี๋กานกานยิ้มบางๆ อธิบายสถานการณ์ที่หลินจยาอวี่เป็นในตอนนี้ “นี่เธอกำลังกลัวการแต่งงาน”

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ฉันก็แค่แต่งงานตามข้อตกลง จะกลัวการแต่งงานได้ยังไง”

 

 

อวี๋กานกานปลอบใจเธอ “แม้เป็นแค่การแต่งงานตามข้อตกลง แต่พวกคุณก็แต่งจริง สร้างครอบครัวมาจริง แล้วผู้หลักผู้ใหญ่ไม่รู้ ดังนั้นพิธีรีตองในงานแต่ง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในพิธีแต่งงานต่างก็หลักดลี่ยงไม่ได้ พอสะสมมาทีละนิดจนเป็นความกดดัน พอกดดันเกินไปคุณก็จะหวาดกลัว อาจจะวิตกกังวลและอยากหลบหนีจากสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องกังวล พองานแต่งงานผ่านไปก็จะดีขึ้น”

 

 

เธอวางตะเกียบในมือลง หยิบทิชชู่มาเช็ดปากแล้วเอ่ยถามอีก “หลังจากแต่งงานเธอจะอยู่ที่เมืองหลวงหรือว่ากลับไป๋หยาง”

 

 

หลินจยาอวี่ส่ายหน้า “ฉันน่าจะไม่กลับไปชั่วคราว เธอวางแผนว่าหลังจบงานแต่งกลับไปพร้อมกับฟังจือหันไหม”

 

 

หลังจบงานแต่งงานอวี๋กานกานจะกลับไปที่เมืองไป๋หยางแน่นอนอยู่แล้ว

 

 

ส่วนฟังจือหันจะกลับไปพร้อมกับเธอด้วยหรือไม่ เธอไม่รู้เลย

 

 

“น่าจะไม่ไปด้วย เขายังมีเรื่องต้องทำ…” ปู่เจียงยกตระกูลเจียงให้กับฟังจือหันแล้ว เขาเองน่าจะยุ่งมาก

 

 

“งั้นเธอไม่อยู่เมืองหลวงนานอีกหน่อยล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานคิดครู่หนึ่งแล้วก็ปฏิเสธทันที

 

 

เธอออกมาได้เดือนหนึ่งแล้วก็เหมือนถนนหนานเจิ้นขาดแล้ว แต่ก่อนหน้านี้อวี้หมิงถางยังคงต้องเปิดทำการปกติ

 

 

หลังจากกินอาหารแล้วหลินจยาอวี่กับอวี๋กานกานไปที่ห้างสรรพสินค้าด้านข้าง

 

 

เดินผ่านร้านหนึ่งซึ่งเป็นสาขาแยก หลินจยาอวี่จูงมืออวี๋กานกานเดินเข้าไป พอเดินไปถึงโซนเสื้อผ้าผู้ชาย สายตาของอวี๋กานกานก็จับอยู่ที่เนคไทเส้นหนึ่ง

 

 

เนคไทเส้นนี้ดูสวยแบบย้อนยุค ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เรียบๆ แต่ก็ไม่ได้สูญเสียความเป็นแฟชั่นของวัยรุ่นไป อวี๋กานกานเห็นในแวบแรกก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับฟังจือหันมาก

 

 

พนักงานขายเดินเข้ามา เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ เนคไทเส้นนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดของร้านเรา”

 

 

หลินจยาอวี่ก็มองพร้อมกับเอ่ยถามอวี๋กานกาน “เธออยากจะซื้อเนคไทเส้นนี้ให้สามีเธอเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานใจจริงอยากจะซื้อมันมา หลังจากนั้นก็มอบให้ฟังจือหัน ขอบคุณสำหรับที่พักชั่วคราว และคิดว่าเนคไทเส้นนี้อยู่บนตัวเขาที่สุขุม หล่อเหลาจะต้องขับเสน่ห์เหลือล้นออกมามากยิ่งขึ้น

 

 

แต่ว่าเธอไม่เคยซื้อเนคไทให้กับผู้ชายมาก่อน ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะหรือไม่เหมาะจึงเอ่ยถามหลินจยาอวี่ “เธอคิดว่าเหมาะกับเขาไหม”

 

 

หลินจยาอวี่เอียงคอน้อยๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เนคไทเส้นนี้ไม่ว่าจะเป็นแบบ สีหรือเกรดก็เหมาะแก่การเป็นของขวัญมาก”

 

 

“งั้นช่วยห่อให้ฉันด้วยค่ะ”

 

 

หลังจากพูดประโยคนี้จบ อวี๋กานกานจึงนึกถึงคำว่าลิมิเต็ดสามพยางค์นี้ขึ้นมาได้ รีบเอ่ยถามอย่างหวาดหวั่น “เท่าไหร่คะ”

 

 

พนักงานขายตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “6888 ค่ะ”

 

 

เนคไทแบบนี้เส้นเดียวตั้งหกพันกว่า!!! อวี๋กานกานตกตะลึงอ้าปากค้าง แพงเกินไปแล้ว

 

 

นี่เป็นของขวัญที่จะซื้อให้กับสามีของตนเอง แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกว่าแพง หลินจยาอวี่คงไม่ช่วยอวี๋กานกานจ่ายเงินอย่างแน่นอน เธอจึงพูดเพียง “หรือไม่พวกเราไปดูอย่างอื่นก่อนดี”

 

 

อวี๋กานกานไม่ใช่ว่าตั้งใจจะเลือกของขวัญให้ฟังจือหัน เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเนคไทเส้นนี้เหมาะกับฟังจือหันดังนั้นจึงอยากซื้อให้เขา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 342 ใช้เนคไทมันฟังจือหันเอาไว้

 

 

เธอใกล้ถึงเวลาที่ต้องกลับไปเมืองไป๋หยางแล้ว หากฟังจือหันไม่กลับไปพร้อมกับเธอ

 

 

งั้นระหว่างเธอกับฟังจือหันก็จะหยุดลงแค่เพียงเท่านี้ใช่หรือไม่

 

 

เธอชอบฟังจือหันอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่เริ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองก็ตื่นเต้น เขินอายและทำตัวไม่ถูก…แต่พอนานไปแล้วหลังจากที่คุ้นเคยกับความรู้สึกซับซ้อนนี้ เธอก็อยากอยู่กับเขา

 

 

มองท้องฟ้าเมฆลอยล่องจับกันไปกับเขา มองดอกไม้ที่หน้าประตูบานและร่วงหล่นพร้อมกับเขา

 

 

อวี๋กานกานลังเลเล็กน้อยจึงให้พนักงานช่วยห่อเนคไทให้กับเธอ

 

 

เธอจะใช้เนคไทเส้นนี้มัดฟังจือหันแน่นแล้วพาเขากลับไปที่เมืองไป๋หยาง

 

 

แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาวชวนเบิกบานใจ ต่อให้ลมหนาวยังอยู่ก็ยังคงมีความอบอุ่นหลั่งไหลเข้ามาในใจอย่างเงียบๆ

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานลงจากรถก็ตั้งใจเปิดถุงในมือเพื่อให้แน่ใจว่าของที่ตนเองซื้อมายังอยู่ ด้านในเป็นเนคไทเส้นที่เธอซื้อให้ฟังจือหัน

 

 

จู่ๆ รถตำรวจคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอดข้างอวี๋กานกาน

 

 

ชายสองคนในชุดตำรวจลงจากรถ จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าอวี๋กานกาน เอ่ยถามด้วยสีหน้านอบน้อม “สวัสดีครับ ใช่คุณอวี๋กานกานไหมครับ”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ”

 

 

ตำรวจหนึ่งนายเอ่ย “คุณมีความเกี่ยวข้องกับคดีของเหอสือกุย พวกเราต้องการให้คุณไปที่สถานีตำรวจครับ”

 

 

 

 

สำนักงานย่อยสถานีตำรวจของเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เส้นเหนือของปักกิ่ง เป็นตึกโบราณสามชั้นหลังหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ว่ามีป้ายสำนักงานย่อยแขวนอยู่ตรงประตู มองยังไงก็ยังนึกว่าเป็นบ้านที่มีคนอยู่

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานตามตำรวจสองคนนั้นมาก็ถูกจัดให้นั่งอยู่หน้าโต๊ะสามเหลี่ยม

 

 

แม้จะไม่ใช่ห้องตัดสินคดีแต่เธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างค่อนข้างกดดันและชวนประหม่า

 

 

รออยู่สักพักก็มีตำรวจหญิงหน้าตาสวยหมดจดคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

 

ตำรวจคนที่รินน้ำอยู่ข้างอวี๋กานกานยืนตัวตรงและทำความเคารพในทันที “หัวหน้าโจว!”

 

 

โจวโจวโบกมือเป็นนัยให้เขาไปทำงาน จากนั้นจึงถอดหมวกตำรวจบนหัวแล้วนั่งลงตรงข้ามกับอวี๋กานกาน

 

 

ผมยาวสีดำของเธอถูกรวบเป็นหางม้าและม้วยไว้ที่ท้ายทอย ดูแล้วสะอาดเรียบร้อยเป็นพิเศษ เธอเปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองที่วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากนั้นจึงเหลือบตามองอวี๋กานกานที่อยู่ตรงข้ามแล้วเอ่ยถาม “คุณคืออวี๋กานกาน?”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้ารับ

 

 

โจวโจวถามอีกครั้ง “เหอสือกุยเป็นอาจารย์ของคุณหรือ”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้ารับอีกครั้ง

 

 

หลังจากยืนยันเรียบร้อย โจวโจวก็เปิดสมุดเล่มหนึ่ง ในมือขยับปากกา “อาจารย์ของคุณหายตัวไปสองเดือนสิบสองวันแล้ว ช่วงนี้เขาได้ติดต่อคุณบ้างหรือไม่”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า

 

 

“หลังจากที่ฉันได้สติจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ อาจารย์ของฉันก็หายตัวไปแล้ว ฉันแจ้งความกับสถานีตำรวจเมืองไป๋หยาง ที่นั่นบอกว่าสถานีตำรวจเมืองหลวงก็กำลังสืบเรื่องอาจารย์ของฉันอยู่ และร่วมมือกันสืบคดี ให้ฉันไม่ต้องเป็นห่วง หากมีข่าวของอาจารย์ฉันก็จะรีบติดต่อฉันทันที ตอนนี้มีข่าวของอาจารย์ฉันรึยัง”

 

 

อวี๋กานกานดูมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจกลับหวาดหวั่นและกังวลอย่างที่สุด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโจวโจวจะสามารถบอกเธอว่าหาตัวอาจารย์เจอแล้ว อีกทั้งปลอดภัยไม่เป็นไร

 

 

แน่นอนว่าเธอก็รู้ว่าความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก

 

 

หากหาพบจริงแล้ว ตอนที่ตำรวจเจอตัวเธอก็น่าจะบอกกับเธอไปแล้ว

 

 

ดังนั้นเธอจึงกลัวมาก กลัวว่าข่าวนี้จะไม่ใช่ข่าวดี

 

 

โจวโจวตอบ “ยัง”

 

 

ความกังวลที่อยู่ในใจของอวี๋กานกานลดลงเล็กน้อย

 

 

ไม่มีข่าว บางครั้งอาจถือว่าเป็นข่าวดี

 

 

โจวโจวเอ่ยอีกครั้ง “เดิมทีหลังจากที่อาจารย์ของคุณหายตัวไป พวกเราจะเชิญคุณมาบันทึกปากคำเพื่อหาเบาะแสในทันที แต่ว่าตอนนั้นคุณเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนไม่ได้สติ รอจนกระทั่งคุณฟื้น พวกเรากลับพบว่าการหายตัวไปของอาจารย์คุณอาจเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม”