ภาคที่ 2 บทที่ 179 ไล่ตาม

มู่หนานจือ

เวลานี้สิ่งที่สามารถทำให้เจียงลวี่กับหวังจ้านออกจากเมืองหลวงพร้อมกันได้ นอกจากเรื่องของเจียงเซี่ยน ก็ไม่มีคนอื่นหรือเรื่องอื่นทำให้พวกเขารีบร้อนได้ถึงเพียงนี้แล้ว

จ้าวเซี่ยวกระโดดลงจากเตียงทันที และโพล่งออกไปว่า “เร็ว รีบไปเตรียมรถม้าให้ข้า สืบดูว่าตอนนี้เจียงลวี่กับหวังจ้านอยู่ที่ใด?”

เจียงลวี่กับหวังจ้านรีบเดินทางอย่างสุดกำลังทั้งวันทั้งคืน ใช้เวลาเพียงสองวันก็ถึงเมืองติ้งแล้ว

องครักษ์ที่ติดตามข้างกายต่างก็ใกล้จะน้ำลายฟูมปากแล้ว ฝูเซิงผู้ติดตามของเจียงลวี่จึงจำเป็นต้องเตือนเจียงลวี่ “คุณชายใหญ่ คืนนี้พวกเราพักที่นี่ดีกว่ากระมัง? ม้าวิ่งจนตายไปหลายตัวแล้วขอรับ”

องครักษ์ที่มีม้าเพียงตัวเดียวไม่สามารถเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักได้ ซึ่งก็หมายความว่าคนพวกนี้ไม่สามารถตามพวกเขาไปซานซีได้ และหมายความว่าพวกเขาจะขาดแคลนกำลังทหาร

สีหน้าของเจียงลวี่ฉายแววไม่สบอารมณ์ และจำต้องออกคำสั่งให้ทุกคนตั้งค่ายพักผ่อนและปรับปรุงกำลัง

หวังจ้านขอบตาลึก นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว ดูเหมือนคนที่หนีภัยแล้งมาและหิวมาหลายวันแล้ว

เขายืนอยู่บนเนินเขาและมององครักษ์เหล่านั้นก่อสร้างอย่างเงียบเชียบเหมือนภูเขา

เจียงลวี่อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ และยื่นถุงน้ำให้เขาถุงหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เมื่อวานเจ้าไม่กินอะไรเลยทั้งวัน ดื่มน้ำสักอึกให้ชุ่มคอหน่อย ข้าสั่งฝูเซิงให้ต้มน้ำแกงเนื้อมาให้เจ้าแล้ว เจ้าดื่มสักหน่อย ไม่อย่างนั้นยังหาคนไม่เจอ เจ้าก็ล้มไปก่อนแล้ว”

หวังจ้านก้มหน้าลง และรับถุงน้ำของเจียงลวี่ไปดื่มติดกันหลายอึกใหญ่ จนน้ำกระเซ็นโดนเสื้อด้านหน้าด้วยเพราะทำตัวบุ่มบ่ามมากเกินไป

“ขอบใจ!” เขาเอ่ยเสียงแหบ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เป่าหนิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

เจียงลวี่เม้มปากและเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “นางจะไม่เป็นไร!”

หากเป่าหนิงหนีตามหลี่เชียนไปล่ะก็…

การคาดเดานี้ เจียงเจิ้นหยวนกับเจียงลวี่ต่างคิดที่จะไม่บอกหวังจ้าน

แต่หากลักพาตัวไป หลี่เชียนยังไม่ติดต่อพวกเขา บางทีอาจจะยังจัดหาที่พักไม่เรียบร้อย หรือบางทีคนที่เจรจากับพวกเขาแทนหลี่เชียนอาจจะยังติดต่อพวกเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ขอเพียงตามหลี่เชียนได้ทัน พวกเขาก็จะไม่ถูกกระทำเหมือนตอนนี้แล้ว

เจียงลวี่คิดแล้วก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที

เขาตบบ่าของหวังจ้าน และเอ่ยว่า “อย่ากังวล ไทฮองไทเฮาเคยบอกว่า เป่าหนิงเป็นคนมีวาสนา คนมีวาสนานั้นโชคดี นางเจอเรื่องร้ายก็จะกลายเป็นเรื่องดี”

ในเมื่อมีวาสนา ทำไมบิดามารดาถึงเสียชีวิตทั้งคู่ และใช้ชีวิตโดยพึ่งพาคนอื่น?!

หวังจ้านมองป่าเขาที่อยู่ภายใต้ม่านยามราตรี นัยน์ตาฉายแววงุนงง

ส่วนเจียงเซี่ยนในเวลานี้กำลังพักแรมอยู่ในป่าเขาแห่งหนึ่ง

หลี่เชียนถือโคมไฟดวงเล็กๆ ดวงหนึ่งอยู่ และยิ้มพลางถามเจียงเซี่ยนที่นั่งอยู่ในรถม้าว่า “เจ้าไม่ไปกับข้าจริงๆ หรือ?”

“ไม่ไป!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างหงุดหงิด ในน้ำเสียงมีความลังเลที่ตัวนางเองก็ไม่ได้สังเกต “ข้าเกลียดการเข้าป่าที่สุดแล้ว ทุกครั้งที่ไป พวกแมลงก็จะกัดข้า แถมคันอยู่ตั้งนาน…”

“ที่ข้ามีถุงหอม” หลี่เชียนเอ่ยพลางชี้ถุงผ้าที่แขวนอยู่ตรงเอว “สวมไว้ก็จะไม่ถูกแมลงกัดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ตอนนั้นทวดของเจ้ามอบหมายให้ร้านหญ้านานาชนิดทำตอนที่ยกทัพไปปราบปรามพื้นที่ของเผ่าม้ง ว่ากันว่าแม้แต่อากาศพิษในป่าเขาที่ร้อนชื้นก็ป้องกัน…”

เวลานี้ยานี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีในกองทัพแล้ว ร้านหญ้านานาชนิดก็หาเงินได้เยอะมากเพราะสิ่งนี้เช่นกัน

เขากลัวว่าระหว่างทางจะค้างแรมในป่าเขา จึงเตรียมไว้ล่วงหน้า

ทว่าใครจะรู้ว่าเจียงเซี่ยนกลับเอ่ยว่า “เจ้าเป็นฝีเล็กๆ ทำไมถึงดื่มยาน้ำดอกสายน้ำผึ้งไม่ดื่มยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่?”

แม้จะเป็นยาน้ำที่แก้ร้อนในฤดูร้อนทั้งคู่ แต่ยาน้ำดอกสายน้ำผึ้งดับร้อนและขจัดพิษ ส่วนยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่กลับรักษาโรคที่เกิดจากความร้อนในฤดูร้อน

หลี่เชียนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ดวงตาที่มองนางเปล่งแสงระยิบระยับเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้าภายใต้แสงไฟสลัวๆ

“เช่นนั้นข้าไปแล้ว” เสียงของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวลจนเหมือนสายลมยามกลางคืนปลายฤดูใบไม้ผลิ “ไว้จะจับปลาตัวเล็กมาย่างให้เจ้ากินหลายๆ ตัว”

เจียงเซี่ยนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตากลมโตโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว หลี่เชียนฝืนอดทนไว้ถึงไม่ยื่นมือไปลูบหางตาของนาง “เจ้าตกปลาตัวใหญ่ไม่ได้ก็บอก ทำไมจะต้องเอาเรื่องย่างปลามาบ่ายเบี่ยงข้าด้วย หรือว่าปลาตัวใหญ่ย่างกินไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

ยิ่งเข้ามาในซานซีลึกขึ้น หลี่เชียนก็ยิ่งผ่อนคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรวมตัวกับคนที่ชื่อจงเทียนอี้ที่ด่านเหนียงจื่อแล้ว หลี่เชียนก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด

เจียงเซี่ยนจำจงเทียนอี้ไม่ได้ แต่กลับรู้ว่าในมือหลี่เชียนมีแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งชื่อจงเทียนอวี่ เป็นแม่ทัพอีกคนหนึ่งที่ทั้งเฉลียวฉลาดและกล้าหาญเหมือนกับอวิ๋นหลิน เขาตั้งมั่นรักษาการณ์อยู่ที่กานซู่ตลอด นางจึงไม่เคยเจอ

จงเทียนอี้ผู้นี้อายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปี เวลาทำหน้าขรึมหน้าตาแลดูดุดัน ทว่าเวลายิ้มกลับแลดูร่าเริงสดใส ดูการแต่งตัวและการพูดจาของเขา น่าจะเป็นไพ่ตายที่หลี่เชียนทิ้งไว้ที่ซานซีตอนที่ไปฝูเจี้ยน และหลี่เชียนมอบหมาย ‘งานสำคัญ’ ให้เขาเร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจงรักภักดีต่อตระกูลหลี่เป็นอย่างมาก และเทิดทูนหลี่เชียนเป็นการส่วนตัวมาก

เจียงเซี่ยนสงสัยว่าหากเขาไม่ใช่พี่ชายของจงเทียนอวี่ก็ต้องเป็นน้องชาย

หลี่เชียนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะสบายใจและดังสูงๆ ต่ำๆ อย่างน่าฟัง ฟังออกว่า เขาอารมณ์ดีมาก

ตั้งแต่เจียงเซี่ยนคุยกับเขาอย่างชัดเจนในวันนั้น เจียงเซี่ยนก็ผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

เขารู้ว่า นางรู้ว่าเขาไม่มีทางส่งนางกลับเมืองหลวงแล้ว นางรอให้เจียงลวี่มาช่วยนาง จึงไม่คิดเรื่องจะกลับเมืองหลวงได้หรือไม่แล้ว นางทิ้งความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นไป และใช้ชีวิตแบบที่ตนเองรู้สึกสบาย

เหมือนกับตอนนี้ที่นางปฏิเสธจะไปตกปลาที่ลำธารเล็กๆ ในป่าเขากับเขา

เขารู้สึกว่าแบบนี้ดีมาก

จะรั้งเจียงเซี่ยนไว้ได้หรือไม่ อย่างแรกขึ้นอยู่กับว่าเขาจะโน้มน้าวเจียงลวี่ได้หรือไม่ และจะได้รับการยอมรับจากตระกูลเจียงหรือเปล่า

ระยะทางช่วงนี้ อาจจะเป็นเวลาสุดท้ายระหว่างทั้งสองคน หรืออาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ก็ได้

ซึ่งล้วนน่าจดจำและน่าคิดถึงทั้งนั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ให้พวกเขาดื่มด่ำกับเวลาช่วงนี้อย่างเต็มที่เล่า

หลี่เชียนช่วยปิดม่านรถให้เจียงเซี่ยน และกำชับให้นางนอนเร็วหน่อยเสียงเบาผ่านม่าน หากนอนไม่หลับก็ให้หลิวตงเยว่อ่านหนังสือนิยายที่แทรกโคลงประกอบดนตรีกับเพลงเอาไว้ด้วยให้นางฟัง อย่างมากที่สุดหนึ่งชั่วยามเขาก็จะกลับมา หากตอนที่เขากลับมา นางยังไม่นอนก็จะย่างปลาให้นาง ให้นางลองชิมฝีมือของเขา ทว่าหากตอนที่เขากลับมา นางนอนแล้วก็จะต้มน้ำแกงปลาให้นางดื่มพรุ่งนี้…

มากมายหลายเรื่อง ฟังจนหลิวตงเยว่ก็เงยหน้าไม่ค่อยขึ้น ในใจน้ำตาไหลตลอด

ท่านหญิงยังบอกว่านางถูกลักพาตัวมาอีก มีใครถูกคนลักพาตัวมาแล้วยังใช้ชีวิตสบายกว่าโจรอีกหรือ?

หากคุณชายใหญ่ตามมา แล้วท่านหญิงจะไปซานซีกับหลี่เชียน เขาควรจะทำอย่างไร?

ตามคุณชายใหญ่กลับวัง? เกิดความผิดพลาดใหญ่ขนาดนี้ กลับวังฉือหนิงก็เลิกคิดไปได้เลย รักษาชีวิตไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว

ติดตามท่านหญิงต่อไป? ศักดิ์ของท่านหญิงไม่พอ จัดสรรขันทีให้ไม่ได้!

ไม่อย่างนั้น…ลองปรึกษากับท่านหญิง คิดหาทางให้ฮ่องเต้แต่งตั้งท่านหญิงเป็นองค์หญิงตอนแต่งงาน?

หลิวตงเยว่คิดฟุ้งซ่านอยู่ตรงนั้น หลี่เชียนส่งโคมไฟให้เด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกาย และพาคนสองสามคนจากไปแล้ว

เขารีบเอ่ยว่า “ท่านหญิง จะฟังนิยายหรือพักสักครู่ขอรับ วันนี้ก็รีบเดินทางทั้งวันอีกแล้ว ลำบากท่านแล้ว”

เจียงเซี่ยนไม่ได้สนใจ จึงตอบไม่ตรงคำถามว่า “เจ้าว่า หากข้าอยากไปตกปลาพรุ่งนี้ตอนกลางวัน หลี่เชียนจะตกลงหรือไม่?”

หลิวตงเยว่ไม่รู้จริงๆ

ปกติหลี่เชียนตามใจเจียงเซี่ยนมาก แต่หากเกี่ยวพันถึงเรื่องรีบเดินทาง ไม่ว่าเจียงเซี่ยนจะพูดอย่างไร หลี่เชียนก็จะยึดมั่นในความคิดของตนเอง และไม่หวั่นไหวแม้แต่นิดเดียว

ทว่าเขาไม่กล้าบอกเจียงเซี่ยนแบบนี้

เขากลัวเจียงเซี่ยนจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ตอบไม่ได้เช่นกัน

“ท่านหญิง” หลิวตงเยว่ทำได้เพียงเอ่ยอย่างทุกข์ใจว่า “ข้าคิดว่าท่านอย่าไปเที่ยวในป่าเขาดีกว่าขอรับ ใครจะรู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง? ตอนหน้าร้อนปีที่แล้วข้าได้ยินคนบอกว่า เฉาไทเฮาไปพักร้อนที่ภูเขาวั่นโซ่ว มีขันทีคนหนึ่งที่ติดตามไปถูกงูกัดตาย ถึงอย่างไรข้าก็ไม่อยากไป…”