ชางหยางรีบออกคำสั่ง “นำทางไปเร็วเข้า!”
ลูกศิษย์รายนั้นนำทางทุกคนไปยังทางใต้ของหมู่บ้าน เดินผ่านเส้นทางขนาดหลายสาย ก่อนจะเห็นแสงไฟเล็กๆ ในแปลงยาด้านหน้า
ทันใดนั้นทุกคนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เดินเข้าไปใกล้ถึงพบว่าแสงไฟเหล่านั้นไม่ใช่ไฟไหม้ แต่เหมือนกับคบเพลิง อีกทั้งยังได้ยินเสียงก่นด่าลอยมา บริเวณนั้นมีคนรวมตัวอยู่มาก เมื่อมองดูพบว่าล้วนเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน มีชายมีหญิง อีกทั้งรอบนอกยังมีเด็กเล็กที่มามุงดู สาเหตุที่ในหมู่บ้านไม่มีคน คงเป็นเพราะมารวมตัวอยู่ตรงนี้หมด
ผู้ชายในหมู่บ้านราวกับล้อมอะไรบางอย่างอยู่ ในมือของพวกเขาล้วนถือจอบบ้างเคียวบ้าง สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขากำลังชี้นิ้วก่นด่าอะไรบางอย่าง
“หาตัวกาลกิณีนี่เจอเสียที มันอยู่ในถ้ำ!”
“เร็ว ฆ่ามัน! คนในหมู่บ้านล้วนตายเพราะมัน!”
“ใช่ หากให้มันอยู่ต่อ คนทั้งหมู่บ้านต้องตายหมดแน่! จะปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไม่ได้”
“หลายปีมานี้ มันทำให้คนตายมากี่คนแล้ว แปลงยาก็พังเพราะมัน!”
“หมู่บ้านลำบากกันมานานขนาดนี้ แต่เพราะมันทำให้เสียเปล่า ครานี้ปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้แล้ว!”
“ฆ่ามันทิ้งอย่างนี้จะสบายไป ข้าว่าต้องเอามันไปเซ่นสวรรค์! เป็นเพราะมันทำให้สวรรค์พิโรธ ถึงได้ทำให้หมู่บ้านของพวกเราเป็นแบบนี้!”
“ทุกคนช่วยกันเร็ว ทุบหินที่ปิดปากถ้ำทิ้ง วันนี้พวกเราต้องกำจัดมันทิ้งให้ได้!”
“คนที่อยู่ด้านหลังต้องระวัง อย่าให้มันหนีไป…”
ทันใดนั้น บริเวณรอบข้างมีเสียงเคาะอะไรบางอย่างดังขึ้น เสียงนี้ไม่ได้ดังนานมาก เพียงแค่เคาะไปสิบกว่าทีก็หยุดลง จากนั้นตามมาด้วยเสียงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคน
เมื่ออวิ๋นเจี่ยวเดินเข้าใกล้ ก็พบกับชาวบ้านกำลังลากร่างสีดำออกมาจากถ้ำตรงหน้า เนื่องจากบริเวณรอบด้านมืดเกินไป ทำให้มองไม่เห็นรูปลักษณ์ของคนนั้น เห็นเพียงคนผู้นั้นมีรูปร่างเล็กมาก
เขาคือเด็ก!
ทุกคนต่างตกตะลึง มองดูชาวบ้านบริเวณปากถ้ำกำลังจะง้างอาวุธภายในมือฟาดลงไปบนตัวของเด็กคนนั้น ชางหยางหยุดหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “หยุด!”
ชาวบ้านที่กำลังจะลงมือนั้นชะงักไป ก่อนจะหันมามองคนที่เพิ่งมาถึง ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับเดาถึงตัวตนของพวกนางได้
“นายท่านชาง!” เมื่อชายชราด้านข้างเห็นชางหยาง จึงรีบเดินขึ้นมาต้อนรับ “ดึกขนาดนี้…ทำไมท่านมาด้วยตนเอง”
ชางหยางกวาดตามองชาวบ้าน ก่อนที่สายตาจะตกอยู่บนตัวของเด็กที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย จิตใจเมตตาของผู้เป็นหมอทำให้เขาสาวเท้าเข้าไปห้าม “พวกเจ้ากำลังทำอะไร ปล่อยเด็กคนนั้นเดี๋ยวนี้!”
ชาวบ้านตกตะลึงในการปรากฏตัวของพวกนาง ปล่อยมือออกทันที เด็กคนนั้นล้มลงบนพื้น คนที่อยู่ด้านหลังรีบเดินขึ้นหน้ามาพยุงเขา ลูกศิษย์คนหนึ่งพยุงให้เขานอนราบอย่างระมัดระวัง เวลานี้ ทุกคนถึงได้เห็นลักษณะของอีกฝ่าย เขาเป็นเด็กชายอายุราวสี่ห้าปี บนตัวเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าของเขายิ่งขาดวิ่นจนเหลือเพียงแค่เศษผ้า มือและขาวางอยู่ข้างตัวอย่างไม่ธรรมชาติ บนใบหน้าเต็มไปด้วยคราบดินโคลนและเลือด
ชางหยางเพียงแค่กวาดตามองก็พบว่าแขนขาของอีกฝ่ายนั้นหักไปแล้ว บนลำตัวของเขายังมีบาดแผลเก่า อีกทั้งร่างกายผอมแห้ง มีเพียงหนังหุ้มกระดูก
เขายิ่งดูยิ่งใจหาย หันไปพูดกับลูกศิษย์ด้านข้าง “หยิบยาฟื้นฟูมา”
“รับทราบ!” ลูกศิษย์รีบเทยาเม็ดหนึ่งออกมาจากในขวด กำลังจะป้อนเด็กชายให้กินลงไป
ชาวบ้านด้านข้างไม่ยอม ชายชราที่พูดเมื่อครู่นั้นห้ามขึ้น “นายท่าน คนนี้ช่วยไม่ได้!” ชาวบ้านล้อมเข้ามาอีกครั้ง ชางหยางขมวดคิ้ว ลำบากใจเล็กน้อย
อวิ๋นเจี่ยวเดินหน้าขึ้น “ข้าเอง ท่านจัดการเถอะ!”
ชางหยางถึงได้ถอยออก พร้อมมอบเด็กชายให้นางดูแล อวิ๋นเจี่ยวนั่งลงไปตรวจดู
เยี่ยยวนที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูเด็กชายที่อยู่บนพื้น ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดปาก
“หัวหน้าหมู่บ้าน! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมพวกเจ้าต้องทำกับเด็กคนนี้เช่นนี้” ชางหยางถามชาวบ้าน
ชายชราตอบ “นายท่าน เด็กนี่มันเป็นตัวกาลกิณี!”
ชางหยางกวาดตามองทุกคน “กาลกิณีอะไรกัน บนตัวของเด็กคนนี้ไม่มีพลังชั่วร้ายแม้แต่น้อย พวกเจ้าเอามาจากไหน”
“เป็นเรื่องจริง นายท่าน!” ทางชายชราพูดต่อ “แปลงยาในหมู่บ้านนั้นก็พังเพราะมัน”
ทันทีพูดจบ เหล่าชาวบ้านต่างก็ตำหนิขึ้นมา
“ใช่! มันเกิดมา พ่อมันก็ตาย ต่อมาตระกูลหลี่ล้วนตายเพราะมัน!”
“ป้าหวังข้างบ้านด้วย ปกตินางร่างกายแข็งแรง แต่เพราะส่งข้าวให้มันเพียงมื้อเดียว วันที่สองก็ตาย!”
“เทียนซือพเนจรเมื่อสี่ปีที่แล้วก็เคยทำนายให้มัน บอกว่าโชคชะตาของมันชั่วร้าย เกิดมาเพื่อทำร้ายคน!”
“ดังนั้น พวกเราจะให้มันอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้! มิเช่นนั้นมันจะทำให้คนทั้งหมู่บ้านตาย”
“…”
ชาวบ้านยิ่งพูดยิ่งโกรธ สายตาที่มองไปยังเด็กชายเต็มไปด้วยความเคียดแค้น หากไม่ใช่เพราะพวกเขาล้วนเป็นชาวนา ถือว่าเป็นคนของหุบเขาหมอเหมือนกัน มิเช่นนั้นพวกเขาจะขับไล่คนที่ห้ามพวกเขาออกไปแล้ว
ยิ่งฟังสีหน้าของชางหยางยิ่งดำลง มองไปยังชายชราที่เป็นผู้นำ “หัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องแปลงยาพังยังต้องรอการสืบอย่างละเอียด หากไม่ใช่มีคนจงใจ ก็คงจะเป็นฝีมือของมังกรดิน ไม่เกี่ยวกับเด็กคนนี้”
“มังกรดิน?” ชายชราขมวดคิ้ว ยังคงไม่ยอมเชื่อ “แต่มันคือตัวกาลกิณี!”
“แปลงยาในหมู่บ้านนี้มีหลายร้อยไร่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นตัวกาลกิณีจริง แต่เด็กเพียงคนเดียวจะทำลายแปลงยามากมายขนาดนี้ภายในคืนเดียวได้อย่างไร” ชางหยางอธิบาย
“ไม่แน่…ไม่แน่ว่ามันจะเป็นวิชามารอะไรก็ได้!” มีชาวบ้านคัดค้าน
ชางหยางถอนหายใจ ก่อนจะส่ายหัว “หากเด็กคนนี้มีวิชามารจริง พวกเจ้ายังทำกับเขาแบบนี้ได้หรือ?!”
ทันใดนั้น ทุกคนต่างเงียบ พร้อมกับสีหน้าก็เย็นลง จากนั้นหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น “คนที่ป่วยในหมู่บ้านจะว่าอย่างไร”
“ใช่!” ชาวบ้านราวกับเพิ่งนึกได้ มีคนพูดขึ้นเสียงดัง “ถึงแม้คนที่พังแปลงยาไม่ใช่เขา แต่คนในหมู่บ้านเป็นโรคประหลาดก็เพราะเขา พวกข้าเห็นกับตาว่าเขากัดจ้าวเอ้อหนิวทีหนึ่ง วันที่สองเขาก็เป็นโรคประหลาดนั้น!”
กัดคน?
ชางหยางผงะ จ้าวเอ้อหนิวที่ทุกคนพูดถึงก็คือคนป่วยที่เขาพากลับหุบเขาหมอ เมื่อนึกย้อนไป คอและแขนของอีกฝ่ายมีรอยกัดจริง สหายอวิ๋นก็เคยพูดไว้ พลังปีศาจนั้นเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล อีกทั้งขนาดของบาดแผลนั้นดูเหมือนจะมาจากเด็ก หรือว่าเด็กคนนี้จะมีปัญหาจริง
เขาหันกลับไปมองเด็กชายที่นอนหายใจรวยริน ทันใดนั้นก็ลังเลขึ้นมา
อวิ๋นเจี่ยวยังคงตรวจดูอาการให้เด็กชายอย่างตั้งใจ เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีทั้งบาดแผลภายในและภายนอก ดูเหมือนเกิดจากการทำร้ายร่างกาย บาดแผลเหล่านี้หากเกิดบนตัวของผู้ใหญ่ อยู่รอดมาได้ถือว่ายากแล้ว แต่นี่เป็นเด็ก ตั้งแต่เมื่อกี้นางไม่ได้ยินเสียงเขาร้องแม้แต่น้อย ราวกับไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างนั้น
ถึงแม้ดวงตาของเขาจะลืมอยู่ แต่ภายในดวงตานั้นไร้ชีวิตชีวา ไม่มีความอยากมีชีวิตแม้แต่น้อย หากไม่ใช่หน้าอกของเขาที่มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย พร้อมทั้งเหงื่อที่ผุดออกมาจากการอดทนต่อความเจ็บปวด ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนเป็น