EP.161 ค้างชำระ

“ท่านหลินมู่อวี่ ครั้งนี้ท่านต้องการสิ่งใดเจ้าคะ?”

จินเสี่ยวถังใช้มือดันหลังหลินมู่อวี่เข้าไปในร้าน ท่าทางการยิ้มและการพูดคุยของเธอเปล่งประกายความเป็นสาวสวยแรกแย้มอันสดใสออกมา ผู้คนอาจมองว่าจินเสี่ยวถังเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาและยังไม่มีใครกังขาถึงความเป็นอัจฉริยะของเธอ เนื่องจากความสามารถในการหลอมของหลินมู่อวี่ทำให้จินเสี่ยวถังนับถือเขา มิเช่นนั้น…หลินมู่อวี่คงเป็นได้เพียงสสารที่เธอมองข้าม

หลินมู่อวี่ลังเลก่อนจะกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าอาจต้องจ่ายให้ในภายหลัง เนื่องจากตอนนี้ข้ามีเพียงสองพันเหรียญทองเท่านั้น”

“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ!”

จินเสี่ยวถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านเป็นถึงลูกค้ากิตติมศักดิ์ระดับเพชรของร้าน อีกทั้งเป็นคนสนิทของข้า ดังนั้นท่านสามารถซื้อได้มากเท่าที่ต้องการและชำระภายหลังได้เจ้าค่ะ”

“เอาล่ะ ไปกันเถิด ข้าต้องการศิลาวิญญาณและนิลพิศวง”

“เจ้าค่ะ!”

เมื่อมาถึงร้านศิลาวิญญาณ หลินมู่อวี่มองดูสินค้าไปรอบๆ ก่อนจะสะดุดตาศิลาวิญญาณสามก้อน ศิลาวิญญาณอัสนีอายุแปดพันเจ็ดร้อยปี ศิลาวิญญาณเหมันต์อายุหกพันสี่ร้อยปี และศิลาวิญญาณวาโยอายุห้าพันปี เขาชี้ไปที่พวกมันและเอ่ยถาม “ศิลาวิญญาณทั้งสามรวมกันราคาเท่าใด?”

“โห…”

จินเสี่ยวถังกะพริบตาและกล่าวว่า “ศิลาวิญญาณอัสนีค่อนข้างหายาก ดังนั้นศิลาอายุกว่าแปดพันปีจึงมีราคาสองหมื่นหนึ่งพันเหรียญทอง ศิลาวิญญาณเหมันต์อายุหกพันสี่ร้อยปีราคาเจ็ดพันเหรียญทอง และศิลาวิญญาณวาโยอายุห้าพันปีราคาสามพันเหรียญทอง รวมเป็นสามหมื่นหนึ่งพันเหรียญทอง ทว่าเสี่ยวถังมอบส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์และปัดเศษทิ้งให้ ฉะนั้นจะเหลือสองหมื่นเหรียญทองถ้วน จะรับไหมเจ้าคะ?”

“ข้าเอาทั้งหมดพร้อมค้างชำระ”

“เจ้าค่ะ!”

เว่ยโฉวที่อยู่ด้านข้างตกตะลึง ไม่ต้องพูดถึงเหรียญทองหลายหมื่นเหรียญ แม้แต่พันเหรียญเขาก็ไม่เคยเห็น เว่ยโฉวไม่เคยมาซื้อของที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ที่นี่มีสินค้าคุณภาพดี…ทว่าราคาแพงมาก!

เมื่อมาถึงร้านแร่เหล็ก หลินมู่อวี่ถูกดึงดูดด้วยแร่นิลเรืองแสงขนาดใหญ่ ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจพบว่าแร่เหล่านี้เต็มไปด้วยพลังงานลึกลับ เขาห้ามใจไม่ให้ตนเองเดินเข้าไปมองแร่เหล่านั้นอย่างใจจดใจจ่อได้จริงๆ

จินเสี่ยวถังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลิน นี่เป็นนิลพิศวงอายุหนึ่งหมื่นปี หลังจากได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญก็พบว่ามันมีพลังวิญญาณอยู่หนาแน่น ท่านต้องการชิ้นนี้ไหมเจ้าคะ? ข้าจะขายให้ในราคาถูกเพียงห้าสิบเหรียญทองต่อหนึ่งกิโลกรัม…”

“โห…” เว่ยโฉวตกตะลึง “นี่มันแพงพอๆ กับทองเลย…”

จินเสี่ยวถังเม้มปาก “นั่นเป็นเรื่องปกติ อาวุธที่หลอมจากนิลพิศวงอายุหมื่นปีนั้นจะมีความแข็งแกร่งทนทาน ไม่เป็นสนิม และคมมาก ซึ่งพวกเราก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้นิลพิศวงชิ้นนี้มา!”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มก่อนเอ่ยถาม “เจ้ามีนิลพิศวงอายุหมื่นปีทั้งหมดเท่าใด?”

“แปดร้อยยี่สิบกิโลกรัมเจ้าค่ะ”

“อืม เยี่ยงนั้นข้าซื้อทั้งหมด!”

“ฮะ? จริงหรือเจ้าคะ?” จินเสี่ยวถังอ้าปากกว้างอย่างมีความสุข

“จริงสิ”

“ได้เลยเจ้าค่ะ” ทันใดนั้นจินเสี่ยวถังจับมือหลินมู่อวี่อย่างเอาใจ “ถ้าอย่างนั้นท่านหลินมู่อวี่ช่วยทิ้งอาวุธที่ท่านหลอมสักสองสามชิ้นให้ทางร้านเพื่อใช้ในการประมูลได้ไหมเจ้าคะ?”

“อืม ได้สิ” แม้ว่าหลินมู่อวี่จะรู้ว่าเป็นกลยุทธ์ทางการค้าของจินเสี่ยวถัง ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มไปกับท่าทางของเธอ

ดังนั้นกองนิลพิศวงอายุหนึ่งหมื่นปีจึงถูกซื้อด้วยราคาสี่หมื่นเหรียญทอง ร้านค้าแห่งจักรวรรดิต้องเสียสินค้าเป็นมูลค่ากว่าหกหมื่นเหรียญทองแล้ว ทว่าจินเสี่ยวถังมิได้สนใจ เนื่องจากทรัพย์สินของร้านมีจำนวนมหาศาลซึ่งล้วนมากจากปรมาจารย์หลอมอาวุธและปรุงโอสถอย่างหลินมู่อวี่ พวกเขาไม่ได้สนใจว่าใช้จ่ายไปเท่าใด จินเสี่ยวถังปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีกับหลินมู่อวี่และเก็บไว้เป็นความลับ มิเช่นนั้นคู่แข่งของทางร้านอาจแย่งตัวเขาไป

“จริงสิท่านหลินมู่อวี่” จินเสี่ยวถังกะพริบตาและกล่าวว่า “หากท่านต้องการเงินจริงๆ มีวิธีที่ดีกว่าคือการปรุงยาฝันคืนสู่สูงสุดเจ้าค่ะ พวกเราสามารถขายมันในราคาที่สูงและอีกทั้งตอนนี้ที่ร้านก็มีวัตถุดิบสำหรับปรุงมันอยู่เล็กน้อย ท่านจะพิจารณาข้อเสนอนี้ไหมเจ้าคะ?”

“เจ้ามีวัตถุดิบอยู่เท่าใด?” หลินมู่อวี่ถาม

“มีมากพอที่จะปรุงยาฝันคืนสู่สูงสุดสี่สิบขวดเจ้าค่ะ!”

“อืม…” หลินมู่อวี่พยักหน้ารับ “วัตถุดิบมีราคาเท่าใด?”

“สองหมื่นเหรียญทองถ้วน”

“ตกลง ข้าจะซื้อมัน”

“เจ้าค่ะ!”

จินเสี่ยวถังดีใจจนแทบคลั่ง เธอรู้ดีว่าหากหลินมู่อวี่หลอมสิ่งเหล่านี้สำเร็จ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิต้องสร้างความวุ่นวายให้แก่ชุมชนการค้าในเมืองหลันเยี่ยนเป็นแน่ หากร้านได้รับอาวุธนิลพิศวงระดับสูงและยาคืนฝันสู่สูงสุดระดับตำนานมาไว้ในมือและข่าวสารแพร่ออกไปเมื่อใด คงมิทำให้คู่แข่งร้านค้าอื่นๆ ต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้าเลยหรือ?

เมื่อนึกถึงตาตี่ๆ ของเถ้าแก่ร้านอีกาไพรวันที่มองมาและผู้ดูแลร้านอีกาไพรวันที่พยายามสั่งสอนเธอ…จินเสี่ยวถังพลันรู้สึกอึดอัดใจ ตราบใดที่หลินมู่อวี่สามารถหลอมพวกมันได้ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิก็จะสามารถแย่งลูกค้ามาได้สักสามสิบเปอร์เซ็นต์ เธออยากเห็นเจ้าอ้วนนั่นต้องหลั่งน้ำตาเสียจริง โอ้! ไม่นะ…ด่าไม่ได้เพราะพ่อของเธอก็อ้วนเหมือนกัน…

จินเสี่ยวถังพลันแสดงสีหน้าประหลาด หลินมู่อวี่และเว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่าสาวงามตรงหน้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่!

“แม่นางเสี่ยวถัง ข้ายังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องการ” หลินมู่อวี่กล่าว

จินเสี่ยวถังแสดงท่าทีเชื่อฟังทันที “ฮี่ๆ ท่านหลินมู่อวี่บอกข้ามาได้เลย ไม่สิ…พี่ใหญ่อาอวี่ ไม่ว่าจะต้องการสิ่งใด เสี่ยวถังจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหามาให้!”

“ข้าต้องการเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นเหรียญทองในบัญชีค้างชำระ และขอรับเป็นเงินสดแทน…”   หลินมู่อวี่กล่าวพร้อมใช้มือปิดหน้าด้วยความอาย ครั้งนี้เขามามือเปล่า และได้สินค้ามากมายจากร้านมูลค่ารวมกันถึงเก้าหมื่นเหรียญทองโดยไม่ได้ให้อะไรกลับไปเลย…ราวกับว่าอาอวี่ขโมยมันมาจากพวกเขา

จินเสี่ยวถังแทบไม่ต้องคิด เธอกล่าวกับผู้ดูแลด้านหลังทันทีว่า “นำเหรียญเพชรสิบเหรียญไปให้พี่ใหญ่อาอวี่เดี๋ยวนี้!”

จินเสี่ยวถังพยายามดึงหลินมู่อวี่เข้ามาใกล้ๆ แม้หลินมู่อวี่จะรู้ว่าเขาอาจถูกเธอหลอก ทว่าก็ไม่ได้สนใจเนื่องจากอาอวี่ชอบทำการค้ากับคนเหล่านี้

เมื่อนำหนึ่งหมื่นเหรียญทองและสินค้ามากมายออกจากร้านค้าแห่งจักรวรรดิ โลกของเว่ยโฉวกลับตาลปัตรก่อนจะเอ่ยถามว่า “ท่านหลินมู่อวี่เป็นเทพเจ้าองค์ใดหรือขอรับ เหตุใด…แม่นางจินเสี่ยวถังจากร้านค้าแห่งจักรวรรดิจึงมีท่าทีอ่อนน้อมกับท่านถึงเพียงนั้น?”

“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก…” หลินมู่อวี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ทุกคนในรังอินทรีมีชีวิตที่ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ค่ายพักของเราแทบไม่ต่างอะไรจากคอกหมู…”

เว่ยโฉวอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอเป็นตัวแทนของเหล่าพี่น้อง เพื่อขอบคุณท่านหลินมู่อวี่ขอรับ!”

หลินมู่อวี่มอบหนึ่งหมื่นเหรียญทองให้แก่เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของเขาในการซื้อสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมอบบางส่วนให้สมาคมศิลาแห่งจักรวรรดิเพื่อนำไปซื้อศิลาและไม้ รวมทั้งจ้างคนห้าสิบคนเพื่อมาปรับปรุงค่ายพักของพวกเขา หลินมู่อวี่ต้องการค่ายพักใหม่เอี่ยมที่จะทำให้ทุกคนในรังอินทรีต้องอิจฉา มีองครักษ์พิทักษ์อินทรีไม่กี่นายที่อาศัยอยู่ด้านนอก ดังนั้นพวกเขาไม่เคยได้รับสวัสดิการที่ดีเยี่ยงนี้มาก่อน”

“อาอวี่…”

เมื่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเห็นการปลูกสร้างค่ายพักก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้าทำการโจ่งแจ้งเยี่ยงนี้…ไม่กลัวเจิ้งอี้ฝานจะฉวยโอกาสหาเรื่องเจ้ารึ? ลืมแล้วหรือว่าท่านซ่งฮ๋านหยวนตายอย่างไร? ด้วยการกระทำที่เปิดเผยคงทำให้เจิ้งอี้ฝานรู้ และข้าเกรงว่าเขาจะมาถามเจ้าว่าไปได้เงินเหล่านี้มาจากไหน…”

หลินมู่อวี่ควักใบสั่งจ่ายออกจากใต้เสื้อและกล่าวว่า ”นี่เป็นใบสั่งจ่ายจากร้านค้าแห่งจักรวรรดิของแม่นางจินเสี่ยวถัง ท่านพี่โปรดวางใจเถิด ข้าได้พิจารณาถึงข้อนั้นไว้แล้ว”

“อืม รอบคอบมาก” ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเผยรอยยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “เจ้าและอาเหยาต้องลำบากตรากตรำกว่าจะมาถึงเมืองหลันเยี่ยน และมันก็ไม่ง่ายสำหรับข้าด้วยที่จะไต่เต้ามาถึงจุดนี้ ฉะนั้นเราจำเป็นต้องระวังตัวให้มาก ข้าเป็นพี่น้องของอาเหยา รวมทั้งเจ้าด้วย ข้าไม่ต้องการให้ใครในครอบครัวต้องประสบกับปัญหา…เจ้าเข้าใจใช่ไหมอาอวี่?”

หลินมู่อวี่รู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ข้าเข้าใจขอรับ พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ข้าจะระวังตัวเป็นอย่างดี”

“หากเป็นเยี่ยงนั้นก็ดี”

“จริงสิ มีสถานที่ลับใกล้ๆ ไหม? ข้าต้องการสถานที่เพื่อปรุงโอสถ รังอินทรีทรุดโทรมเกินกว่าที่ข้าจะไปใช้งาน”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนพยายามนึกก่อนจะพูดว่า “มีถ้ำอยู่ด้านหลังเขาอินทรี ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของหมีดำอายุหนึ่งพันสองร้อยปี เมื่อคราที่มีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ หมีดำถูกทำให้เป็นซุปเท้าหมีโดยผู้บัญชาการเฟิงจี้สิง หากเจ้าไม่รังเกียจที่จะต้องปรุงยาในถ้ำ…ข้าจะพาทหารไปอารักขาเจ้าด้านนอก”

“ดีเลยขอรับ!” หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอบคุณท่านพี่ใหญ่มากขอรับ!”

“เหตุใดจึงต้องสุภาพด้วย!” ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตบไหล่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราเองก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ!”

“อื้อ!”

ทันใดนั้นก็ได้มีทหารขี่ม้าขึ้นมาบนภูเขา เขาพลันลงจากหลังม้าและประสานมือต่อฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน “ท่านฉู่ขอรับ แม่นางในเมืองหลวงนามว่าเซียงเซียงต้องการส่งข้อความถึงท่าน นางปรารถนาที่จะพบท่านฉู่ที่ชั้นสามของร้านอาหารรื่นรมย์ในค่ำคืนนี้”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนตกตะลึงก่อนที่จะส่ายหัวและกล่าวว่า “ข้าอยากให้ท่านส่งข่าวกลับไปหานางว่าฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจและไม่สามารถไปพบได้ในค่ำคืนนี้ จึงอยากขอเตรียมการในครั้งถัดไป และฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนขออภัยต่อนางอย่างสูง”

หลินมู่อวี่ตกตะลึง เขาเดาได้ว่ามันเกี่ยวกับสิ่งใดจึงกล่าวว่า “พี่ใหญ่ฉู่ ไม่เป็นไรหรอก ท่านควรไปตามนัดหมาย ส่วนข้าจะจัดการมันด้วยตัวเอง”

ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนส่ายหัวอย่างดื้อดึง “ไม่ได้ ข้าต้องอารักขาเจ้าในวันนี้ซึ่งเป็นคำสั่งของท่านฉินเหลย อีกทั้ง…ข้าไม่ต้องการเสียคนในครอบครัวไป…อาอวี่ไม่ต้องพูดสิ่งใดแล้ว เราไปที่ถ้ำด้านหลังเขากันเถิด”

“ขอรับ…”

หลินมู่อวี่ไม่ต้องการขัดความต้องการของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ทหารบางนายช่วยขนแร่และสมุนไพรไปที่ด้านหลังภูเขา หลินมู่อวี่เดินตามและเฝ้ามองแผ่นหลังของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน เขารู้สึกราวกับว่ากำลังเฝ้าดูคนในครอบครัว ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่ปกป้องอาอวี่และอาเหยาจากความเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะไม่มีพละกำลังมากมายที่จะทำเช่นนั้น ทว่าก็ไม่เคยคิดถอยหนี

………………..………………..