บทที่ 155 พยาบาลสาวสวยกลุ่มหนึ่ง

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

พยาบาลสาวสวยกลุ่มใหญ่ยืนล้อมอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวง ทุกคนอ้าปากกว้าง ดวงตาอันงดงามเบิกกว้างมองไปทางเย่เทียนเฉิน จะอย่างไรพวกเธอก็คิดไม่ถึงว่าหวางจื้อลี่ที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาโดยตลอด กระทั่งข้าราชการใหญ่หลายคนในเมืองหลวงก็ช่วยเหลือเขา วันนี้จะถึงกับถูกอัดได้ ถูกเย่เทียนเฉินใช้เท้าถีบเขาจนกระเด็นออกไป ในขณะเดียวกันพยาบาลเล็กๆ หลายคนก็ใช้ดวงตาทั้งสองที่เจือไปด้วยความรักมองไปยังเย่เทียนเฉิน รู้สึกว่าสุดหล่อที่อายุห่างจากพวกเธอไม่มากคนนี้ดูดีมีสไตล์มากจริงๆ ให้ความรู้สึกของลูกผู้ชายยิ่งนัก

เย่เทียนเฉินลงมือโดยไม่จำเป็นต้องกังวลให้มากเกินไป และไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลให้มากจนเกินไป เขาเป็นเพียงคนที่ทำตามหลักการโดยไม่สนใจตัวคน คุณมีเหตุผลเขาก็จะหลีกทางให้คุณอยู่สามส่วน คุณไม่มีเหตุผลแล้วยังกล้ามาโอหัง ก็จะได้รับเพียงฝ่าเท้าของเขาเท่านั้น โลกแห่งนี้เดิมทีก็เป็นโลกที่ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในช่วงยุคสิ้นโลกหรือว่าเป็นโลกใบนี้ ก็ล้วนแต่เป็นโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก หากอ่อนแอก็จะต้องถูกรังแก แต่ว่าหลักการของเย่เทียนเฉินนั้นตรงไปตรงมาและเรียบง่ายเป็นอย่างมาก เรื่องที่ไม่ยุติธรรมขอเพียงแค่ถูกเขาพบ ก็จะจัดการให้สักหน่อย

สำหรับเสี้ยวหยานั้น ในใจของเย่เทียนเฉินรู้สึกสงสารอยู่บ้างจริงๆ ผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งในช่วงยุคสิ้นโลกคนนี้ มีจิตใจที่อ่อนโยนดีงามเหมือนกัน มีความเหมือนกันมากจนเกินไป กระตุ้นความทรงจำของเย่เทียนเฉินมากเกินไป ไม่รู้วันนี้เป็นความบังเอิญหรือเป็นพรหมลิขิต ในช่วงยุคสิ้นโลกผู้หญิงที่เย่เทียนเฉินรักอย่างลึกซึ้งนั้นได้ตายไปแล้ว เมื่อได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ ถึงกับได้พบกับเสี้ยวหยาที่มีความคล้ายคลึงกัน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูเหมือนกับว่าจะเป็นสวรรค์ลิขิต

ไม่ว่าจะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะปกป้องเสี้ยวหยา จะไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนก็ตามมาทำร้ายเธอเด็ดขาด!

“ไม่ ไม่มี ไอ้หนู ฉันขอเตือนแกให้รู้จักสถานการณ์ซะบ้าง ถึงตอนนั้นอาจจะเกิดความผิดพลาดอะไรโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวขึ้นมาก็ได้!” แม้ว่าหวางจื้อลี่จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้กลัว คิดว่าตนเองเป็นถึงรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวงที่น่าเกรงขามคนหนึ่ง ตลอดมาก็ล้วนมีคนอื่นคอยช่วยเหลือเขา กระทั่งข้าราชการระดับสูงบางคนในเมืองหลวงก็ยังต้องช่วยเขา นอกจากนี้เขายังมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคนในสำนักความปลอดภัยสาธารณะ จุดนี้มีน้อยคนมากที่จะรู้

ดังนั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ความกลัวที่เดิมทีมีอยู่ในใจของหวางจื้อลี่นิดหน่อยก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น คิดว่าเย่เทียนเฉินกล้าลงมืออัดตนเองก็เพราะเขาเป็นคนมุทะลุคนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำก็เท่านั้น พอเขาใช้ความสัมพันธ์เหล่านี้เก็บกวาดชายหนุ่มตรงหน้า ก็จะไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย

ผัวะ!

เย่เทียนเฉินใช้เท้ากระทืบลงไปบนใบหน้าของหวางจื้อลี่โดยตรง เหยียบจนศีรษะของเขาแนบอยู่กับพื้นอย่างแรง แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่มีความอดทนหรอกนะ ช่วยคนก็ต้องรีบเหมือนดับไฟ มีแค่สองเรื่องที่แกต้องทำ เรื่องแรกเอาห้องผู้ป่วย VIP ที่เหลือนั่นออกมาซะ เรื่องที่สองเรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญทางด้านอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ทั้งหมดที่มีในโรงพยาบาลมาวินิจฉัยโรค ทันที ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เข้าใจหรือยัง?”

“แก…แกก่อเรื่องทำร้ายผู้คนที่โรงพยาบาล จะต้องได้นั่งในคุกแน่!” หวางจื้อลี่ยังคงพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้

“อ๊าก…”

พริบตาต่อมาหวางจื้อลี่พลันกรีดร้องขึ้น เย่เทียนเฉินไม่ให้เขาพูดอะไรเลยโดยสิ้นเชิง กับคนที่ความตายก็ไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แบบนี้ ไม่มีอะไรต้องพูดให้มากความ เย่เทียนเฉินเพิ่มความแรงของขาขวาที่เหยียบอยู่บนใบหน้าโดยตรง ออกแรงกดลงไปเล็กน้อย ใบหูของหวางจื้อลี่เสียดสีจนมีคราบเลือดออกมา เจ็บปวดจนต้องกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือด น้องสาวพยาบาลตัวน้อยเหล่านั้นที่อยู่รอบๆ เห็นแล้วก็รู้สึกสั่นสะท้านอยู่ในใจ แต่ในใจของคนจำนวนมากก็ยังแอบร้องว่าดี หวางจื้อลี่คนนี้ไม่เพียงแต่ยโสโอหังใช้อำนาจบาตรใหญ่ เขายังคอรัปชั่นและเจ้าชู้เป็นอย่างมาก ชอบใช้ประโยชน์จากอำนาจหน้าที่ของตนเองหยอกล้อกับเหล่าพยาบาลอย่างพวกเธอ หากว่ามีใครที่ไม่เชื่อฟังก็จะถูกหักเงินเดือน กระทั่งถูกไล่ออกด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา

วันนี้ในสังคมนี้ ทุกคนไม่ได้กำลังใช้ชีวิตแต่เป็นดำรงชีวิต หากต้องการกินข้าวหนึ่งถ้วยหรือหางานสักหนึ่งงานเป็นเรื่องยากมาก หลายคนที่ทำได้เพียงเลือกที่จะอดทนเอาไว้ โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมแบบนี้

“อย่า น้องชาย วะ ไว้ชีวิตด้วย…ผมทำ สองเรื่องนี้ ผมจะทำตามนั้น!”

คนอย่างหวางจื้อลี่ เดิมทีก็เป็นคนที่เห็นแก่ตัวอยู่แล้ว แต่คนประเภทนี้มีจุดใหญ่ๆ ที่ทำให้คนอื่นดูถูกเหยียดหยามอยู่ นั่นก็คือรังแกคนอ่อนแอหวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง ถูกเย่เทียนเฉินเหยียบไปสองครั้งจน “กระดูกที่แข็งกร้าว” ของเขาหัก พริบตานั้นจึงรู้จักโอนอ่อนแล้วจึงรีบเอ่ยปากขอร้อง ทำให้น้องสาวพยาบาลที่ล้อมรอบดูความครึกครื้นอยู่นั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา คนแบบนี้อยากจะให้ถูกเหยียบให้แบนตายไปเลยจริงๆ

เย่เทียนเฉินมองหวางจื้อลี่แวบหนึ่ง คลายเท้าที่เหยียบอยู่บนศีรษะของเขาออก ปล่อยให้หวางจื้อลี่ลุกขึ้นยืน พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ภายในครึ่งชั่วโมงสองเรื่องนี้จะต้องทำให้เสร็จ ไม่งั้นคืนนี้รองผู้อำนวยการหวางอย่างคุณจะมีปัญหาใหญ่แล้ว!”

ใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัยได้กลายเป็นป้ายยี่ห้อของเย่เทียนเฉินไปแล้ว ไม่ว่าจะในเวลาปกติหรือตอนที่อัดคน หรือกระทั่งตอนที่ฆ่าคน โดยปกติแล้วเขาก็จะมีท่าทีเช่นนี้ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนมองไม่ออกว่าตกลงแล้วเขาโกรธหรือว่าไม่ได้โกรธกันแน่ แต่ว่าคนที่ถูกเย่เทียนเฉินสั่งสอนด้วยใบหน้าแบบนี้ ตอนที่พวกเขาเห็นรอยยิ้มของเย่เทียนเฉินล้วนไม่ได้รู้สึกถึงความอ่อนโยนเลยแม้แต่ครึ่งสวน กลับมองว่ามันเป็นรอยยิ้มของเทพแห่งความตาย ทำให้รู้สึกเหน็บหนาวอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ

“ระ รู้แล้วครับ ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!” หวางจื้อลี่หัวเราะฮี่ๆ แล้วรีบไปจัดการโดยไม่สนใจบาดแผลบนใบหน้าของตนเอง

เมื่อเห็นหวางจื้อลี่พาหมอทั้งสองคนจากไป เย่เทียนเฉินก็ยิ้มเดินไปเบื้องหน้าของเสี้ยวหยาแล้วพูดว่า “หยาเอ๋อร์ พวกเราพาแม่ของเธอไปส่งที่ห้อง VIP ก่อนเถอะ แบบนี้จะได้สะดวกขึ้นสักหน่อย รอให้ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นมาถึงก่อนแล้วค่อยให้พวกเขาวินิจฉัยโรคให้แม่ของเธอ แบบนี้เชื่อว่าไม่นานก็จะสามารถได้รับการรักษาตามปกติแล้ว!”

เสี้ยวหยาได้สติกลับมาก็มองไปยังเย่เทียนเฉิน เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีจริงๆ เธอก็แค่พบกับเย่เทียนเฉินโดยบังเอิญเท่านั้น แต่เขาก็ยังคอยช่วยเธออย่างจริงใจ หลิงอวี่สวิ๋นก็เช่นเดียวกัน ได้พบกับคนดีทั้งสองคนแบบนี้ เสี้ยวหยารู้สึกว่าการที่ตนเองได้เรียนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องแล้วจริงๆ

“ขอบคุณ ขอบคุณนายมาก!” เสี้ยวหยามองไปยังเย่เทียนเฉินดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาแล้วพูดขึ้น

“ฮ่าๆ วันหลังก็ไม่ต้องพูดขอบคุณอะไรอีก เรียกฉันว่าเทียนเฉินก็พอแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจแบบนี้หรอก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“อื้อ!” เสี้ยวหยาพยักหน้า จดจำบุญคุณครั้งนี้เอาไว้ในใจ

เย่เทียนเฉินมองพยาบาลสาวสวยรอบๆ ทุกคนต่างก็เบิกตาอันสวยงามจนกว้างจ้องมองมาทางตนเอง ราวกับว่าตนเองเป็นมนุษย์ต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อขึ้นมา!

“สาวสวยทุกท่านครับ วันนี้ผมคงไม่ไปจากที่นี่หรอก หากว่าสนใจล่ะก็ สามารถมาหาได้ ผมเป็นพวกเข้ากับคนง่ายนะครับ!” เย่เทียนเฉินมีท่าทางดุจหมาป่า มองพยาบาลสาวสวยกลุ่มนั้นด้วยรอยยิ้มน่าเกลียดแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินและได้เห็นท่าทางน่าเกลียดของคนคนนี้ พยาบาลสาวสวยหลายคนก็ได้สติกลับมา ต่างพากันกรอกตาใส่เขา รีบไปวุ่นวายกับเรื่องงานของตนเอง ผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลแห่งเมืองหลวงเต็มอยู่ตลอดเวลา โรงพยาบาลใหญ่เช่นนี้ยังครึกครื้นเสียยิ่งกว่าตลาดสดมากนัก ดังนั้นน้องสาวพยาบาลเหล่านี้ต่างก็ยุ่งและลำบากมาก

แน่นอนว่าในหมู่คนเหล่านี้ก็มีคนที่ค่อนข้างจะใจกล้าอยู่ด้วย ส่งสายตาเจ้าชู้มาให้เย่เทียนเฉินโดยตรง ท่าทางเช่นนั้นราวกับจะกล่าวว่า ลูกแกะน้อย เดี๋ยวคืนนี้จะไปหานะจ๊ะ ทำเอาเย่เทียนเฉินตกใจจนตัวสั่น เหล่าสาวงามในปัจจุบันนี้มีความใจกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ

ไม่นาน เย่เทียนเฉินก็ช่วยเหลือเสี้ยวหยาและพ่อของเธอพาคุณแม่ของเสี้ยวหยาไปส่งที่ห้องผู้ป่วย VIP  หวางจื้อลี่ถูกเย่เทียนเฉินอัดไปยกหนึ่ง ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ต่อหน้าก็ยังไม่กล้าหาเรื่อง อย่างไรก็ตามเขาได้แจ้งกับผู้ที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยในสำนักความปลอดภัยสาธารณะอย่างลับๆ แล้ว นี่เป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งมาก คนของสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะนั้นมาแล้ว แล้วยังเป็นคนตำแหน่งใหญ่โตพากองกำลังมาด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของหวางจื้อลี่แข็งแกร่งขนาดไหน

“รองผู้อำนวยการหวาง คุณโทรหาสำนักความปลอดภัยสาธารณะแล้วใช่ไหมครับ?” หมอหนึ่งคนในนั้นที่ถูกอัดด้วยเช่นกันเอ่ยถามขึ้น

“หึ ฉันโทรไปแล้ว สำนักความปลอดภัยสาธารณะได้ส่งคนมาแล้ว ได้ลูกเต่านี่ ฉันจะต้องสั่งสอนมันแรงๆ อย่างแน่นอน!” หวางจื้อลี่แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น

“แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่มีคนกล้าลงมือกับรองผู้อำนวยการหวางของพวกเรา จำเป็นต้องสั่งสอนมันให้ถึงตายถึงจะถูก!” หมออีกคนที่ถูกอัดเองก็พูดขึ้นมาอย่างดุดัน

“วางใจเถอะ พอไอ้ลูกเต๋านี่ถูกจับเข้าไปในสำนักความปลอดภัยสาธารณะ ก็อาศัยความสัมพันธ์ของฉันกับผู้อำนวยการหลู เพียงแค่หนึ่งประโยคก็สามารถทำให้ไอ้หนูนี่อยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้อยากตายก็ตายไม่ได้!” หวางจื้อลี่พูดด้วยท่าทางมืดครึ้ม

“งั้นรองผู้อำนวยการหวางครับ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีครับ?”

“ทำตามที่ไอ้ลูกเต่านั้นพูดไปก่อน อย่าไปหาเรื่องมันชั่วคราว ไอ้หนูนี่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาเรื่อง ทำให้มันเชื่อไปก่อน รอจนคนของสำนักความปลอดภัยสาธารณะมา ฉันก็จะมีวิธีเก็บกวาดชีวิตน้อยๆ ของไอ้หนูนี่!” หวางจื้อลี่กัดฟันพูด

แม่ของเสี้ยวหยาถูกส่งไปที่ห้องผู้ป่วย VIP ด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหาด้านค่าใช้จ่ายทั้งหมด มีเย่เทียนเฉินที่เป็นประธานกรรมการของเครือไห่หวางอยู่ มีมหาเศรษฐีอยู่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ใช่ปัญหา ตลอดทางเย่เทียนเฉินและหลิงอวี่สวิ๋นต่างก็อยู่เป็นเพื่อน อย่ามองเพียงแค่ว่าหลิงอวี่สวิ๋นมีท่าทางเปิดเผยเฮฮาแบบนั้นเพียงด้านเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนมากคนหนึ่ง จิตใจก็งดงามเป็นอย่างมาก ในตอนที่เสี้ยวหยาและเย่เทียนเฉินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ หลิงอวี่สวิ๋นก็สอบถามสถานะการณ์กับคุณหมออยู่ตลอด

“ไม่ได้เจอกันหลายปีขนาดนี้ เธอก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่นแบบนั้นด้วยหรอ!” เย่เทียนเฉินจงใจพูดจาหยอกล้อหลิงอวี่สวิ๋น

หลิงอวี่สวิ๋นกรอกตาใส่เย่เทียนเฉินครั้งหนึ่ง ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันช่วยหยาเอ๋อร์เพราะว่าถูกชะตากับเธอ แล้วนายล่ะ? อยากจะจีบเธอใช่ไหม?”

“หา? ถูกเธอเดาออกแล้วหรอ? ไม่จริงน่า ดูท่าเธอจะเป็นกูรูด้านความรักสินะ!” เย่เทียนเฉินจงใจพูดออกมาด้วยท่าทางเกินจริง

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของเย่เทียนเฉินและได้ยินคำพูดของเขา หลิงอวี่สวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ในใจมีความไม่สบายใจเล็กน้อยวาบผ่าน เธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่นานก็สงบลง ใช้ดวงตาอันงดงามจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น “ให้มันน้อยๆ หน่อย หยาเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์จิตใจดีคนหนึ่ง นายอย่าไปหลอกลวงเธอเลย ไม่จริงใจ!”

“ฉันเนี่ยนะไม่จริงใจ? ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นคนที่จริงใจที่สุดแล้ว เป็นเธอมากกว่าที่พูดจาไม่เป็นคำพูด บอกว่าโตแล้วจะแต่งให้ฉัน ตอนนี้ยังมาทำหน้าด้านอีก เห้อ ชีวิตฉันระทมทุกข์ดีแท้ ยังโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนกลางคืนก็ทำได้แค่เผชิญกับความทุกข์อย่างโดดเดี่ยว…” เย่เทียนเฉินพูดขึ้น แสร้งทำท่าทางน่าสงสาร

“ไอ้บ้า!”

“โอ๊ย!”

เย่เทียนเฉินถูกหลิงอวี่สวิ๋นหยิกเข้าที่แขนอีกแล้ว คนคนนี้ตอนเด็กก็ชอบใช้วิธีนี้มารับมือกับเย่เทียนเฉิน ตอนที่เขาทำตัวแย่ๆ กับเธอหลิงอวี่สวิ๋นก็จะใช้วิธีนี้ และทุกครั้งก็เหมือนกันกับตอนนี้ จะยิ้มหวานอย่างเบิกบาน ในใจมีความรู้สึกเป็นสุข!