ภาคที่ 1 บทที่ 139 การต่อสู้ที่แท้จริงคือการตั้งรับและการโจมตี

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่139 การต่อสู้ที่แท้จริงคือการตั้งรับและการโจมตี

แต่ในโลกแห่งเกม ทุกคนได้ฝึกฝนแค่การโจมตี เพราะต่อให้ถูกผู้เล่นคนอื่น ๆ ฆ่าตายหรือถูกสัตว์ประหลาดเล่นงานบาดเจ็บสาหัส ตัวละครในเกมก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด มันจึงทำให้ผู้เล่นไม่สามารถฝึกฝนการตั้งรับ และไม่รับรู้ถึงความน่ากลัวของอันตรายที่คืบคลานเข้ามา

แต่ถ้าสามารถทำให้ผู้เล่นรับรู้ความเจ็บปวดได้ตอนถูกทำร้ายในเกม ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป

“หมวก VR ของพวกคุณกำลังถูกนำไปฝังอุปกรณ์พิเศษ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเวลาเล่นเกม”

“เมื่อเข้าสู่โหมดสังเวียนผู้กล้า คุณจะสามารถสัมผัสถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ 50 เปอร์เซ็นต์ของความรู้สึกที่แท้จริงทั้งหมด”

“นั่นเท่ากับว่าคุณสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นคนอื่น ๆ ภายในเกมได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้น ผู้ใดที่ชำนาญการต่อสู้ ก็จะมีความได้เปรียบเป็นอย่างมากเมื่อเข้าสู่โหมดสังเวียนผู้กล้า”

“สุดท้ายแล้ว เมื่อพวกคุณสามารถเอาชนะผู้คุ้มกันสังเวียนได้สำเร็จ พวกคุณก็จะได้เข้าสู่โลกที่แท้จริงของเกม Fantasy Dream!”

อื้อหือ!

กลุ่มผู้เล่นถึงกับตกตะลึงกันอย่างถ้วนหน้า

ถ้าเกิดถูกต่อยขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้ 50 เปอร์เซ็นต์ของแรงหมัดอย่างนั้นหรือ?

ทันใดนั้น

เฉินเซียนอวี่ยกมือขึ้น ส่งเสียงถามว่า “ในโหมดสังเวียนผู้กล้าจะจำกัดการรับรู้ความเจ็บปวดไว้ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ก็จริง แต่ถ้าเข้าสู่เกม Fantasy Dream ที่แท้จริง การรับรู้ความเจ็บปวดจะยังคงอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือจะสูงมากกว่านั้นครับ?”

ดวงตาของผู้เล่นจำนวนมากหันมาจ้องมองหวังเหาด้วยความอยากรู้คำตอบเช่นกัน

“ถูกต้องแล้ว คุณจะมีการรับรู้ความเจ็บปวดมากกว่าเดิม”

หวังเหาพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“โลกของเกม Fantasy Dream ที่แท้จริง มีการต่อสู้ซึ่งสมจริงมากกว่าโหมดสังเวียนผู้กล้าหลายเท่า เพราะฉะนั้น พวกคุณจึงต้องตั้งใจพัฒนาการต่อสู้ของตนเองให้ดี เวลาเข้าสู่เกม Fantasy Dream ที่แท้จริง จะได้ไม่พลาดท่าเสียทีใครง่าย ๆ อีก!”

เมื่อได้รับฟังคำตอบของนายตำรวจหนุ่ม สีหน้าของทุกคนก็แปรเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน

บางคนแสดงสีหน้าประหลาดใจ บางคนแสดงสีหน้าสงสัยใคร่รู้ บางคนแสดงสีหน้าตั้งตารอคอย ในขณะที่บางคนแสดงสีหน้าวิตกกังวล

ซููเย่ดวงตาเป็นประกายแวววาว มุมปากบิดตัวเป็นรอยยิ้ม

เกมนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยแฮะ…

“เนื่องจากเกม Fantasy Dream ที่แท้จริงนั้นมีความโหดร้ายมากเกินไป ทางผู้ผลิตเกมจึงได้พัฒนาโหมดสังเวียนผู้กล้าขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมทักษะให้พร้อมสำหรับการเผชิญหน้าความอำมหิตเหล่านั้น ถ้าคุณยังไม่มั่นใจในฝีมือของตนเองมากพอ ก็อย่าเข้าสู่เกม Fantasy Dream ที่แท้จริงเด็ดขาด!”

“สิ่งที่ผมสามารถแนะนำพวกคุณได้ก็คือ ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดสังเวียนผู้กล้าหรืออยู่ในโหมดการเล่นเกมปกติ ยิ่งคุณต่อสู้ได้เก่งมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีความได้เปรียบมากเท่านั้น”

“จากนี้ไป ขอให้ทุกคนเผชิญหน้าความหวาดกลัวอย่าได้หวั่นไหวเด็ดขาด!”

จังหวะนั้น

เฉินเซียนอวี่ชูมือขึ้นมาอีกครั้ง

“ผมอยากทราบว่าผู้คุ้มกันสังเวียนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับไหนครับ?”

หวังเหานิ่งคิดเล็กน้อยก็ตอบว่า “เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่ง สามารถเปิดจุดลมปราณได้แล้ว 200 จุด แต่พลังการต่อสู้ที่แท้จริง ถูกปรับลดลงมาให้เหมาะสมต่อการเล่นเกมของพวกคุณ”

“และเนื่องจากพวกคุณจะสามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ผมจึงอยากขอความร่วมมือให้พวกคุณเล่นเกมอย่างขาวสะอาด ห้ามกระทำเรื่องราวอนาจารหรือคุกคามทางเพศ มิฉะนั้นแล้ว พวกคุณจะได้รับโทษทัณฑ์ทางกฎหมายในโลกของความเป็นจริง! ถ้าเกิดถูกตำรวจบุกจับถึงห้องนอนขึ้นมา อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

ทุกคนพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ

พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านการคัดเลือกจากรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่มีใครกล้าประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด!

สองสาวฝาแฝดไป๋จือถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะนี่คือสิ่งที่พวกเธอเป็นกังวลมากที่สุดแล้ว

“นอกจากนี้”

หวังเหากวาดตามองรอบตัวอีกครั้งและพูดว่า

“ถ้าคุณสามารถผ่านโหมดสังเวียนผู้กล้าได้สำเร็จ คุณก็จะได้รับหยกปราณธรรมชาติเป็นของรางวัล!”

หยกปราณธรรมชาติ

หวังเหาล้วงหยกชิ้นเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

มันมีขนาดเท่ากับเล็บมือคน แต่เป็นประกายระยิบระยับโดดเด่นสะดุดตา

ซููเย่ดวงตาลุกวาว

หวังเหายังมีหยกปราณธรรมชาติอยู่อีกหรือนี่!

ทันทีที่พบเห็นหยกปราณธรรมชาติ มวลอากาศก็เหมือนกับจะมีพลังบางอย่างไหลเวียน ทุกคนในโรงฝึกพิเศษรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล นั่นเองจึงทำให้พวกเขาอดมองหวังเหาด้วยความประหลาดใจไม่ได้

“หึหึ สิ่งนี้เรียกว่าหยกปราณธรรมชาติ เป็นเหมือนไอเท็มพิเศษที่จะช่วยเพิ่มให้พลังวรยุทธ์ของพวกคุณสูงมากขึ้น อย่าได้ประเมินของชิ้นนี้ต่ำเกินไปเด็ดขาด พลังที่แท้จริงของหยกปราณธรรมชาตินั้นน่ากลัวมาก เพียงหยกชิ้นเล็ก ๆ ในมือผมชิ้นนี้ ก็สามารถทำให้พวกคุณขึ้นสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองได้แล้ว มันจะช่วยลดเวลาในการฝึกฝนของพวกคุณเยอะทีเดียว”

หืม?

สายตาของกลุ่มผู้เล่นจ้องมองหยกชิ้นเล็กๆ ในมือของนายตำรวจหวังเหาด้วยความไม่เข้าใจ

มันจะมีพลังมากมายมหาศาลขนาดนั้นเชียวหรือ?

“ไม่แต่เพียงเท่านี้ ถ้าคุณสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่สองได้สำเร็จ ผมก็จะมีของรางวัลใหญ่กว่านี้ให้พวกคุณ”

หวังเหายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณจะกลายเป็นบุคลากรคนสำคัญที่รัฐบาลต้องดูแลเป็นพิเศษ”

นี่แหละสิ่งที่ทุกคนต้องการ!

กลุ่มผู้เล่นยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น พวกเขาจ้องมองหยกปราณธรรมชาติที่อยู่ในมือหวังเหาด้วยแววตาแห่งความปรารถนา

เฉินเซียนอวี่จ้องมองหยกชิ้นนั้นด้วยแววตาทะเยอทะยาน

ซููเย่จ้องมองหวังเหาด้วยความสงสัย หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย

“คนที่ผ่านโหมดสังเวียนผู้กล้าได้สำเร็จ จะได้รับหยกปราณธรรมชาติทุกคนเลยเหรอ?”

“รัฐบาลมีหยกปราณธรรมชาติอยู่ในการครอบครองเยอะขนาดนี้ได้ยังไง?”

ชายหนุ่มรู้ดีว่าหยกปราณธรรมชาติส่วนมาก เป็นสิ่งตกทอดมาตั้งแต่ยุคโบราณ มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้เล่นเกมได้แน่นอน!

“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาไปเอามาจากไหนกันนะ?”

นี่คือสิ่งที่ซููเย่สงสัยมากที่สุด

วินาทีนั้น

ประตูโรงฝึกก็เปิดออก

จูอวี่และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เดินผลักรถเข็นบรรจุหมวก VR ของทุกคนเข้ามา

“สุดท้ายนี้ ผมมีข่าวจะมาบอกพวกคุณ”

เมื่อพวกของจูอวี่เริ่มนำหมวก VR แจกจ่ายคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ หวังเหาก็รับหน้าที่บอกข้อมูลเพิ่มเติม

“ทางเข้าเขตแผนที่ระดับ 30 จะอยู่บริเวณหน้าน้ำตก เมื่อเข้าไปที่น้ำตกแล้ว คุณจะพบกับสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือเข้าสู่เขตแผนที่ระดับ 30 และไล่ฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่ออัพเลเวลต่อไปตามเดิม ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งนั้น คือการเข้าสู่โหมดสังเวียนผู้กล้า! คุณสามารถกดเลือกทางไหนก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของคุณเอง เข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”

กลุ่มผู้เล่นพยักหน้า ตอบรับว่าเข้าใจ

“ใครที่ได้รับหมวกคืนไปแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที”

หลังรับหมวก VR ของตนเองคืนมา ทุกคนก็เตรียมตัวเดินออกจากโรงฝึกพิเศษ

เฉินเซียนอวี่ถือหมวก VR อยู่ในมือ เดินตรงเข้าไปหาสองสาวฝาแฝดด้วยรอยยิ้มหว่านเสน่ห์ หวังที่จะขอเบอร์ติดต่อของพวกเธอ

แต่ชายหนุ่มก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

ซููเย่กำลังจะเดินออกจากโรงฝึกพิเศษเป็นคนแรก ทันใดนั้น เขาก็พบว่าไป๋จือเหยียนกลับวิ่งตื๋อมาดักหน้าตนเองอยู่ที่ประตูทางออก เธอจ้องตาเขาและถามยิ้ม ๆ ว่า

“ซููเย่ ก่อนหน้านี้ฉันแอดเพื่อนนายในวีแชทตั้งสองรอบ นายไม่ยอมรับแอดฉันทั้งสองรอบ บอกได้ไหมว่านายมีเหตุผลอะไร ทำไมถึงไม่ยอมรับแอดฉันสักที”

“ควับ!”

ดวงตาของทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นหันกลับมามองที่สองหนุ่มสาวเป็นตาเดียว

นี่พวกเขาหูฝาดไปหรือเปล่านะ?