ภายในจวนหานอ๋อง

เยี่ยจิ่งหานนั่งอยู่บนรถเข็น มองพระจันทร์เสี้ยวที่สดใส เคลื่อนไหวแหวนหยกที่อยู่ในมือ

ด้านข้างมีเจี้ยงเสวี่ยกราบทูลรายงานอย่างต่อเนื่อง

“นายท่าน คุณหนูสามถูกหลายฝ่ายตามสังหาร ในนั้นมีฝ่าบาท พระพันปี และคนของเผ่าปีศาจ คนของนิกายเทพอสูรเป็นผู้ยื่นมือมาช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

ชิงเฟิงตกใจเล็กน้อย คล้ายดั่งเยี่ยจิ่งหานก็ตกใจแปลกใจเช่นกัน

“นิกายเทพอสูรหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเป็นประมุขชิงในบรรดาประมุขทั้งเจ็ดของนิกายเทพอสูรที่ได้รับความเลื่อมใสยื่นมือมาช่วยด้วยตนเอง พวกเขาให้ความเคารพต่อคุณหนูสามมาก ไม่เหมือนคนรู้จักกันครั้งแรก แต่ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาหลายปี อีกทั้งประมุขชิงยังมอบผู้ช่วยฝูกวงให้คุณหนูสามด้วย”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของเยี่ยจิ่งหานมีความสนใจปรากฎออกมา

ภายใต้แสงจันทรา ลักษณะท่าทางที่สงบไม่เหมือนมนุษย์ของเขาดูนุ่มนวลกว่าเมื่อก่อนมาก

เยี่ยจิ่งหานยิ้มเล็กน้อย

น่าสนใจ

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานิกายเทพอสูรจะอยู่อย่างเงียบเชียบ หลายปีมาแล้วไม่เคยออกยุทธจักร คิดไม่ถึงว่าพอหลังออกจากยุทธจักรแล้ว แต่ทว่ากลับเป็นเพราะกู้ชูหน่วน

หากว่าเขาจำไม่ผิด ฝูกวงนั้นเป็นอารักขาที่สนิทสนมข้างกายหัวหน้านิกายเทพอสูรนะ

ต่อให้ประมุขมีตำแหน่งสูง ก็ไม่มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายอารักขาคนสนิทนะ

นอกเสียจากว่าหัวหน้านิกายเทพอสูรจะแนะนำให้ทำด้วยตนเอง

สรุปว่านางมีความสัมพันธ์อย่างไรกับนิกายเทพอสูร?

“นายท่าน กระหม่อมไร้ความสามารถ เวลานี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคุณหนูสามมีความสัมพันธ์อย่างไรกับนิกายเทพอสูร ตามที่ตรวจสอบมาคุณหนูสามไม่เคยติดต่อกับนิกายเทพอสูรเลย และไม่รู้จักกับพวกประมุขชิงด้วย”

“ส่วนอี้เฉินเฟย ตอนที่กระหม่อมได้ตรวจสอบเขา พบเจอการขัดขวางมากมาย มีคนปิดบังฐานะภูมิหลังของอี้เฉินเฟย ทุกครั้งที่กระหม่อมได้ทำการตรวจสอบพบเบาะแส เบาะแสนั้นจะถูกคนตัดทำลายไป”

ชิงเฟิงกล่าวด้วยความตื่นตะลึงว่า“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนขัดขวางเราได้?หรือว่าเป็นคนของที่หนึ่งบนพื้นพิภพ?”

เจี้ยงเสวี่ยพยักหน้า

นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีผู้ใดจะมีความสามารถนี้

“นายท่าน ต้องการจับฝูกวงมาไต่สวนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่จำเป็น ในเมื่อเขาสามารถเป็นอารักขาข้างกายของหัวหน้านิกายเทพอสูรได้ เขาจะยอมเป็นคนที่ยอมจำนนต่อการทรมานตามอำเภอใจได้อย่างไร”

“แต่เขาอยู่ข้างกายคุณหนูสาม…..”

เจี้ยงเสวี่ยกล่าวได้ครึ่งหนึ่งก็เงียบลง และอยู่อย่างสงบรอคำสั่งของเยี่ยจิ่งหาน

ริมฝีปากแดงระเรื่อของเยี่ยจิ่งหานกระตุกเล็กน้อย ยิ้มด้วยความเหยียดหยาม กล่าวขึ้นว่า“ประมุขชิงออกมาช่วยกู้ชูหน่วนด้วยตนเอง เขาอยากบอกทุกคนว่ากู้ชูหน่วนเป็นคนที่นิกายเทพอสูรปกป้องอยู่ อยากจะแตะต้องกู้ชูหน่วน จะต้องพิจารณาฐานะของตนเองกัน”

“นายท่าน เช่นนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาคือ….”

“ตรวจสอบต่อไป ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ตรวจสอบออกมาให้ข้า”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง และทางทิศตะวันออกมีแสงสีขาวอมฟ้าเหมือนท้องปลาปรากฎขึ้น เยี่ยจิ่งหานมองไปที่ประตูหลายครั้ง แต่ประตูที่ปิดตั้งแต่แรกไม่เคยเปิดออกเลย

เจี้ยงเสวี่ยเข้าใจ กล่าวกราบทูลว่า“นายท่าน หัวหน้าสำนักศึกษาของสำนักศึกษาวังหลวง เพิ่งจะถูกตรวจสอบ สำนักศึกษาสงสัยว่าเยี่ยเฟิงเป็นมือสังหาร คุณหนูสามสนับสนุนเยี่ยเฟิง วันนี้ยังตรวจสอบอยู่ที่สำนักศึกษา คืนนี้เกรงว่า….เกรงว่ากลับมาไม่ได้แล้ว”

ชิงเฟิงซับเหงื่อ

คุณหนูสามกล้าหาญมาก

นายท่านตักเตือนแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังไม่กลับมา ใจที่บริสุทธิ์นี้ทำนายท่านกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียจริง

แล้วยังมีหัวหน้าสำนักศึกษาถูกสังหาร….

หัวหน้าสำนักศึกษาเป็นผู้มีฝีมือสูง อย่างเยี่ยเฟิงจะสังหารเขาได้อย่างไร?

“ก่อนหัวหน้าสำนักศึกษาจะตายสีหน้าตื่นตะลึง คล้ายดั่งว่าพบเจอความลับอะไรที่มันยิ่งใหญ่ ตอนตายบริเวณโดยรอบก็ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ใดๆ เลย เขาถูกใครบางคนแทงปาดที่คอ และรอยกริชที่คอก็บางมาก น่าจะเป็นกริชที่มีความบางทีเดียว”.

“ส่วนฐานะของเยี่ยเฟิง เขาเป็นคนดีดฉินของผู้นำกองธงดอกกล้วยไม้เผ่าปีศาจ ฐานะก็เป็นนักดนตรีต่ำต้อยคนหนึ่ง”

“นักดนตรี?”

“พ่ะย่ะค่ะ เขาได้รับคำสั่งเข้าร่วมการชุมนุมแข่งขันวิชาการ ต้องการระฆังวิญญาณสะบั้น มองดูแล้วเยี่ยเฟิงไม่ใช่คนเลวร้าย เมื่อวานเขาสวมชุดดำปิดหน้า และยังรับกริชแทนคุณหนูสามไม่น้อยเลย”