ตอนที่ 148 ก่อเรื่องวุ่นหลังเมามาย (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

หากต้องการให้เธออธิบายจริง พูดได้เพียงว่าตงฟางไป๋ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ สำหรับเธอคล้ายเป็นการดูแลของพี่ชายที่รอบคอบทั่วถึง เป็นพี่ชายที่ดีเช่นนั้น เหตุใดจะไม่ชื่นชอบกัน!

สำหรับพญายม เรื่องนี้ถือว่าพูดได้ยาก

เพราะตอนแรกสำหรับพญายม เธอมีเพียงความหวาดกลัวมาโดยตลอด ทว่าหลังจากเขาเอ่ยปากสารภาพรักกับเธอ จนวันนี้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา เธอจึงพบว่าวันนี้งดงามยิ่งนัก

แต่ว่าสำหรับชายหนุ่มตรงหน้านี้

ต้องเอ่ยตามความจริง นอกจากปกติพวกเขาดุจน้ำกับไฟแล้ว ความจริงหากพูดว่าเกลียดชัง เธอก็ไม่ได้เกลียดชัง

เพียงรู้สึกว่าเขาคล้ายเด็กน้อยที่ไม่โตคนหนึ่ง

เขาเป็นลูกผู้ดีมีเงิน ตรงไปตรงมา มีเสน่ห์ไม่น้อย ขณะเดียวกันกลับมักทำให้เธอโมโห

ตอนนี้เขากลับพูดว่า เขาชอบเธอ

เอาเถิด เธอรับรู้ แต่หากพูดว่าจะให้ยอมรับเขา ขอโทษ เธอไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้น!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากไม่ได้ ในใจก็ไม่สงบ ควรเอ่ยปากเช่นไร

เพราะแม้จะไม่อาจยอมรับชายผู้นี้ได้ ก็ไม่ควรพูดจาทำร้ายเขาเกินไป มิใช่หรือ

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาขบคิดในใจ ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า

“ขออภัย หนานกงจวิ้นซี พวกเราเป็นไปไม่ได้”

“”เพราะเหตุใด”

หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ร่างกายหนานกงจวิ้นซีราวกับถูกฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง จนสั่นไหวไปทั้งร่าง

น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความแหบพร่าและขมขื่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“เอ่อ เรื่องนี้ ยังต้องอธิบายอีกหรือ ขะ…ข้าเป็นขันที!”

สำหรับคำถามของหนานกงจวิ้นซี เล่อเหยาเหยาเพียงหาเหตุผลกลบเกลื่อนเท่านั้น

คิดไม่ถึง หลังจากหนานกงจวิ้นซีได้ยินคำพูดนี้ กลับเอ่ยอย่างไม่พอใจขึ้นมา

“แต่เหตุใดเจ้าถึงยอมรับศิษย์พี่ใหญ่ได้”

“เอ่อ เรื่องนี้”

เธอยอมรับพญายมแล้วหรือ!

มีด้วยหรือ!

เล่อเหยาเหยารู้สึกไม่เข้าใจ

อาจเพราะรับรู้ถึงความไม่เข้าใจของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีจึงเอ่ยยืนยันขึ้น

“เจ้าจะโกหกข้าไปถึงเมื่อใด เจ้าชอบศิษย์พี่ใหญ่อยู่แล้วใช่หรือไม่ ดังนั้นเมื่อวานศิษย์พี่ใหญ่จุมพิตเจ้า เจ้าถึงเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ข้าจุมพิตเจ้า กลับทำให้เจ้ารู้สึกโมโห รังเกียจ ถูกต้องหรือไม่!”

แม้คำตอบจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่หนานกงจวิ้นซีข่มกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป รวมทั้งดื่มสุราเข้าไปไม่น้อย จึงพรั่งพรูความเจ็บปวดเสียใจทั้งหมดออกมา

“น่าตายนัก เหตุใดเจ้าไม่ชอบข้า ข้าไม่ดีที่ใด เพราะเหตุใด”

เสียงคำรามแฝงด้วยความโกรธเคืองและเสียใจที่คุ้นหูเช่นนี้ของหนานกงจวิ้นซี ทำให้เล่อเหยาเหยาที่ได้ฟังสั่นไหวทั่วร่าง ตกใจอย่างหนัก

คนที่ขว้างไหสุราอยู่ห้องด้านข้างในโรงเตี๊ยมทะเลเมื่อครู่ คือหนานกงจวิ้นซี!

มิน่าตอนนั้นเธอจึงรู้สึกว่าเสียงนั้นดูคุ้นหู และพญายมเมื่อถูกคนรบกวน ก็ไม่ได้โมโห ยังให้ผู้จัดการร้านพาลูกค้าคนนั้นกลับไปอย่างดี

ที่แท้พญายมฟังออกว่าคนที่อยู่ห้องด้านข้างคือ หนานกงจวิ้นซี

ยังมีพญายมยังรู้ว่าหนานกงจวิ้นซีมีใจให้กับเธอ ถูกหรือไม่!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ กลับพลันรู้สึกว่าด้านหน้ามีเงาดำเคลื่อนเข้ามา เธอยังไม่ได้สติว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ร่างกายของเธอก็ถูกหนานกงจวิ้นซีกดทับไว้ด้านล่าง

“เอ่อ ท่านลุกขึ้น ท่านบ้าไปแล้ว”

“ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว ข้าเสียสติถึงได้ชอบขันทีเช่นเจ้า ข้าบ้าไปแล้ว เหอ ๆ”

สำหรับการดิ้นรนของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีกลับไม่ใส่ใจ เพียงหัวเราะอย่างเสียใจเท่านั้น

เมื่อเขาเอ่ยจย รอยยิ้มขมขื่นพลันชะงักงัน จากนั้นใช้น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“เจ้าหมูน้อย เด็กดี ข้าไม่ทำอันใดเจ้าหรอก เพียงอยากกอดเจ้าไว้เช่นนี้ วันหน้าข้าจะดีกับเจ้าให้มาก เจ้า ยอมรับรักข้าเถิด”

“เอ่อ ไม่ดี ทะ…ท่านลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ท่านทับจนข้าจะตายแล้ว อา ท่านพูดว่าเพียงกอดมิใช่หรือ ท่านจับที่ใด คนเลว ลุกออกไป”

เมื่อรู้สึกว่ามือใหญ่ของหนานกงจวิ้นซีที่ทับอยู่บนตัวเธอ กำลังลูบสะโพกของเธออยู่ เล่อเหยาเหยาจึงโมโหอย่างหนัก และหวั่นวิตก

เพราะเธอรู้ดีว่าคนเมาไม่มีเหตุผลที่เชื่อถือได้ที่สุด

อีกทั้งหนานกงจวิ้นซีสูงใหญ่ทรงพลัง เพียงนิ้วเดียวของเขาก็สามารถปราบเธอได้อยู่หมัด เธอกลัวเขาจะเมาจนสัญชาตญาณดิบโผล่ขึ้นมา!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาวิตกกังวลและสับสน

ตกใจจนน้ำตาไหลทะลักออกมา

“ฮือๆ คนเลวสมควรตาย ลุกออกไปนะ”

เล่อเหยาเหยาร้องไห้อย่างตกใจ

แต่เวลานี้ หนานกงจวิ้นซีที่ทับอยู่บนตัวเธอส่งเสียงเบื่อหน่ายออกมา ทันใดนั้นน้ำหนักที่กดทับบนตัวเธอ พลันสูญสลายไป

เดิมคิดว่าหนานกงจวิ้นซีสามารถดึงบังเหียนม้ากลับได้แล้ว เล่อเหยาเหยาจึงโล่งอก

คิดไม่ถึง ขณะที่เธอกระพริบไล่น้ำตาอยู่ครู่หนึ่ง ความพร่ามัวตรงหน้าเปลี่ยนไปแจ่มจัดแล้ว จึงพบว่าไม่ใช่หนานกงจวิ้นซีที่ดึงบังเหียนม้ากลับ แต่เป็น…

“ทะ…ท่านอ๋อง”

เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นมาในห้องตั้งแต่เมื่อใด และกำลังใช้มือข้างเดียวหิ้วตัวหนานกงจวิ้นซีที่หมดสติไปขึ้นมา เล่อเหยาเหยาก็ตะลึงงัน พลันคิดว่าตนตาฝาด จึงพลันใช้มือเล็กขยี้ตาไม่หยุด คิดเช็ดน้ำตาออกไป เพื่อจะได้มองชัดเจนว่าตนไม่ได้ตาฝาด

เธอไม่ได้ตาฝาด!

เป็นพญายมจริงๆ !

เขามาแล้ว!

นั่นก็ไม่แปลก ห้องของพวกเขาเดิมทีอยู่ใกล้กัน แน่นอนว่าเมื่อครู่พญายมคงรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของทางนี้ จึงเดินเข้ามาดู

โชคดีที่เขามาทันเวลา

พอคิดถึงตรงนี้ นึกถึงเรื่องที่หนานกงจวิ้นซีเกือบจะทำเรื่องผิดศีลธรรมกับตนขึ้นมา เล่อเหยาเหยาจึงยังคงหวาดกลัว น้อยใจดุจน้ำไหลทะลักเข้าท่วมหัวใจของเธอ

เล่อเหยาเหยาจึงร้องไห้อย่างหนักขึ้นมา

“หยุดร้องเถิด เปิ่นหวางมาแล้วมิใช่หรือ”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาร้องไห้อย่างน้อยใจโศกเศร้า หัวใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันกระตุกอย่างรุนแรงจนเจ็บปวด

คิ้วขมวดเป็นปม พลันเหวี่ยงมือทิ้งหนานกงจวิ้นซีที่หมดสติแล้ว ไปที่เตียงอีกหลังอย่างไม่สงสาร

ทันใดนั้นแขนยาวก็วาดออกมา โอบเล่อเหยาเหยาที่กำลังร้องไห้อย่างหนักเข้าสู่อ้อมกอดตนอย่างอ่อนโยน

“หยุดร้องเถิด ดีหรือไม่”

สำหรับการสังหารคน เหลิ่งจวิ้นอวี๋มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดคุ้นเคยกว่าเขาอีกแล้ว

ทำลายส่วนใดในร่างกายคนแล้วเจ็บปวดที่สุด ส่วนใดทำให้รู้สึกตายทั้งเป็นที่สุด หรือช่วยชีวิตไม่ได้ เขาเพียงหลับตาก็สามารถทำได้ แต่สำหรับการปลอบคนนั้น

เอาเถิด เขายอมรับว่าเขายังไม่คุ้นชิน

ด้านหนึ่งตบลงบนไหล่บอบบางของคนตัวเล็กในอ้อมกอดอย่างเบามือ หูได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น ทำให้ใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋แทบแตกสลาย

หากคนที่รังแก ‘เขา’ มิใช่ศิษย์น้องของตน เหลิ่งจวิ้นอวี๋ต้องทำให้คนผู้นี้ตายอย่างไร้ที่ฝังแน่!

แต่…

ความจริง เมื่อคืนเรื่องที่หนานกงจวิ้นซีอยู่ที่นี่ เขารับรู้และได้ยิน

เพราะพลังหูของคนที่ฝึกวิทยายุทธ์จะดีกว่าคนทั่วไป รวมทั้งทั้งสองคนอยู่ใกล้กันอย่างมาก

เพียงเขายืนฟังอยู่ข้างประตู สามารถได้ยินความเคลื่อนไหวของทางนี้

แต่กลับไม่คิดว่า เขาจะได้ยินคำพูดเหล่านั้น

เดิมทีหนานกงจวิ้นซีเขาเองก็…

แม้เขาจะเป็นศิษย์น้องของตน แต่ขออภัย เรื่องความรัก คนเดียวโดดเดี่ยว สามคนอึดอัดเกินไป ดังนั้นแม้เขาจะเป็นศิษย์น้องของตน ต้องเป็นเช่นนี้

สำหรับคนในอ้อมกอด เมื่อเขาให้ความสำคัญ จะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด!

พอคิดถึงตรงนี้ แขนที่โอบกอดเล่อเหยาเหยาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋แน่นขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว

สุดท้ายเล่อเหยาเหยาที่ร้องไห้เซ็งแซ่ รู้สึกเจ็บปวดบนเอวเล็กน้อย จึงเงยใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นช้าๆ ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างน่าสงสารว่า

“ท่านอ๋อง ท่านทำข้าเจ็บ”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตกใจ พลันคลายมืออก

เล่อเหยาเหยาที่รู้สึกกระวนกระวาย หลังผ่านการร้องไห้อย่างหนัก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างมาก

และรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนร้องไห้อย่างน่าสงสาร จนทำน้ำตาน้ำมูกเปื้อนบนเสื้อผ้าของชายหนุ่ม พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เก้อเขินชั่วขณะ ก่อนสูดจมูก เอ่ยกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงแฝงการขอโทษว่า

“ขออภัยท่านอ๋อง บ่าวทำเสื้อของท่านสกปรก ท่านถอดออกมาเถิด บ่าวจะช่วยนำไปซักทำความสะอาด”

เสียงเล่อเหยาเหยา ยังแฝงความแหบพร่า เมื่อฟังจะทำให้คนประทับใจ และเกิดความสงสาร

เมื่อได้ยินเหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงยกมุมปากขึ้น ก่อนเอ่ยเบาๆ กับเล่อเหยาเหยาว่า

“ไม่ต้อง”

พูดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“เรื่องในคืนนี้ เจ้าไม่ต้องนำไปใส่ใจ จวิ้นซีเขาไม่ได้ตั้งใจ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ทราบดีว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋คงเห็นแก่ที่หนานกงจวิ้นซีเป็นศิษย์น้องของตน เล่อเหยาเหยาจึงเม้มริมฝีปาก ก่อนพยักหน้ารับ

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน ใช้มือคว้าตัวหนานกงจวิ้นซีที่ยังคงหมดสติ พลันเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“พักผ่อนเถิด”

เอ่ยจบ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ยกตัวหนานกงจวิ้นซีจากไป

ทันใดนั้น ทั่วห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

แต่หลังเกิดเรื่องเมื่อครู่ เล่อเหยาเหยาจะหลับตาลงได้เช่นไร!

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงขดตัวซ่อนอยู่ที่มุม ตาค้างตลอดคืนจนถึงเช้า

เพราะนอนไม่หลับ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงตื่นตั้งแต่เช้า

ขณะไปปรนนิบัติเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังตื่นนอน เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นขอบตาดำดุจหมีแพนด้าของเล่อเหยาเหยา คิ้วน่ามองนั้นอดขมวดเป็นปมไม่ได้

สุดท้าย เขาไม่พูดสิ่งใดมาก เพียงถอนหายใจเบาๆ ออกมา จากนั้นรับสั่งให้เล่อเหยาเหยากลับไปพักผ่อนที่ห้อง ก่อนเข้าวังหลวงไป

เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋เข้าวังหลวงแล้ว เล่อเหยาเหยาที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของตนในกระจก จึงตกใจอย่างหนัก

“เอ๋ นี่คือข้าเองหรือ”

น่าตกใจยิ่งนัก!

เห็นเพียงใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือดูซีดเซียว มองแล้วยังคิดว่าเจ็บป่วย

เมื่อเห็นขอบตาดำคล้ำคู่นั้น ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าตนเป็นตัวแทนของสิ่งล้ำค่าของประเทศ!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดโมโหไม่ได้

ต้องโทษองค์ชายเจ็ดสมควรตายผู้นั้น!

สารเลว!

เป็นเพราะเขา!

จู่ๆ ปรากฎตัวขึ้นมาตอนเที่ยงคืนตีสาม และยังเกือบจะข่มเหงเธออีก!

แม้เขาจะพูดว่าชอบเธอ แต่การชอบคนผู้หนึ่ง ต้องทำเช่นนี้หรือ!

คิดดูแล้ว เล่อเหยาเหยาโมโห

แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังคิดอย่างโมโห ชายหนุ่มที่เป็นต้นเหตุให้ตนโมโหนั้นก็ปรากฎตัวขึ้น