“หลงหลิวหลีเก่งกาจสมคำล่ำลือจริงๆ” หยวนเจินเพิ่งจะเสร็จพอดี ปรากฏชื่อบนเสาหินเป็นอันดับสอง ซึ่งอันที่จริงยังแตกต่างกันอยู่ ภาพยันต์ของเขาเป็นเพียงแค่ระดับ 7 เท่านั้น เมื่อเทียบกับยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 8 ของหลิวหลีแล้ว ไม่ได้ต่างกันแค่เพียงเล็กน้อยอยู่แล้ว
หนานกงเวิ่นเทียนทำริ้วเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้วเช่นกัน ด้วยเหตุเพราะเขาเป็นร่างวิญญาณเหมันต์ ทำให้ริ้วเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาดีกว่าแบบทั่วไปถึงสิบเท่า แต่ด้อยกว่าภาพยันต์ของหยวนเจินเพียงเล็กน้อย จึงได้อันดับสามไปครอง
อันดับ 4 ยังคงเป็นผู้บำเพ็ญอสูรเฟยเผิง อันดับ 5 คือเยี่ยซิงขวง อันดับ 6 ได้แก่ตวนมู่เหยา อันดับ 7 หยวนเทียน อันดับ 8 กงเพียวเพียว อันดับ 9 พระเทียนซิน อันดับ 10 หงอวี้จากเผ่ามาร กระทั่งยาศักดิ์สิทธิ์ที่นางทำก็เป็นแค่ยาระดับ 6 คุณภาพสูง ไม่ใช่คุณภาพชั้นเลิศด้วยซ้ำ ถูกคนหัวเราะเยาะเย้ยว่าหาเรื่องใส่ตัว ไล่ให้ไปคุกเข่าให้หลิวหลี ไม่แน่ว่าหลิวหลีอาจใจดีสอนอะไรนางบ้าง หงอวี้ได้ยินจึงโกรธจนหน้าแดง
“ยินดีด้วย หลิวหลี” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างจริงใจ
“ข้ายังรู้สึกว่าข้ารังแกคนอื่นมากเกินไปเล็กน้อย พวกเจ้าปรุงยาไม่ได้ถึงระดับ 8 มีแต่ข้าที่อยู่ในระดับ 8 รู้สึกเหมือนข้ารังแกคนอื่น” หลิวหลีลูบจมูกตนเองเบา ๆ ทำไมคนพวกนี้ถึงได้อ่อนหัดแบบนี้
“มีประโยคหนึ่งพูดถูกนัก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนหลงหลิวหลี”
“มันก็จริง แต่เสี่ยวเทียน ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าสามารถสร้างริ้วศักดิ์สิทธิ์ได้” หลิวหลีรู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้จักหนานกงเวิ่นเทียนมากพอ
“ข้าเองก็ต้องพยายาม ถึงแม้การวิ่งไล่ตามเจ้าจะเหนื่อยยิ่งนัก แต่ก็ได้อะไรกลับมามากมาย วางใจเถอะนังหนู ขอแค่เจ้าหันหลังกลับมา ข้าจะอยู่ด้านหลังเจ้าเสมอ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางลูบผมของหลิวหลี
“เสี่ยวเทียน” หลิวหลีชอบประโยคนี้ อุ่นใจเหลือเกิน แต่นางจะรอเขา จะไม่ปล่อยให้เขาเดินข้างหลังแต่เป็นเดินเคียงข้างกัน
“นังหนู นังหนูเสียวเสี่ยวล่ะ” หนานกงเวิ่นเทียนพบว่าหลงเสียวเสี่ยวไม่อยู่
“ด้วยความสามารถของนาง มาได้ถึงตอนนี้ก็เก่งแล้ว” หลิวหลีมองชื่อหลงเสียวเสี่ยวในตัวอักษรสีม่วงตามด้วยรูปยิ้มน่ารักๆด้านหลังที่ปรากฏบนท้องฟ้า
“ก็จริง แต่ว่าเหมือนผู้บำเพ็ญที่ได้อันดับแล้วจะต้องแยกตัวออกไป ราวกับมีอะไรบางอย่างกั้นเอาไว้” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางมองหลงเสียวเสี่ยวที่ร้อนรนแต่กลับไม่สามารถขยับฝีเท้าได้
“จริงสิ ลำดับถัดไปคงจะเป็นอันดับที่ 31 ถึง 50 แล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปจะเจอกับอะไรอีก” หลงหลิวหลีกล่าว ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเจอเรื่องยากอะไรอีก
“ยินดีกับทุกท่านที่ผ่านเข้าสู่ด่านถัดไป ด่านนี้ค่อนข้างง่าย ทดสอบโชคชะตา ภูเขาด้านหน้ามีผลไม้สีขาว 100 ผล ข้างในจะมีเพียง 30 ผลเท่านั้นที่มีตัวเลขอยู่ด้านใน จึงจะได้ผ่านไปสู่ด่านต่อไป บางครั้งความโชคดีก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน หากมีคนเลือกผลไม้สีขาวที่ไม่มีเลขติดต่อกัน 3 ครั้งล่ะก็จะต้องออกจากแข่งขันเหลือเพียงแค่รายชื่อเอาไว้เท่านั้น” หุ่นเชิดร่างหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พอพูดจบก็ปรากฏภูเขาลูกหนึ่งขึ้นตรงหน้า ด่านนี้พึ่งดวงจริงๆ
“มันจะมีคนที่แย่งไม่ได้สักลูกเลยไหมนะ” หลิวหลีพูดเสียงเจ้าเล่ห์ ชักจะซวยเกินไปแล้ว
“นังหนู คนที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้อ่อนแอมากนักหรอก” นังหนูคิดอะไรอยู่เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
“ไปกันเถอะ หากยังไม่ไปอีกล่ะก็ ผลไม้สีขาวที่เป็นของจริงคงจะโดนเด็ดไปหมด” ทำไมหนานกงเวิ่นเทียนจะไม่รู้ว่าในใจนังหนูคิดอะไรอยู่ หลิวหลีแลบลิ้น เสี่ยวเทียนรู้ใจนางจริงๆ
เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าไป ถึงได้สังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ ถึงแม้จะบอกให้เด็ดผลไม้สีขาว แต่ผลไม้สีขาวที่ว่าอยู่ไหนกันล่ะ พอใช้ประสาทเซียนลองหาดู ไม่เจอผลไม้สีขาวด้วยซ้ำ นี่พวกเขาต้องอาศัยโชคชะตาจริงๆ
“ข้าไม่รู้สึกถึงผลไม้ที่ว่าเลย เจ้าล่ะ หลิวหลี” หนานกงเวิ่นเทียนถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่รู้สึกเลย เหมือนเป็นของธรรมดาที่ไม่สามารถใช้ประสาทเซียนสัมผัสได้ ถ้าเป็นแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดคงต้องใช้วิธีดั้งเดิม” หลิวหลีพูดอย่างเคร่งเครียด
“วิธีดั้งเดิมหรือ?” มันคืออะไรกันแน่
จากนั้นหลิวหลีจึงนำหยกออกมา ใช้พลังเซียนขัดหยกให้เรียบทั้งสองด้าน แล้วก็ใช้พลังเซียนสลักคำว่า ‘หัว’ กับ ‘ก้อย’ ลงไป หนานกงเวิ่นเทียนมองการกระทำของหลิวหลีอย่างงุนงง แบบราวเด็กเล่นขายของ แล้วเขาก็เห็นหลิวหลีโยนแผ่นหยกขึ้นด้านบน ใช้มือขวากดป้ายหยกไว้บนหลังมือซ้าย
“หากออกหัวให้เดินไปทางซ้าย ออกก้อยเดินไปทางขวา” หลิวหลีพูดจบก็ยกมือขึ้น ออกหัว
“ไปทางนี้” ถึงแม้จะรู้สึกว่าวิธีของหลิวหลีไม่ค่อยเข้าท่านัก แต่หนานกงเวิ่นเทียนก็ยังเลือกจะเดินตามทางไป
ผลคือทั้งสองเดินผ่านทางแยกไป 7 ทางแยก จนไปหยุดที่ริมหน้าผา
“นังหนู เจ้าจะเลือกอย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนแหย่ ด้านหน้ามาจนสุดทาง จะหัวจะก้อยก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาจึงแกล้งกระเซ้าถามหลิวหลี
“ไม่มีทางเดินต่อแล้วหรือ เฮ้อ” หลิวหลีถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ หรือวันนี้จะโชคไม่ดีจริงๆ ไม่ใช่สิ ถึงแม้จะบอกว่าเลือกโดยการเสี่ยงดวง แต่จริงๆแล้วนางทำตามสัญชาตญาณตนเอง ไม่ควรจะเกิดเรื่องผิดพลาด นางเงยหน้ามองฟ้าแล้วก้มมองหน้าผา จากนั้นก็ถอนหายใจ จู่ๆก็เหลือบเห็นแสงสว่างที่ส่องอยู่ไม่ไกล นั่นคืออะไร หลิวหลีหรี่ตา ของสิ่งนั้นคืออะไร หลังจากที่หลิวหลีเขยิบดู หลิวหลีก็พบว่า เป็นผลไม้สีขาว แถมยังเป็นผลไม้สีขาวที่ออกเป็นแฝดกัน
“เสี่ยวเทียน ผลไม้สีขาวอยู่ตรงนั้น” หลิวหลีชี้ไปที่ทางหนึ่ง หนานกงเวิ่นเทียนรีบร้อนไปดู เป็นลูกไม้สีขาวจริง ๆ ด้วย อีกทั้งยังเป็นลูกแฝด หนานกงเวิ่นเทียนรีบกระโดดไปเด็ดผลไม้สีขาวลูกนั้น
“นังหนู เจ้าเลือกมาหนึ่งผล” ในเมื่อจะทดสอบดวง ต้องดูดวงเป็นหลัก จะใช้ประสาทเซียนตรวจสอบดูก็คงไม่แม่น
“เสี่ยวเทียนเลือกก่อน” หลิวหลีกล่าว
“ก็ได้ ข้ารู้สึกว่าวันนี้ข้าดวงดีอยู่” หลิวหลีพูดแกล้งเล่น
“เจ้าก็ดวงดีมาตลอดอยู่แล้ว” แค่ดีอย่างเดียวที่ไหน ดีมากจนน่ากลัวเลยต่างหาก
หลิวหลีเลือกผลไม้ฝั่งซ้ายมือตามสัญชาตญาณ หนานกงเวิ่นเทียนเลือกอันทางขวา ทั้งสองบีบออกพร้อมกัน มีหมายเลขอยู่ข้างในจริงๆด้วย
“เสี่ยวเทียนพูดไว้ไม่ผิด ข้าดวงดีจริงๆ” หลิวหลีโยนหมายเลขในมือไปมา เจิดจ้าแสบตาใต้แสงอาทิตย์
“นังหนูดวงดีจริงๆ ดูของข้าบ้างสิ” หนานกงเวิ่นเทียนบีบออกมาตามระเบียบ นึกไม่ถึงเลยว่าข้างในจะมีตัวเลขอยู่จริงๆ เป็นเลขสาม นี่จะใช่อันดับของเขาในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกครั้งนี้หรือไม่นะ
บนท้องฟ้าปรากฏอักษรคำว่าหลงหลิวหลี อันดับหนึ่ง หนานกงเวิ่นเทียน อันดับสาม รวดเร็วจนทุกคนตกใจ
“อันดับหนึ่งหลงหลิวหลีไม่คิดจะแบ่งตำแหน่งให้ใครได้ครองเลยจริง ๆ”
“ใช่ ชะตาฝืนลิขิตฟ้า พลังบำเพ็ญเพียรก็ไม่ธรรมดา ยังนึกว่าด่านนี้หลงหลิวหลีจะเหมือนกับแมลงวันที่บินอย่างไรทิศทาง ผลคือนี่เท่าไหร่กันเชียว ไม่มีข่าวคราวใดแพร่งพราย ก็ปรากฏอันดับหนึ่งขึ้นเสียแล้ว”
“อยากจะรู้จริงๆว่าหลงหลิวหลีหาผลไม้สีขาวเจอได้อย่างไร” มีคนอดจะหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
“ต้องมาอยู่ยุคเดียวกับหลงหลิวหลี ช่างน่าเศร้าจริงๆ”
“ใช่ โดนทิ้งห่างไปตั้งไกล เกิดมายุคเดียวกับนาง ต้องมาเข้าร่วมศึกการจัดอันดับผู้ถูกเลือกกับนาง พวกเราช่างน่าเศร้าจริงๆ”
หลงหลิวหลีไม่รู้ว่าตัวเองได้สร้างความกดดันให้แก่ผู้อื่นมากขนาดไหน หลังจากเพียงครู่หนึ่ง นางเองกับหนานกงเวิ่นเทียนก็ได้ออกมาจากภูเขาลูกนั้น อีกอย่างสถานที่ซึ่งเตรียมจัดด่านต่อไป นางรู้สึกว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก
“เสี่ยวเทียน เจ้าไปบำเพ็ญเพียรในมิติก่อน พอมีคนแล้วข้าจะปล่อยเจ้าออกมา”
“ก็ดีเหมือนกัน” ตอนนี้เขาต้องการเวลาอย่างมาก และมิติของหลิวหลีมีเวลาเหลือเฟือ
ส่วนหยวนเทียนที่อยู่ในภูเขาก็ดวงดีใช้ได้ เขาเจอผลไม้สีขาวหมายเลข 7 เขาเดินอยู่ดีๆก็มีผลไม้สีขาวตกมาจากฟ้าเหมือนละคร หยวนเทียนยังไม่ทันเห็นว่าคืออะไร ก็บีบผลไม้จนเละแล้วหมายเลข 7 ขึ้น ฮัวจิงเฟยบีบผลไม้เละไปสองลูกถึงจะเจอหมายเลข 19 สิบอันดับแรกไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย ดวงค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ฮัวจิงหงไม่เจอหมายเลขถึงสามครั้งติดต่อกัน จึงตกรอบไปอันดับที่ 48 ถึงแม้ฮัวจิงหงจะอยากเข้าร่วมการแข่งขันด่านต่อไป แต่ทว่าได้ดูข้างๆก็สนุกเช่นกัน
อันดับของฮัวจิงหงทำให้บ้านสกุลฮัวประหลาดใจ ฮัวเชียนหนิวเองค่อนข้างพอใจกับผลงานครั้งนี้ของฮัวจิงหง
จนทุกคนออกมากันหมดแล้ว รายชื่ออันดับที่ 31 ถึง 50 ก็ปรากฏขึ้น นี่เป็นการบอกว่าตอนนี้เหลืออยู่แค่เพียงสามสีเท่านั้น การแข่งขันยิ่งอยู่ดุเดือดมากขึ้นทุกที
“เหลือแค่ 30 อันดับแรกแล้ว ข้าหวังว่าตัวเองจะได้อันดับที่ดีๆสักหน่อย” ฮัวจิงเฟยไม่ยิ้มอีก เขารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย และทุกคนก็รู้สึกได้เช่นกัน
“ข้าสามารถรักษาตำแหน่งในสิบอันดับแรกได้ก็พอ ข้าไม่เคยคิดถึงอันดับหนึ่งเลย” หยวนเทียนตั้งเป้าหมาย
“ถึงจะยังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของหลงหลิวหลี แต่ข้าเองก็พอนะรู้ความสามารถของหนานกงเวิ่นเทียนอยู่ ดูท่าแล้วเผ่ามารคงจะไม่มีทางได้อันดับหนึ่งกลับไปครองแน่” เยี่ยซิงหวงหมดอาลัยตายอยาก ด่านที่สองใช้โล่โลหิตไป ถึงแม้จะฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้แล้ว แต่เรื่องนั้นก็ยังคงติดค้างในใจเขา
“โยมหลงเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ อาตมาถูกกดจนอยู่อันดับสองตลอด โยมหนานกงไล่ตามมาเป็นอันดับสาม อาตมาเกิดมีจิตเห็นแก่ตัว บาปกรรม บาปกรรม” ไต้ซือหยวนเจินพูดอย่างละอายแก่ใจ
“เหลือแค่ 30 คนแล้ว ข้าต้องพยายามต่อสู้เพื่อเผ่าอสูร เสียดายถึงแม้หยวนเทียนจะเป็นอสูร แต่กลับไม่ยอมร่วมมือกับเขา” เฟยเผิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
“หรือว่าข้าหงอวี้จะต้องรั้งท้ายในสิบอันดับแรกหรือ ไม่ได้ ข้าไม่ยอม ข้าจะต้องแย่งชิงมาให้ได้” หงอวี้รู้สึกโมโหกับโชคชะตาในอันดับ 10 ของตนเอง
“ข้ากงเพียวเพียวนึกว่าตัวเองเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะ ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับคนอื่น แต่กลับไม่รู้ว่าความสามารถของตัวเองจะต่างจากคนอื่นถึงขนาดนี้ อันดับหนึ่ง ถึงจะบอกว่าไม่รู้กำลังตนเอง แต่ก็อยากจะแย่งชิงดู” สีหน้ากงเพียวเพียวนิ่งเฉย แต่แอบวางแผนในใจ
“เฮ้อ ครั้งนี้เขาคำนวนไว้แล้วว่าตัวเองจะได้อยู่ในอันดับ 5 หรือไม่ก็ 6 เพียงแต่อันดับ 1 ทำให้ข้าไม่อยากยินยอม หลงหลิวหลี ถึงข้าจะรู้ผลที่จะตามมา แต่ข้าก็อยากจะลองแย่งชิงดู” ตวนมู่เหยากล่าว เขาปราดเปรื่องในคัมภีร์อี้จิง อ่านทุกอย่างออก แต่ก็ยังอยากจะลองดู
………………………………….