บทที่ 174 เหตุการณ์หลังมึนเมา

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

เสวี่ยเจียเยว่ไม่เห็นเสวี่ยหยวนจิ้งดื่มบ่อยนัก ตอนที่เขารับราชการอยู่นอกเมืองหลวง ชายหนุ่มจะดื่มเพียงสองสามจอกเท่านั้น แต่คืนนี้ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ดื่มมากขนาดนี้ ฝ่ามือก็ร้อน ใบหน้ายิ่งร้อนมากกว่า

เธอถามเขาด้วยความเป็นห่วง “ท่านดื่มไปมากแค่ไหนกัน ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”

เสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินเช่นนั้น เขาก็เอนศีรษะพิงไหล่เสวี่ยเจียเยว่แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดื่มไปมากเลยละ ตอนนี้เวียนหัวยิ่งนัก เจ้าช่วยพยุงข้าที”

เขาถึงขั้นทำตัวเหมือนเด็กๆ จนเสวี่ยเจียเยว่จนปัญญาจะโต้ตอบ

ฉ่ายผิงกับกวนเหยียนถือตะเกียงเดินนำหน้า ภายใต้แสงไฟ เสวี่ยเจียเยว่เห็นใบหน้าของเสวี่ยหยวนจิ้งแดงเรื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาเมาจริงๆ จึงมิได้สนใจสิ่งที่เขาพูด เพียงพยุงอีกฝ่ายเดินไปข้างหน้า

ยังดีที่เรือนของทั้งสองอยู่ใกล้กัน เมื่อเดินออกมาจากประตูลานเรือนของตันหงอี้ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเรือนของพวกเขาแล้ว

ฉ่ายผิงเดินไปเปิดประตูใหญ่ลานเรือน แล้วเชิญเสวี่ยหยวนจิ้งกับเสวี่ยเจียเยว่เข้าไป จากนั้นก็เข้าไปจุดเทียนในเรือน

เสวี่ยเจียเยว่ประคองเสวี่ยหยวนจิ้งเข้าไปในห้องทิศตะวันออก ให้เขานั่งลงบนเตียงไม้ติดหน้าต่างทางทิศใต้ และถอดเสื้อตัวนอกให้เขา จากนั้นก็สั่งฉ่ายผิงไปชงชาเข้มๆ มาสักถ้วย และไปตักน้ำร้อนเข้ามา

ฉ่ายผิงส่งเสียงรับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไป เสวี่ยเจียเยว่หันกลับไปคิดจะแขวนเสื้อตัวนอกไว้ข้างผนัง แต่ถูกเสวี่ยหยวนจิ้งจับข้อมือเอาไว้เสียก่อน จากนั้นใช้แรงดึงเพียงเล็กน้อยเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“เจ้าใช้ให้ฉ่ายผิงไปต้มชาเข้มๆ ให้ข้าทำไม หรือเจ้าไม่รู้ว่าดื่มชาเข้มๆ ทำให้หลับยาก หรือว่าคืนนี้ไม่คิดจะให้ข้านอน อยากให้ข้าปรนนิบัติเจ้าทั้งคืนใช่หรือไม่”

ผิวขาวเนียนของเขาถูกย้อมไปด้วยสีแดงก่ำเพราะความเมา ดวงตาสีดำขลับเหมือนมีน้ำส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับอยู่ภายใน ท่ามกลางแสงเทียนอันอบอุ่น ท่าทางมึนเมาของเขาช่างน่าดึงดูด ท่าทางที่สุขุมเย็นชาในเวลาปกติอ่อนลงไปไม่น้อย กลับกลายเป็นความชั่วร้ายปรากฏขึ้นมาแทน

โดยเฉพาะเสียงแหบพร่าจากความมึนเมา ทำให้คนที่ได้ยินหัวใจเต้นรัว

เสวี่ยเจียเยว่ผลักสามีออกไป ทั้งรู้สึกขำและขุ่นเคือง “เหตุใดท่านต้องคิดถึงแต่เรื่องนั้นไม่ว่าจะทำสิ่งใด ชาเข้มๆ ก็ใช้เพื่อปลุกท่านให้มีสติ อีกอย่าง… ท่านเมาจนมีสภาพเช่นนี้ ข้าต่างหากที่ไม่อยากนอนร่วมเตียงกับท่าน ได้กลิ่นเหล้าคลุ้งเช่นนี้จะหลับลงได้อย่างไร อีกประเดี๋ยวข้าจะเรียกฉ่ายผิงมาจัดห้องทางทิศตะวันตกให้ ท่านไปนอนห้องนั้นแล้วกัน”

ห้องทางทิศตะวันตกเป็นห้องนอนเดิมของเสวี่ยหยวนจิ้ง เตียงนอนยังอยู่ตรงนั้น เพียงนำฟูกกับผ้าห่มไปปูก็นอนได้แล้ว

“ข้าไม่ไป” เสวี่ยหยวนจิ้งเพิ่มแรงจับข้อมือของเสวี่ยเจียเยว่เล็กน้อย ไม่ยอมให้หญิงสาวผลักเขาออกไป จากนั้นก็ถูปลายจมูกของตนกับปลายจมูกของภรรยา “ข้าไม่ได้เมา”

“แล้วเมื่อครู่ใครบอกว่าเมา ทั้งยังอยากให้ข้าพยุงกลับเรือนอยู่เลย” เสวี่ยเจียเยว่ถลึงตามองชายหนุ่ม “ตอนนี้กลับมาบอกว่าตนไม่เมาแล้วอย่างนั้นหรือ”

เสวี่ยหยวนจิ้งหัวเราะแต่ไม่กล่าวตอบโต้อันใด เพียงถูปลายจมูกของเสวี่ยเจียเยว่ต่อ

เดิมทีเสวี่ยเจียเยว่ไม่ได้โกรธเขาจริงๆ เพียงแค่เป็นห่วงชายหนุ่มไม่น้อย เมื่อเห็นเขาทำตัวติดหนึบกับเธอเช่นนี้ก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด จึงผลักเขาออกด้วยรอยยิ้ม

“ท่านปล่อยข้าก่อน”

เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งไม่ยอมปล่อย เสวี่ยเจียเยว่จึงบอกเขา “ดื่มชาเข้มๆ อาจทำให้นอนหลับยากจริงๆ ข้าจำได้ว่าตอนที่พวกเรากลับมา ระหว่างทางซื้อน้ำผึ้งกลับมาด้วยหนึ่งขวด ข้าจะออกไปเอาเดี๋ยวนี้ ให้ท่านดื่มน้ำผึ้งอุ่นๆ สักถ้วยคงพอจะทำให้สร่างเมาได้บ้าง”

เสวี่ยหยวนจิ้งยังคงไม่ยอมปล่อย “ข้าไม่อยากดื่มน้ำผึ้ง ข้าอยากดื่มชาเข้มๆ คืนนี้พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทำ จะให้ข้าไม่มีสติได้อย่างไร”

เมื่อเสวี่ยเจียเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็ทั้งโกรธและเขินอาย จึงผลักเขาออกแล้วไปหาน้ำผึ้งขวดนั้น เมื่อหาพบแล้วก็ถือขวดน้ำผึ้งออกไปที่ห้องครัว และเห็นว่าฉ่ายผิงกำลังต้มน้ำพอดี จึงเทน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย

เธอไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้สามีดื่ม แต่วางถ้วยนั้นไว้บนโต๊ะข้างเตียงไม้พลางกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “รีบดื่ม”

เสวี่ยหยวนจิ้งมองภรรยาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มน้ำผึ้งจนหมดถ้วยอย่างว่าง่าย

ฉ่ายผิงยกถ้วยเปล่าถอยหลังออกไป แล้วตักน้ำร้อนเข้ามาส่งให้พวกเขาทั้งสองใช้อาบ

เดินทางมาเกือบเดือน ระหว่างทางไม่ได้อาบน้ำดีๆ ในโรงเตี๊ยมสักครั้ง วันนี้ได้กลับเรือนย่อมต้องอาบนานเป็นธรรมดา

เสวี่ยเจียเยว่บอกให้เสวี่ยหยวนจิ้งไปอาบน้ำก่อน เพราะคนเมาต้องพักผ่อนให้มาก จากนั้นก็จะส่งเขาเข้านอน แล้วเธอค่อยไปอาบต่อ แต่ตอนที่เสวี่ยหยวนจิ้งลุกขึ้นกลับบอกว่าตนเวียนศีรษะ ยืนไม่ค่อยมั่นคงนัก ต้องให้เสวี่ยเจียเยว่พยุงเขาไปที่ห้องอาบน้ำซึ่งใช้ฉากกั้น เธอได้แต่ยอมทำเท่านั้น

เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำแล้ว เขาก็บอกว่าสองมือสั่นเทา แม้แต่แรงจะถอดชุดก็ไม่มี เกลี้ยกล่อมให้เสวี่ยเจียเยว่ถอดชุดให้

หลังจากถอดชุดเสร็จแล้ว เขาจะปล่อยให้เสวี่ยเจียเยว่เดินหนีได้อย่างไร เขาอุ้มหญิงสาวลงไปนั่งในอ่างไม้ด้วยกันโดยไม่สนใจการขัดขืนของภรรยา

จนกระทั่งน้ำในอ่างไม้ใกล้จะเย็นแล้ว เสวี่ยหยวนจิ้งก็ยังไม่ยอมปล่อยเสวี่ยเจียเยว่ไป แต่กังวลว่าหญิงสาวจะไม่สบายหากแช่น้ำเช่นนี้นานๆ จึงอุ้มภรรยาขึ้นมา แล้วหยิบผ้าสะอาดด้านข้างมาเช็ดตัวให้ ก่อนจะอุ้มไปที่เตียง แล้วทำเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จต่อ

เสวี่ยเจียเยว่ยกมือขึ้นหยิกแขนเขาด้วยความโกรธ “เมื่อครู่บอกว่าแม้แต่แรงจะถอดเสื้อผ้าก็ไม่มีไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ถึงมีแรงได้เล่า เมื่อไรจะเสร็จ”

ตอนนี้ไหนเลยมือทั้งสองข้างของเธอจะมีแรง แม้เสวี่ยหยวนจิ้งจะดูผอมบาง ทว่าเมื่อถอดเสื้อผ้าออกกลับเห็นว่าเนื้อตัวเขาแข็งแกร่งมาก ทั้งที่เธอหยิกไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่สำหรับเสวี่ยหยวนจิ้งการทำเช่นนั้นไม่ต่างอะไรกับโดนมดกัด

“ใกล้จะเสร็จแล้ว” เสวี่ยหยวนจิ้งก้มลงจูบปอยผมที่เปียกชื้นของภรรยา ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่า “เจ้าอย่าเร่งเช่นนี้ ทำใจให้สบาย”

แต่คำว่าใกล้จะเสร็จแล้วของเขาเท่ากับเวลากินข้าวหนึ่งมื้อ สุดท้ายเสวี่ยเจียเยว่ก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

เสวี่ยหยวนจิ้งมองใบหน้าของภรรยาก็รู้ว่าเจ้าตัวคงเหนื่อยมากจริงๆ เพราะพวกเขารีบเร่งเดินทางมาตลอด พอมาถึงเรือนวันนี้ เสวี่ยเจียเยว่ก็ยุ่งอยู่กับการจัดของ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขามักจะอดทนไม่ได้เสมอ

ต่อให้แต่งงานกับเสวี่ยเจียเยว่มาสามปีแล้ว แต่เรื่องนี้สำหรับเขายังคงเหมือนตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆ เสมอ

เขาก้มลงจูบแก้มอันนุ่มนิ่มของเสวี่ยเจียเยว่ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นจากเตียง หลังจากปล่อยมุ้งลงก็เรียกฉ่ายผิงมาทำความสะอาดห้องอาบน้ำ แล้วตักน้ำร้อนเข้ามา

ฉ่ายผิงรับคำแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ จึงเห็นว่ารอบอ่างไม้เต็มไปด้วยน้ำ

ใบหน้านางแดงเรื่อในพริบตา นางรีบทำความสะอาดห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยกถังน้ำร้อนเข้ามาเทใส่อ่างไม้

เสวี่ยหยวนจิ้งหยิบผ้ามาชุบน้ำที่เริ่มอุ่นแล้วเช็ดตัวให้เสวี่ยเจียเยว่อย่างเบามือทุกซอกทุกมุม ส่วนตนก็เช็ดทำความสะอาดเช่นกัน จากนั้นจึงขึ้นเตียงไปนอนกอดภรรยา

เช้าวันต่อมา เสวี่ยเจียเยว่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเสวี่ยหยวนจิ้ง

ตั้งแต่แต่งงานกันมา หญิงสาวก็ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของสามีทุกเช้า ฤดูหนาวยังดี เพราะเธอกลัวความหนาวอยู่แล้ว ได้อ้อมกอดของเสวี่ยหยวนจิ้งก็ทำให้อบอุ่นไม่น้อย อีกทั้งตอนนอนยังรู้สึกปลอดภัยด้วย แต่พอถึงฤดูร้อน เธอไม่ชอบให้เขากอดเช่นนี้

ร่างกายของเสวี่ยหยวนจิ้งเดิมทีก็ร้อนเหมือนเตาไฟอยู่แล้ว พอถูกเขากอดเธอก็ยิ่งร้อน ดังนั้นเมื่อถึงฤดูร้อน ทุกครั้งที่ทั้งสองคนเข้านอน เธอจึงมักจะผลักสามีไปนอนอีกด้านของเตียง กระนั้นทุกเช้าที่ตื่นมา เธอก็ยังคงพบว่าตนนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ดี

เรื่องนี้เธอจนปัญญาจริงๆ เสวี่ยเจียเยว่ยิ้มจนตาหยีให้เสวี่ยหยวนจิ้ง

“เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่” เขาเอ่ยถาม

หลับไม่สบายได้ด้วยหรือ หลังจบจากเรื่องนั้นเธอก็เหนื่อยจนเผลอหลับไป หลับสนิทจนถึงตอนนี้

ใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่แดงเรื่อ ก่อนจะเตะเขาเบาๆ “ลุกไปหยิบชุดมาให้ข้า”

ชุดเมื่อวานเปียกโชกหมด ล้วนต้องเอาไปซัก วันนี้เธอต้องเปลี่ยนชุดใหม่

เสวี่ยหยวนจิ้งหัวเราะ จากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมตัวนอกแล้วลุกขึ้น เปิดตู้ใส่เสื้อผ้าหาชุดมาให้ภรรยา

หลายปีมานี้พวกเขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จึงไม่มีผ้าดีๆ มาตัดชุดเท่าไรนัก ตอนนี้เสวี่ยหยวนจิ้งเห็นชุดของเสวี่ยเจียเยว่แล้วก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเลือกเสื้อคอตั้งสีดอกบัวหนึ่งตัว กระโปรงจีบบานสีดอกอวี้หลัน ตู้โต้ว กระทั่งถุงเท้าก็หยิบมา จากนั้นจึงนำมาให้เสวี่ยเจียเยว่ที่อยู่บนเตียง

ฤดูหนาวที่ผ่านมาเสวี่ยเจียเยว่มักจะนอนอยู่บนเตียงอย่างขี้เกียจ ชุดของเธอทั้งหมดนั้นเสวี่ยหยวนจิ้งเป็นคนหยิบมาให้สวม นอกจากนั้นยังต้องจุดเตาอุ่นมือให้ความอบอุ่นไว้ล่วงหน้า

เสวี่ยเจียเยว่สวมชุดไปพลางถามเสวี่ยหยวนจิ้ง “วันนี้ท่านจะทำอะไรบ้างเจ้าคะ”

“วันนี้ข้าจะไปกรมพิธีการ” เสวี่ยหยวนจิ้งตอบ

ในเมื่อกลับมารายงานตัวที่เมืองหลวง เช่นนั้นก็ต้องไปที่กรมพิธีการ

เสวี่ยเจียเยว่พยักหน้า จากนั้นเธอกำชับเขาอย่างไม่วางใจ “ระวังตัวด้วย”

หญิงสาวรู้ว่าจิตใจของขุนนางในเมืองหลวงนั้นซับซ้อน อีกทั้งยังกลัวว่าเซี่ยซิ่งเหยียนกับเซี่ยเทียนเฉิงจะไม่ยอมปล่อยเขาไป

เรื่องของเซี่ยเทียนเฉิง เสวี่ยหยวนจิ้งไม่เคยบอกเสวี่ยเจียเยว่ เขาไม่อยากให้หญิงสาวกลัวตน และไม่อยากให้ภรรยากังวลถึงได้เก็บความลับไว้ให้ดี เสวี่ยเจียเยว่จึงคิดว่าเซี่ยเทียนเฉิงยังมีชีวิตอยู่

เสวี่ยหยวนจิ้งไม่คิดจะบอกเรื่องการตายของเซี่ยเทียนเฉิงจึงทำเพียงพยักหน้า “ข้ารู้”

แต่ถึงอย่างนั้นเขาสั่งให้เสวี่ยเจียเยว่อยู่ภายในเรือน ห้ามออกไปไหน ซึ่งเสวี่ยเจียเยว่ก็รับปาก

หลังจากพวกเขากินข้าวเช้าเสร็จแล้ว เสวี่ยหยวนจิ้งก็หยิบของที่จำเป็นในการรายงานตัวเดินทางไปยังกรมพิธีการ

ขุนนางกรมพิธีการเอ่ยถามชื่อและตำแหน่งของเขาอย่างละเอียด หลังจากลงชื่อแล้วจึงบอกให้เขารอสักครู่ เมื่อลงตำแหน่งของเขาเสร็จแล้วจะแจ้งทันที

เสวี่ยหยวนจิ้งรับคำ ยกมือประสานคารวะ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปจากประตู

คิดไม่ถึงว่าออกมาจากประตูได้ไม่กี่ก้าว ก็เผชิญหน้ากับเซี่ยซิ่งเหยียน

แม้ว่าเซี่ยซิ่งเหยียนจะเป็นโส่วฝู ปกติแล้วเขาจะจัดการงานอยู่ในหอสมุดหลวง แต่ขณะเดียวกันเขาก็ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมครัวเรือนด้วย และหน่วยงานทั้งหกต่างก็ทำงานอยู่นอกกำแพงวังด้านตะวันออกของประตูเฉิงเทียนเหมิน[1] ตอนนี้คงมีเรื่องสำคัญบางอย่าง เซี่ยซิ่งเหยียนจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

[1] คือประตูเข้าวังต้องห้าม