“ฉันรู้จักหมู่บ้านสะพานบูรพานะ คนหนุ่มแน่นที่พวกคุณเห็นน่ะคือที่เหลืออยู่ทั้งหมด ส่วนใหญ่ออกไปรับจ้างกันหมดแล้ว ดูสิ เด็กเยอะกว่าผู้ใหญ่อีก นี่ให้เฝ้าหมู่บ้านชัดๆ พวกเด็กๆ ลำบาก พ่อแม่ก็ลำบาก เฮ้อ…”

“คนในหมู่บ้านออกไปรับจ้างแล้วก็ยากสิ ไม่มีความรู้ก็ต้องถูกใช้แรงงานหนัก ทำงานเงินเดือนน้อย ประหยัดกินประหยัดใช้ก็เหลือเงินอยู่ไม่เท่าไรหรอก”

“เฮ้อ บริจาคสักหน่อยเถอะ กดรีวอร์ดละนะ”

………..

ฟางเจิ้งเห็นคอมเมนต์เหล่านี้แล้วเพราะจิ่งเหยียนหยิบมือถือออกมาตั้งแต่แรก ก่อนค้นหาไลฟ์สด คนพวกนี้กำลังดังมากจริงๆ ขึ้นไปอยู่หน้าแรกของเว็บไลฟ์สดแล้ว! มองปราดเดียวก็เห็นเลย

เห็นคอมเมนต์คนเหล่านี้แล้ว ฟางเจิ้งได้แต่ถอนหายใจ เดิมทีคิดว่าเขาอนาถาพอแล้ว ทว่าหากเทียบกับเด็กพวกนี้ เขายังถือว่าโชคดีจริงๆ แม้ไม่มีบุพการี แต่ก็มีหลวงจีนหนึ่งนิ้ว คนในหมู่บ้านมองเขาเป็นเหมือนลูกหลาน ถึงเขาจะซนตั้งแต่เล็ก ถูกตีหลายครั้งก็เถอะ แต่กลับไม่ลดความรักลงเลย ใช้ชีวิตบนเขาลำบากก็จริง แต่ไม่ได้ลำบากหิวกิ่วจนมีสภาพแบบนี้…

“สีกา พวกเขาทำแบบนี้ก็ดีแล้วนี่นะ” ฟางเจิ้งว่า

จิ่งเหยียนบอก “ดูต่อไปเถอะค่ะ”

ฟางเจิ้งพยักหน้า ไม่พูดอะไร

ตอนนี้กล้องใกล้จะไล่ถ่ายมาถึงแล้ว อีกฝ่ายหยุดชะงักทันทีก่อนขมวดคิ้ว ส่งสายตาให้ชายอีกคน

ชายอีกคนเดินเข้ามาหา ส่งบุหรี่มวนหนึ่งให้ฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียน

ฟางเจิ้งประนมสองมือสวดไปบทหนึ่ง “อมิตาพุทธ ประสก อาตมาไม่สูบบุหรี่ ขอบคุณ”

จิ่งเหยียนส่ายหน้าตาม

ชายคนนั้นดึงบุหรี่กลับไป “น้องชาย พวกเราต้องใช้สถานที่น่ะ เสร็จเรื่องแล้วขอทางหน่อยได้ไหม?”

จิ่งเหยียนขมวดคิ้ว “พวกคุณก็ทำการกุศลของพวกคุณไปสิ มาสนเรื่องพวกเราทำไม?”

“คุณผู้หญิงอย่าทำให้หมดสนุกน่า ผมพูดกับคุณดีๆ นะ แค่หลีกทางให้ไม่ได้เหรอ พวกเรามาทำบุญ พวกคุณก็มาทำบุญ พวกคุณแจกของเสร็จแล้วรึยัง แจกเสร็จแล้วก็รีบไปเถอะ จะมัวอยู่ทำไม? กินข้าวเที่ยงเหรอ?” ชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าเหมือนว่าตนโหดเหี้ยมมาก

จิ่งเหยียนไม่กลัวเลย คุณหนูใหญ่ฉุนเฉียวแล้ว ตอบด้วยความโมโหว่า “ฉันจะกินข้าวกลางวันที่นี่ จะทำไมเหรอ?”

ชายคนนั้นยังอยากพูดบางอย่างอีก แต่ฟางเจิ้งดึงจิ่งเหยียนไว้ พูดยิ้มๆ ด้วย “อมิตาพุทธ ประสกท่านนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไม่รบกวนพวกโยมแล้ว พวกเราจะไป…”

“หลวงพี่ ท่านจะทำอะไรน่ะ? ท่านกลัวพวกเขาเหรอ? มาทำให้ฉันโกรธ ฉันจะ…ฉันจะให้พวกเขาได้เห็นดีกัน!” จิ่งเหยียนเห็นฟางเจิ้งวิตกกังวลก็โกรธขึ้นมา ความกล้าหาญที่ใช้มือเดียวจับหมาป่าไปไหนแล้ว ทำไมถึงห่อเหี่ยวต่อหน้าคนชั่วพวกนี้?

ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ “อุบาสิกา จะรีบร้อนไปไหน? ดูสิ…”

จิ่งเหยียนเงยหน้าขึ้น เห็นชายโหดคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม เอ่ยหน้ายิ้มว่า “ผู้หญิงสวยมากเลยนะ น่าเสียดายนิสัยเสียไปหน่อย แต่หลวงจีนผิดศีลนั่นรู้จักวางตัวดีมาก เราไม่ต้องลงมือก็หนีไปซะแล้ว หงอขนาดนี้ยังนัดสาวมาเที่ยวได้อีก…หลวงจีนนี่เป็นอาชีพที่เนื้อหอมจริงๆ เลย” พูดจบชายคนนั้นหมุนตัวกลับ เดินไปราวกับมองไม่เห็นฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียน

พวกคนหัวทองหลายคนที่เหลือก็เช่นกัน

จิ่งเหยียนมองฟางเจิ้งราวกับเห็นผี “หลวงพี่ นี่มัน…หมายความว่ายังไง?”

ฟางเจิ้งยิ้มบอก “อมิตาพุทธ แค่กลอุบายเล็กน้อยเท่านั้น เอาเถอะ พวกเราดูไปเงียบๆ ดีกว่า อาตมาก็อยากรู้มากเหมือนกัน กลิ่นอายบาปกรรมจากตัวคนพวกนี้หนักมาก ไม่เหมือนคนมาทำบุญเลย จะทำบุญกันยังไง? หรือแค่ทำเอิกเกริกสร้างกุศลไปอย่างนั้น…ฟังจากที่พวกเขาพูดแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมถึงไม่เห็นกลิ่นอายของบุญกุศลเลย”

ฟางเจิ้งบอกว่าเป็นกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ทว่าจิ่งเหยียนกลับทำหน้าราวกับเห็นผี แต่พอนึกถึงวิดีโอเมื่อวานก็เข้าใจ ทอดถอนใจอยู่ภายใน ‘ดูแล้วต้นกกข้ามฟากคงเป็นเรื่องจริง’

จิ่งเหยียนว่าต่อ “นี่แหละเป้าหมายที่ฉันมาค่ะ คนพวกนี้ไม่ได้มาหมู่บ้านสะพานบูรพาเป็นครั้งแรก ทำเรื่องที่ทุกคนไม่น่าให้อภัย แต่ไม่มีหลักฐานอะไร เลยไม่รู้ว่าข่าวลือเป็นจริงไหม”

“ครั้งนี้สีกาเลยมาเพื่อสืบเรื่องนี้เหรอ” ฟางเจิ้งถาม

จิ่งเหยียนพยักหน้า จากนั้นหยิบมือถือออกมาบันทึกภาพไว้พลางพูดขึ้น “หวังว่าข่าวลือจะไม่จริงนะ ไม่อย่างนั้น…คนพวกนี้มีโทษควรตายเป็นหมื่นครั้ง!”

ฟางเจิ้งถามด้วยความแปลกใจ “ข่าวลืออะไรหรือ?”

จิ่งเหยียนส่ายหน้า “หลวงพี่ฟางเจิ้ง ยังจำที่ฉันพูดกับท่านตอนมาที่นี่ได้ไหม ที่บอกว่าเข้าหมู่บ้านแล้วจะเห็นเอง ฉันว่าใกล้จะได้รู้คำตอบแล้ว”

ฟางเจิ้งมีสีหน้าแปลกใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงลึกลับขนาดนี้

ทางด้านพวกคนหัวทองเห็นคนเกะกะไปแล้วจึงไลฟ์สดกันต่อ

โดยเฉพาะคนหัวทองตัวเตี้ย ฝีปากลื่นไหลมาก พูดรัวเป็นชุด ที่สำคัญคือขอแค่มีคนส่งเงินรางวัลให้จริงๆ ก็จะควักเงินออกมายัดให้ชาวบ้านทันที ไม่สนว่าต้องการไหมก็จะให้! ข้างหลังยังมีคนเดินตามมาสองคน ส่งเงินในมือให้คนตัวเตี้ยแจกเงินตลอด

แบบนี้มันเรียกว่าการบริจาคที่ไหนกัน แค่ผู้มีอิทธิพลมาแจกเงินชัดๆ

ในไลฟ์ก็ครึกครื้นเหมือนกัน

“แจกเงินจริงๆ เหรอ?”

“ให้เงินจริงเหรอเนี่ย?”

“ทำบุญก็ต้องแบบนี้ ให้คนต่อคนไปเลย แจกเงินแบบนี้ดิบเถื่อนชะมัดเลย ได้กันทุกคน!”

“ใช่ๆๆ ต้องแบบนี้แหละ!”

“ไม่สนละ ให้รางวัลก่อน!”

“กดรีวอร์ด!”

“เพื่อความเมตตา เพื่อเด็กๆ จัดให้แบบจรวดไปเลย!”

……………

ฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียนอ่านเนื้อความในไลฟ์สด รู้สึกอบอุ่นหัวใจ บนโลกยังมีคนดีอีกมากเลย เพียงแต่จิ่งเหยียนกลับมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ฟางเจิ้งก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน คิดในใจว่า ‘เธอกังวลอะไรกันแน่? คนดูเยอะขนาดนี้ก็แจกเงินจริงๆ นี่ หรือว่ามีของปลอม? เธอถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วเหรอ…น่าเสียดาย ยังสาวอยู่เลย มาแก่ก่อนวัยซะแล้วนี่’

“ทุกคนเห็นรึยังครับ ให้ของขวัญเท่าไรเราแจกเท่านั้น! แน่นอนพวกเราพี่น้องก็ต้องขอเก็บค่าเหนื่อยเล็กๆ น้อยๆ ไม่มากหรอก แค่สองร้อยหยวนเป็นเงินค่ากินข้าวกับน้ำมัน ทุกคนคงไม่ถือสาหรอกใช่ไหมครับ?” คนหัวทองตัวเตี้ยกล่าว

“สองร้อยหยวน? ก็ไม่มากนี่”

“พร้อมช่วยเสมอ ได้เลย!”

“สองร้อยหยวนไม่มากจริงๆ ห้าคนกับเงินแค่นี้ ยินดีช่วย!”

“ฉันมองพลาดไปจริงๆ ตอนแรกคิดว่าคนหัวทองพวกนี้ไม่ใช่คนดี ตอนนี้มาดูๆ แล้ววัดจากหน้าตากันไม่ได้เลย”

………….

ขณะที่ทุกคนกล่าวชมอยู่นั้น มีการกดให้รางวัลกันอย่างกระหน่ำ พวกคนหัวทองแจกเงินเร็วขึ้น เพียงแต่ว่าชาวบ้านที่รับเงินไม่มีใครยิ้ม แต่ขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

คนหัวทองไม่สนว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เห็นคนก็แจกให้ ยัดเงินใส่มือเด็กๆ มากมาย ข้างหลังยังมีคนคอยถ่ายภาพตลอดทาง…

ใช้เวลาไปต่อเนื่องหนึ่งชั่วโมง คนหัวทองตัวสูงที่กำลังบันทึกภาพอยู่ก็ปิดมือถือ แสดงว่าไลฟ์จบแล้ว

ลมหายใจจิ่งเหยียนเร็วขึ้นตามมา เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเครียด

ฟางเจิ้งรู้สึกว่าบรรยากาศตอนนี้พลันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เดิมทียังมีความสุขอยู่บ้าง ทว่าพอคนตัวสูงปิดไลฟ์ ก็พลันลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อยจนถึงขั้นหายใจไม่สะดวก! ฟางเจิ้งพูดงึมงำว่า “เกิดอะไรขึ้น? ความรู้สึกแบบนี้มันชัดเกินไปรึเปล่า…ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย”

……………………