ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 98 เก็บเกี่ยวครั้งใหญ่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อฝ่ามือหนึ่งตบลงไป ตรงหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับมีภาพที่น่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้น

คล้ายกับเขาสามารถมองเห็นภาพของท้องฟ้า ผืนดิน บรรยากาศ หมู่มวลเมฆอยู่บนตัวของเยี่ยจิ่ง

โชคมาถึงฟ้าดินล้วนมอบพลัง ชะตากรรมในใต้หล้าต่างรวมตัว

หลังจากฝ่ามือหนึ่งของตนตบลงไป แสงเงาเปลี่ยนเป็นภาพมายา และฟ้าดินลมเมฆที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ค่อยๆ สลายไป

“โชคมาถึงฟ้าดินล้วนมอบพลัง ทว่าวีรบุรุษตกที่นั่งลำบากเมื่อไร้โชค” เยี่ยนจ้าวเกอลอบยิ้ม แล้วเป่าลมไปที่ภาพลวงนั้นเบาๆ ครั้งหนึ่ง

ภาพมายาเหล่านั้นก็สลายหายไปราวกับหมอกควัน

หลุมลึกที่อยู่ตรงหน้ายังคงพังทลายลงไปต่อเนื่องไม่หยุด ส่วนเยี่ยจิ่งถูกฝ่ามือหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอบดขยี้จนกลายเป็นเศษเถ้า เหลือเพียงแค่แหวนสีแดงเข้มทรุดโทรมวงนั้น ซึ่งกำลังตกลงไปในแม่น้ำใต้ดิน

“สลายหายไปทั้งแบบนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนดั่งดวงตะวันอีกครั้ง มาไขว่คว้าโอกาสเป็นยอดฝีมือจนเกิดเป็นตำนานอีกครั้งเมื่อไร…”

มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกครั้งหนึ่ง “…เหอะ”

เยี่ยนจ้าวเกอกางนิ้วมือทั้งห้าออก บังคับปราณจิตราดึงแหวนสีแดงเข้มขึ้นมาไว้ที่กลางฝ่ามือของตน

เมื่อชายหนุ่มแตะปลายเท้าไปที่พื้นเบาๆ ร่างของเขาก็ลอยขึ้นจากก้นหลุมลึกขึ้นมาด้านบน

อาหู่เข้ามาหา “คุณชาย”

เมื่อได้ยินเสียงเรียก เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้า “เก็บศพและสัมภาระของเหยียนซวี่ให้เรียบร้อย”

อีกฝ่ายยิ้มอย่างซื่อตรง “แหะๆ คุณชายขอรับ เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้ท่านสั่ง ข้าเก็บสัมภาระของเขาไปตั้งแต่แรกแล้วขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “อืม ณ จุดนี้ ข้าเชื่อใจเจ้าเสมอ”

“คุณชายขอรับ เมื่อครู่ข้าลองดูคร่าวๆ แล้ว เขามีของดีไม่น้อยเลยจริงๆ!”

“แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากพังไปหมดแล้ว อย่างเช่นดาบอาวุธวิญญาณระดับกลางเล่มนั้น น่าจะเป็นเพราะการโจมตีของท่านผู้อาวุโสสือครั้งนั้นขอรับ”

ชายหนุ่มถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงจัดการเขาได้ยากเช่นกัน”

“แต่ก็น่าจะมีของที่สามารถเก็บได้อยู่บ้างสิ” เยี่ยนจ้าวเกอตั้งสติขึ้น

ในฐานะตำแหน่งที่เป็นถึงผู้อาวุโสคุมการณ์ สมบัติส่วนตัวของเหยียนซวี่นั้นต้องมีมากมายเหลือเฟือ

ของส่วนใหญ่เขาก็คงไม่พกติดตัวเอาไว้ตลอด แต่น่าจะเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยที่บ้านพักส่วนตัวของตัวเองมากกว่า

สิ่งของที่จะพกติดตัวเอาไว้ หากไม่ใช่สิ่งของที่จำเป็น ก็ต้องเป็นของที่มีประโยชน์ในการยกระดับพลังการต่อสู้ของตนเองในปัจจุบันได้

แม้ว่าอาวุธวิเศษ และอาวุธวิญญาณจะมีอยู่น้อยนิด ทว่าเขากว่างเฉิงในฐานะที่เป็นหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และเหยียนซวี่มีตำแหน่งเป็นผู้อาวุโสคุมการณ์ของพื้นที่หนึ่ง อาวุธที่เหมาะสมกับระดับวรยุทธ์ของเขาก็ต้องไม่ขาดแคลนเป็นแน่

นอกจากดาบแสงคลื่นคราม ที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับกลางชิ้นหนึ่งแล้ว เหยียนซวี่ยังมีอาวุธวิญญาณระดับล่างอีกสองชิ้นติดตัวมาอีกด้วย

แม้ว่าอานุภาพจะแข็งแกร่งไม่เท่าดาบแสงคลื่นคราม ถึงกระนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ชิ้นหนึ่งเป็นชุดเกราะอ่อน แม้ว่าจะไม่มีคุณสมบัติที่ทั้งสามารถโจมตีทั้งป้องกันตัวได้เหมือนเช่นเกราะทมิฬของอาหู่ แต่ความสามารถในการป้องกันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย

ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นเข็มขัดสีเขียว หลอมขึ้นโดยเฉพาะในเขากว่างเฉิง เพื่อใช้ร่วมกับพลังวายุของวิชาวายุอัคคี ซึ่งสามารถทำให้ขณะที่จอมยุทธ์วิชานี้ว่องไวราวกับเสือติดปีกเลยทีเดียว

อาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นนี้อยู่ในมือของเหยียนซวี่ โดยปกติแล้วหากใช้พลังทั้งหมดจากพวกมันจะเกิดอานุภาพที่รุนแรงมหาศาล

น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเป็นเหยียนซวี่ หรืออาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นนี้ เมื่อเทียบกับพลังของสือเถี่ยแล้ว ล้วนแล้วแต่ไม่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่เหยียนซวี่คิดหลบหนีก่อนหน้านี้ เขาขับเคลื่อนพลังของเข็มขัดสีเขียวเข้าช่วย และเมื่อได้รับการโจมตีของสือเถี่ย ชุดเกราะอ่อนก็ปกป้องเขาโดยอัตโนมัติ

ผลสุดท้ายอาวุธวิญญาณระดับล่างทั้งสองชิ้นถูกสือเถี่ยทำลาย ดับสลายไปพร้อมกับเจ้าของของพวกมัน

ตอนนี้พวกมันเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ปราณจิตรั่วไหลออกมาไม่หยุด อย่าว่าแต่ใช้การไม่ได้เลย ลำพังสภาพที่เห็นก็แทบจะพังทลายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

ระดับความเสียหายที่พวกมันได้รับ หนักหนาสาหัสกว่าดาบแสงคลื่นครามเสียอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดเกราะอ่อนชุดนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถแสดงอานุภาพได้ ทว่ามันก็ถูกทำลายไปส่วนหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ที่อาหู่ใช้ฝนสุริยะโจมตีเหยียนซวี่ก่อนหน้านี้

อาหู่เบ้ปากด้วยความรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง “ถึงอย่างไรก็เป็นอาวุธวิญญาณเชียวนะขอรับ”

เขาเติบโตมาโดยที่อยู่ข้างกายเยี่ยนตี๋ โลกทัศน์ย่อมต้องกว้างขวางกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่งเสียหายไปจึงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง

เยี่ยนจ้าวเกอยืนนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจัดการค้นสัมภาระของเหยียนซวี่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบผลึกแก้วที่มีรูปร่างเหมือนน้ำแข็งออกมาจำนวนหนึ่ง

อาหู่มองแล้วมองอีก “คุณชายขอรับ นี่เหมือนกับจะเป็นศิลาเกล็ดน้ำแข็งที่เหล่าจอมยุทธ์ใช้ระงับความเจ็บปวดชั่วคราวนี่ขอรับ”

“นำหญ้าดอกกระจับออกมาหน่อย” เยี่ยนจ้าวเกอบีบศิลาเกล็ดน้ำแข็งให้แตกพลางกล่าว

อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็รู้สึกมึนงงไปหมด ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

เขามีหญ้าดอกกระจับติดตัวอยู่ก็จริง ทว่าสมุนไพรวิญญาณชนิดนี้มีสรรพคุณอย่างมากก็แค่เป็นตัวนำพาของโอสถพิเศษบางอย่างก็เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นหญ้าดอกกระจับหรือศิลาเกล็ดแข็ง ก็ล้วนแต่ใช้ได้กับคนเป็นเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติในสร้างอาวุธเลยแม้แต่ข้อเดียว

ทว่าเขาก็ยังคงทำตามคำสั่งแต่โดยดี หยิบหญ้าดอกกระจับส่งให้เยี่ยนจ้าวเกอ

ชายหนุ่มรับหญ้าสมุนไพรวิญญาณนั้นมา แล้วประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน มันเหี่ยวแห้งลงทันที เขาบดมันจนกลายเป็นผง แล้วผสมเข้ากับผงของศิลาเกล็ดน้ำแข็ง

เมื่อทั้งสองสิ่งปะทะกัน ก็ค่อยๆ เกิดควันสีเขียวขึ้น จากนั้นก็พลันลุกไหม้ขึ้นมาเอง

เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือครั้งหนึ่ง เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้ก็ตกไปที่อาวุธวิญญาณพวกนั้นของเหยียนซวี่

ถึงแม้ว่าอาวุธวิญญาณจะยังคงอ่อนกำลังอยู่ ทว่าปราณจิตที่รั่วไหลออกมาก็ค่อยๆ หยุดลง ไม่ไหลหายไปอีก

เขาผงกศีรษะ “จัดการแบบเร่งด่วนไปก่อน ไว้ค่อยใช้เตาผลึกหินชั้นในหลอมพวกมันขึ้นใหม่ภายหลัง คงจะพอมีโอกาสฟื้นคืนสภาพได้อยู่ ตอนนี้ขอให้มั่นใจก่อนว่าจะไม่พังโดยสิ้นเชิงก็ใช้ได้แล้ว”

อาหู่มองด้วยความสับสน “คุณชาย นะ…นี่…”

ชายหนุ่มทำท่าทีเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น “โลกที่กว้างใหญ่นี้ อะไรล้วนเป็นไปได้ เมื่อดำเนินชีวิตประจำวันก็ต้องรู้จักสะสมความรู้และเคล็ดลับต่างๆ ไว้ เพราะไม่แน่ว่าต่อไปอาจได้ใช้จริง”

อีกฝ่ายได้ยินแล้วพลันอ้าปากค้าง ครู่ใหญ่ถึงได้หุบปากลง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณชาย ท่านเป็นอัจฉริยะจริงๆ ขอรับ!”

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาขาวครั้งหนึ่ง “สีหน้าท่าทางของเจ้าปลอมเกินไปแล้ว”

อาหู่หัวเราะร่า

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอส่ายหัวให้กับอาหู่ เขาก็กลับไปสนใจสิ่งของของของเหยียนซวี่อีกชิ้นหนึ่ง

เมื่อเทียบกับอาวุธวิญญาณที่ได้รับความเสียหายจนเกอบใช้งานไม่ได้แล้ว ของสิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอได้มากยิ่งกว่าอีก

“โอ้ หาได้ยากนัก เหยียนซวี่มีของสิ่งนี้ด้วยหรือ” ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งประกาย ในฝ่ามือของเขากำอัญมณีสีแดงดุจโลหิตเอาไว้ชิ้นหนึ่ง

ภายในอัญมณีสีแดงโลหิตราวกับมีของเหลวไหลเวียนไปมาไม่หยุด ทั้งยังส่งปราณขมุกขมัวและน่าหวาดหวั่นออกมาจากภายในด้วย

อาหู่ชะเง้อหน้ามามองอยู่นาน แล้วจึงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณชายขอรับ หรือนี่จะเป็นไข่มุกกลั่นโลหิต”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ไม่ผิด นี่ก็คือไข่มุกกลั่นโลหิต”

ไข่มุกกลั่นโลหิตเป็นของวิเศษหายาก จะพบได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในสนามรบที่อาบไปด้วยโลหิตเท่านั้น

นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่จอมยุทธ์วิถีมารชอบมากที่สุด ทว่าตัวไข่มุกกลั่นโลหิตเองไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ผลึกแก้วปราณหยินและปราณโลหิตอันบริสุทธิ์ก็เท่านั้น

จอมยุทธ์วิถีมารสามารถใช้มันเพื่อฝึกวิชาได้ ส่วนจอมยุทธ์อื่นๆ ยามตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็สามารถนำมาใช้เพิ่มเลือดลมได้

เพียงแต่การดูดซับพลังจากไข่มุกกลั่นโลหิตต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอที่ไล่ฆ่าเหยียนซวี่โดยไม่หยุดพัก ทำให้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ใช้มัน

“สรรพคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของของสิ่งนี้ แท้จริงแล้วก็คือนำมาสร้างหลอดเลือดปีศาจ เพียงแต่ไม่รู้ว่าในยุคนี้จะมีคนรู้เรื่องนี้หรือไม่”

“เรื่องยินดีเหนือความคาดหมาย เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม แล้วเก็บไข่มุกกลั่นโลหิตเอาไว้ด้วยความดีอกดีใจ จากนั้นเขาก็ค้นหาและเก็บเอาของล้ำค่าอื่นๆ อีกทั้งโอสถวิเศษที่เหยียนซวี่พกติดตัวเอาไว้ทั้งหมด

หลังจากนั้น ชายหนุ่มก็หยิบเอาแหวนสีแดงเข้มที่ได้มาจากเยี่ยจิ่งออกมา

…………