“ฮ่าๆ ศิษย์น้องลู่ฝานสู้ได้ดี คนปัญญาอ่อนอย่างพวกนาย อึ้งกันอยู่ทำไมล่ะ ยังไม่รีบแบกศิษย์พี่อี้ไป๋ของพวกนายไปอีก พวกนายจะให้เขาตายอยู่ที่นี่เหรอ พวกโง่”

หานเฟิงหัวเราะพลาง เดินไปข้างหน้าลู่ฝาน

ศิษย์คณะนานาบริเวณรอบๆ เพิ่งตั้งสติได้ พากันวิ่งเข้ามาแบกศิษย์พี่อี้ไป๋ของพวกเขา

แววตาหลากหลาย มองมายังลู่ฝาน แม้ศิษย์คณะนานา สีหน้ายังคงไม่เป็นมิตร แต่ตอนนี้ ไม่มีใครกล้าว่าพวกหานเฟิงอีกแล้ว

ศิษย์คณะนานา แบกศิษย์พี่อี้ไป๋ ออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉู่สิง ฉู่เทียน รีบเดินเข้ามา มองลู่ฝานอย่างละเอียด

ฉู่เทียนหัวเราะ จากนั้นพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝานจะทะลุระดับแล้ว ดูเหมือนการต่อสู้นี้ มีผลดีกับนายมาก ต้องขอบคุณอี้ไป๋มากๆ เลยล่ะ พวกนายหลีกไป อย่ารบกวนการทะลุระดับของศิษย์น้องลู่ฝาน”

หานเฟิงกับฉู่สิงได้ยิน จึงถอยหลังไปสองก้าว มองลู่ฝานที่กำลังฝึกฝนอย่างเงียบๆ

แม้พวกเขาไม่เห็นว่าพลังฟ้าดินที่พลุ่งพล่าน ไหลเข้าไปในตัวลู่ฝานอย่างไร แต่รู้สึกว่าลมปราณของลู่ฝาน กำลังพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนร่างกายมีควันขาวลอยออกมาบางๆ

หานเฟิงพูดอย่างประหลาดใจ “ศิษย์น้องลู่ฝานไม่ธรรมดาจริงๆ นักบู๊ทั่วไปทะลุระดับถึงแดนปราณในชั้นสี่ มีพลานุภาพแบบนี้ที่ไหนกัน ผ่านไปรวดเร็วเหมือนผายลม ตอนนี้สภาพของศิษย์น้องลู่ฝาน เหมือนตอนที่ฉันทะลุระดับถึงแดนปราณในชั้นเจ็ดเลย”

ฝึกวิชาบู๊เกี่ยวกับร่างกาย ที่นับว่าไม่เลว พวกนายดูสิ กล้ามเนื้อบนตัวเขา เหมือนหิน เหมือนเหล็กเลย

ฉู่เทียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเหมือนคณะหนึ่งเดียวของเราจะรุ่งเรืองแล้ว แค่รอให้พละกำลังของศิษย์น้องลู่ฝาน ก้าวหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ไม่ต้องใช้วิชาระดับดิน ศิษย์น้องลู่ฝาน ก็สามารถสู้กับคนของคณะอื่นได้อย่างสบาย ฉันเดาว่ารอถึงพรุ่งนี้ คณะหนึ่งเดียวของเรา คงไม่อยู่ในลำดับสุดท้ายอีกแล้ว”

หานเฟิงพูดว่า “ใช่ อยู่ที่เก้ามานาน พูดขึ้นมาก็ไม่น่าฟัง ทำเหมือนคณะหนึ่งเดียวของเราแย่มาก ไม่รู้อาจารย์คิดยังไง เรียนวิชาระดับดิน แต่ไม่ให้ใช้ คณะอื่น ไม่เห็นมีกฎนี้”

ฉู่สิงขมวดคิ้วพูดว่า “อาจารย์น่าจะมีเหตุผลของตัวเองล่ะมั้ง”

“พวกนายไม่เข้าใจ นักบู๊ที่ยังไม่ผ่านแดนกำลังภายในอย่างเรา สิ่งสำคัญคือการสร้างพื้นฐานที่ดี ไม่ใช่การแสวงหาเคล็ดวิชาบู๊ที่มีพลานุภาพยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาบู๊ระดับดินให้พวกนาย เพราะให้พวกนายเอาไว้ใช้ป้องกันตัว ไม่ได้ให้ใช้สู้กับศิษย์สถาบันเดียวกัน อยากแย่งอันดับดีๆ ก็ไปสร้างรากฐานให้มั่นคงเองสิ เหมือนกับศิษย์น้องลู่ฝาน ไม่ต้องใช้พลานุภาพของท่าไม้ตาย เคล็ดวิชาบู๊

หานเฟิงกับฉู่สิงพูดอย่างจริงจังว่า “ศิษย์พี่รองพูดถูกต้อง”

อันที่จริง ถ้าศิษย์พี่ใหญ่ ยอมไปสู้ เพื่ออันดับของสถาบันล่ะก็ คณะหนึ่งเดียวของเรา ก็สามารถแย่งชิงอันดีๆ ได้เหมือนกัน ถึงสู้คณะกระบี่ คณะหยินหยางไม่ได้

หานเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ชอบต่อสู้แย่งชิง ชอบฝึกฝน ชอบดื่มเหล้า กินอาหาร เขาไม่ไปแข่งขันหรอก”

ฉู่เทียน ฉู่สิงยิ้มแล้วพยักหน้า เหมือนคิดภาพตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่กินเหล้า กินอาหารขึ้นมาได้

พูดขึ้นมา พวกเขาไม่ได้เจอศิษย์พี่ใหญ่นานมากแล้ว

ลู่ฝานกำลังทะลุระดับต่อไป พลังฟ้าดินนับไม่ถ้วน โดนเขาใช้เป็นปราณชี่ของตัวเอง แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

พลังไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ปราณชี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขาเหมือนฟองน้ำ ซึมซับพลังฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่เรียกว่าทะลุระดับ ไม่มีอะไรนอกเสียจาก หลังจากที่ความสามารถในการแบกรับของร่างกาย ถึงจุดสูงสุด แล้วทะลุระดับขึ้นจากเดิม

เส้นลมปราณขยายกว้างขึ้น กล้ามเนื้อร่างกายแข็งแกร่งขึ้นขั้นหนึ่ง

ในตำนาน ร่างกายของเซียนบู๊หยินหยาง เหมือนกับอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และร่างกายแบบนั้นไม่สามารถเป็นได้ด้วยการฝึกทุกวัน จำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งทุกครั้ง จนสุดท้าย ไม่เกรงกลัวอะไรบนโลก

ลู่ฝานนั่งอยู่ตรงนี้หนึ่งวันหนึ่งคืน

พวกหานเฟิงไม่ได้ไปไหน ค่อยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ตลอด

เพราะที่นี่เป็นถิ่นของคณะนานา แม้ลู่ฝานเอาชนะอี้ไป๋ได้ ศิษย์ทั่วไปของคณะนานา ไม่มีทางมาหาเรื่องพวกเขาอีก

แต่ไม่แน่ ศิษย์ของคณะนานาบางส่วน อาจจงใจมาหาเรื่อง ขณะที่ลู่ฝานกำลังทะลุระดับ จะโดนคนอื่นรบกวนไม่ได้

พระจันทร์หายไป พระอาทิตย์ขึ้น เมื่อแสงอาทิตย์แรกของยามเช้า สาดลงบนตัวลู่ฝาน

ในที่สุด ลู่ฝานลืมตาขึ้น

พลังเต็มเปี่ยมร่างกาย ทำให้ลู่ฝานอยากหอนออกมา

เห็นลู่ฝานลืมตาขึ้นมา ฉู่เทียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา พูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ในที่สุดนายก็ฝึกเสร็จแล้ว”

ลู่ฝานหันไปมอง เห็นศิษย์พี่หานเฟิงกับศิษย์พี่ฉู่สิง นั่งหันหลังพิงกัน หลับน้ำลายยืด

ฉู่เทียนตะโกนใส่หานเฟิง แล้วพูดว่า “ตื่น มีคนบุกมาฆ่าแล้ว”

หานเฟิงลืมตาขึ้นมา ดึงกระบี่ฟ้าครามออกมา แล้วพูดว่า “ใครๆ ใครที่มันไม่ดูตาม้าตาเรือ”

ฉู่สิงขยี้ตา แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องหานเฟิง นายมีสติหน่อยได้ไหม กระบี่นายจะถูกฉันแล้ว”

ฉู่เทียนกับลู่ฝานหัวเราะอย่างมีความสุข