บทที่ 55.3 เหล่าผู้ติดตามของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

โจวเหว่ยชิงคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงถามว่า “มีการจำกัดจำนวนผู้ติดตามที่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์สามารถประทับตราด้วยหรือไม่?”

ชายวัยกลางคนตอบว่า “ไม่หรอก ไม่มีขีดจำกัดโดยตรง แต่ทว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนนั้นก็จะต้องสนับสนุนสิ่งจำเป็นทุกอย่างที่ใช้สำหรับเพิ่มระดับพลังปราณของผู้ติดตามและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในชีวิตประจำวันของพวกเขาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากมากที่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จะประทับตราผู้ติดตามได้มากกว่า 5 คนเพราะนั่นจะเป็น การกดดันพวกเขามากเกินไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ติดตามของพวกเขาต้องเป็นบุคคลทรงพลังเทียบเท่ากับตนเอง ตัวอย่างเช่น อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะ ผู้ติดตามของพวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นจ้าวมณีสวรรค์มณีระดับเทวะหรือคนอื่นๆ ที่ระดับเท่าๆ กัน พวกเขาอาจไม่ต้องการให้จ้าวมณีธรรมดาเป็นผู้ติดตามของตนเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าอาจารย์หยุนลี่มีบางสิ่งที่ต้องรีบลงมือทำอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นด้วยศักยภาพของเขา เขาย่อมไม่ยอมรับจ้าวมณีธรรมดาเป็นผู้ติด ตามของเขาหรอก”

โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากัน  จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นไปได้ด้วยเหรอ?! ให้ตาย! ข้าทำไปโดยสูญเปล่าแท้ๆ!” ถ้าเขารู้เรื่องนี้มาก่อน  เขาคงไม่ทุ่มเทให้เพื่อนร่วมชั้นมากขนาดนั้นแต่จะออกมารวบรวมผู้ติดตามให้มากขึ้นแทน!

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเพียงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง แต่เขาก็อยู่ไม่ไกลจากการเลื่อนไประดับสูงมากนัก ทั้งยังใช้เวลาไม่มากในการทำเช่นนั้นอีกด้วย นอกจากนี้ความเร็วในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของเขาก็เหนือกว่าคนอื่นๆ มาก น่าจะการรองรับผู้ติดตามจำนวนมากได้แน่นอน

“อะไรเปล่าประโยชน์หรือ?” ชายวัยกลางคนมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างอยากรู้อยากเห็น

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ร้านค้าทุกแห่งสามารถแสดงป้ายเช่นนั้นเพื่อรวบรวมผู้ติดตามได้หรือไม่?”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ มันเป็นวิธีการยอดเยี่ยมสำหรับร้านค้าในการสร้างชื่อเสียงและดึงดูดลูกค้าอย่างหนึ่ง  แน่นอนว่าทุกร้านต้องการให้อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เลือกร้านของพวกเขา”

ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเป็นประกายในขณะที่เขาพูดว่า “งั้นข้าจะไปตามหาร้านค้าแบบนั้นด้วย” เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาก็คว้าตัวซ่างกวนปิงเอ๋อร์และเตรียมจะหันหลังจากไป

“เดี๋ยวก่อน น้องชาย เจ้าหมายความว่าอย่างไรรึ?” ชายวัยกลางคนรีบคว้าแขนโจวเหว่ยชิงไว้ด้วยท่าทางประหลาดใจ “นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์งั้นหรือ? เจ้ากำลังมองหาผู้ติดตามอยู่ใช่หรือไม่?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ใช่แล้ว! ทำไม? ข้าดูไม่เหมือนหรืออย่างไร?”

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าไม่มีส่วนคล้ายเลยด้วยซ้ำ น้องชาย ดูแล้วเจ้าน่าจะยังอายุไม่ถึง 20 ปี ขอบอกก่อนว่าโดยปกติแล้วลูกศิษย์ของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ไม่สามารถดึงดูดผู้ติดตามได้มากหรอกนะ ไม่มีใครสามารถฟันธงศักยภาพในอนาคตของเจ้าได้หรอก อย่างน้อยก็เป็นต้องเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเริ่มมองหาผู้ติดตาม โดยธรรมชาติแล้ว ยิ่งอายุน้อยและระดับสูงก็จะยิ่งดึงดูดผู้ติดตามที่มีศักยภาพสูงขึ้นไปโดยปริยาย”

โจวเหว่ยชิงยืดอกและเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ใครเป็นคนตั้งกฎว่าคนอายุน้อยไม่สามารถเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ได้? พี่ใหญ่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของท่าน แต่ได้โปรดอย่ารั้งข้าไว้อีกเลย ข้าจะรีบไปตามหาร้านค้าเพื่อทำแบบเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจ้าวมณีสวรรค์อาจจะถูกยึดไปจนหมดก่อน!”

ชายวัยกลางคนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึงก่อนจะพูดว่า “เจ้า…เจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงๆหรือ?” ในความทรงจำของเขา เขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางที่อายุน้อยเช่นนี้มาก่อน

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ แน่นอน!”

ชายวัยกลางคนจึงพูดว่า “งั้นมากับข้าสิ” เมื่อพูดจบ เขาก็หันหลังกลับไปอีกทาง นำโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิง เอ๋อร์ไปยังร้านข้างๆ ที่มีเลข 77 ติดอยู่

“น้องชาย…ขอถามอีกครั้งว่า…เจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงๆ หรือ? อย่าล้อเล่นกับข้าเชียว ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแน่ๆ!”

โจวเหว่ยชิงมองไปที่ร้านที่มีเลข 77 แล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ร้านนี้เป็นของท่านหรือ?”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่แล้ว เฮ้อ การค้าวันนี้แย่มาก เพื่อนผู้โชคดีจากร้าน 76 นั่นได้ลูกค้าไปหมดแล้ว หากเจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงๆก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดอีก ถ้าเจ้าเปิดโต๊ะรับสมัครที่หน้าร้านของข้า เวลาซื้อของจากร้านแห่งนี้ ข้าจะให้ส่วนลด 2 ใน 10 ส่วนแก่เจ้านับจากนี้เป็นต้นไป…นั่นคือวิธีปฏิบัติแบบเดียวกับการใช้บัตรสมาชิกระดับสูงเชียวนะ!”

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและกล่าวว่า “อืม ฟังดูดีนะพี่ชาย งั้นข้าจะตั้งโต๊ะที่หน้าร้านของท่านก็แล้วกัน ข้าต้องการโต๊ะแบบนั้นและป้ายที่เหมือนกับของเขา นอกจากนี้ ท่านช่วยหาป้ายไม้เล็กๆ แบบเขาให้ข้าด้วยได้ไหม แต่ข้าจะเขียนข้อความทั้งหมดด้วยตัวเอง”

ชายวัยกลางคนพยักหน้าและพูดว่า “นั่นง่ายมาก ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้ เอาล่ะ เรามาแนะนำตัวกันก่อน ข้าชื่อฉินเฟิง เรียกข้าว่าพี่ชายฉินก็ได้”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าชื่อโจวเหว่ยชิง ท่านสามารถเรียกชื่อข้าได้เลย พี่ฉิน ข้าขอรบกวนให้ท่านช่วยเตรียมของให้ด้วย”

ฉินเฟิงจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิง หัวใจของเขาค่อนข้างสับสน ถ้าเด็กหนุ่มคนนี้โกหก ชื่อเสียงของเขาก็คงจะต้องพังพินาศ ทว่าช่วงนี้เขาก็เครียดมากเช่นกัน เนื่องจากอิทธิพลของอาจารย์หยุนลี่ ก่อนหน้านี้ร้าน 76 จึงได้ลูกค้าไปหมด   ในเดือนที่ผ่านมาเขามีลูกค้าเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น ค่าเช่าในศูนย์ซื้อขายแห่งนี้แพงมากและร้านหมายเลข 77 ของเขาก็เป็นหนึ่งในร้านใหญ่ที่มีค่าเช่ารายเดือนที่ค่อนข้างสูง หากขาดลูกค้าไปมากกว่านี้  ไม่นานร้านของเขาก็คงจะต้องปิดตัวลง

แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงมองเห็นความลังเลในดวงตาของอีกฝ่าย เขาจึงยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นหมุนเวียนพลังปรานสวรรค์และปลดปล่อยมณีสวรรค์ออกมา

มณีหยกน้ำแข็ง 3 ดวงปรากฏบนข้อมือขวาของเขา ส่วนไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวทอง (ของปลอม) 3 ดวงก็ปรากฏบนข้อมือซ้ายของเขา ทั้งหมดก็เพื่อแสดงให้ฉินเฟิงเห็นพลังที่แท้จริงของตน

“เจ้ามณีสวรรค์ระดับปฐมขั้นสูงสุดทักษะธาตุมิติ อย่างน้อยนี่ก็สามารถเป็นพื้นฐานของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางได้ใช่หรือไม่?” โจวเหว่ยชิงยิ้มและเอ่ยออกมา

เมื่อเห็นมณีสวรรค์ 3 ชุดของโจวเหว่ยชิง ดวงตาของฉินเฟิงก็สว่างวาบขึ้น ในโลกของจ้าวมณี พลังมีความสำคัญสูงสุด ทว่าสำหรับโจวเหว่ยชิงที่ดูเด็กมากแต่กลับมีมณี 3 ดวงเช่นนี้ นั่นก็สามารถบอกความจริงทั้งหมดของเขาออกมาได้แล้ว จ้าวมณีสวรรค์มักจะไม่โป้ปดผู้อื่น นับประสาอะไรกับการทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับตนเองเช่นนี้

“ข้าผิดเองที่สงสัยในตัวเจ้า น้องชาย รอที่นี่ก่อน ข้าจะไปเตรียมทุกอย่างให้เร็วที่สุด” หลังจากพูดแบบนั้น ฉินเฟิงก็รีบร้อนเข้าไปในร้านของเขา

ทันทีที่เขาจากไป ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็หันไปหาโจวเหว่ยชิงและถามอย่างไม่แน่ใจว่า “อ้วนน้อย ทำไมเจ้าถึงมาหาผู้ติดตามตอนนี้? ขณะนี้เราไม่ได้ต้องการผู้ติดตามนี่นา?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “มีจ้าวมณีสวรรค์ไม่มากนัก ถ้าพวกเขาติดตามคนอื่นไปก่อนนั่นย่อมหมายถึงความสูญเสียของพวกเรา ตอนนี้เราก็อยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นเราอาจหาผู้ติดตามระดับจ้าวมณีสวรรค์ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างอนาคตของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราได้ ปิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวล สามีของเจ้ามีพรสวรรค์สูงส่งมาก ความ เร็วในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของข้าก็เร็วกว่าปกติเช่นกัน แม้จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่ข้าก็สามารถมอบศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บให้จ้าวมณีกว่าร้อยคนได้อย่างไร้ปัญหา “

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองไปที่โจวเหว่ยชิงและพูดเบาๆ ว่า “ข้าไม่อยากให้เจ้าเผชิญกับความยากลำบากมากมายขนาดนี้เลย อ้วนน้อย ข้ารู้สึกได้ว่าเจ้ากำลังกดดันตัวเองมากเกินไป  ถ้าเป็นไปได้ให้ข้าช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าบ้างได้ไหม?”

โจวเหว่ยชิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่จะพูดอย่างเคร่งขรึม “ปิงเอ๋อร์ เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นว่าอาณาจักรของเราอ่อนแอแค่ไหน? ความรู้สึกที่ต้องเร่งลงมือทำอะไรบางอย่าง ทุกคนดูถูกเราแม้ว่าเราจะมาจากอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรกับอาณาจักรเฟยหลี่ ขุนนางของเราก็ยังถือว่าเป็นคนธรรมดาสามัญ ข้าไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรได้บ้างในอนาคตหรือทำได้ดีแค่ไหน  แต่ข้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราแข็งแกร่งขึ้น ท่านพ่อเคยพูดกับข้าครั้งหนึ่งว่าเมื่อเผชิญหน้ากับปัญหาและแรงกดดันเท่านั้น เจ้าจึงจะมีแรงจูงใจในการทำงานหนัก  และนี่ก็เป็นเรื่องจริง ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย เพียงแค่อยู่เคียงข้างข้า ให้ข้ามองเห็นเจ้าทุกวัน เพราะเจ้าช่วยลดความเหนื่อยล้าและทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นอยู่แล้ว”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จับมือของโจวเหว่ยชิงแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

ฉินเฟิงทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ไม่ช้าโต๊ะที่โจวเหว่ยชิงร้องขอก็ถูกวางเอาไว้เบื้องหน้าพร้อมกับกระดานไม้ขนาดเล็ก พู่กัน และหมึกสำหรับใช้เขียน สำหรับป้ายขนาดใหญ่ที่จะแขวนไว้ด้านนอกกำลังเร่งสร้างอยู่ในร้านและน่าจะเสร็จเร็วๆ นี้เช่นกัน

มีผู้คนจำนวนมากยืนมุงรอบๆหยุนลี่เพื่อดูการสัมภาษณ์ของเขา อีกทั้งการทดสอบก็ได้ก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย โจวเหว่ยชิงครุ่นคิดสักพักก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเขียนลงไปอย่างฉวัดเฉวียน

ทันทีที่ป้ายแนวนอนขนาดใหญ่เสร็จสมบูรณ์ ฉินเฟิงก็ได้ให้พนักงาน 2 คนของเขาแขวนมันไว้หน้าร้าน ในนั้นเขียนว่า ‘อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง โจวเหว่ยชิง กำลังรับสมัครผู้ติดตาม!’

ป้ายนั้นไม่ได้ฟังเกินจริงเลยแม้แต่น้อย อย่างไรนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉินเฟิงตระหนักได้ด้วยตนเอง แต่ทว่าเมื่อเขาเห็นสิ่งที่โจวเหว่ยชิงเขียนไว้บนแผ่นไม้ เขาก็ต้องหายใจเข้าลึกพลางคิดกับตัวเองด้วยท่าทีตกใจ นั่นมันเกินจริงไปหน่อยแล้ว!

“หาผู้ติดตามไม่จำกัดจำนวน แต่ต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณี 2 ดวงขึ้นไปเท่านั้น ต้องการชุดศาสตรามณียุทธ์หรือไม่? ต้องการมีหลุมบรรจุมณีหรือไม่? อนาคตอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้ามาอยู่ต่อหน้าท่านแล้ว โอกาสดีเช่นนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด!”

สำหรับคำที่เหลือก็ยังถือว่าใช้ได้ แต่โจวเหว่ยชิงถึงกับเน้นคำว่า ‘ระดับเทพเจ้า’ ด้วยอักษรขนาดใหญ่เป็นพิเศษ หากให้ฉินเฟิงอธิบาย เจ้าคนพาลตัวน้อยนี่กำลังปฏิบัติต่ออาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าราวกับกะหล่ำปลีหัว  หนึ่ง!

อนิจจา ก่อนที่ฉินเฟิงจะเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนคำพูด โจวเหว่ยชิงก็เริ่มตะโกนใส่ฝูงชนแล้ว “เร่เข้ามา! อนาคตอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้ากำลังมองหาผู้ติดตาม! นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิต ถ้าเจ้ามองข้ามไป เจ้าจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่!”

ในขณะที่โจวเหว่ยชิงร้องตะโกนออกไปนั้น เขาก็พุ่งไปยังเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทันที นั่งลงพร้อมกับวางท่าเย่อหยิ่งที่ดูเหนือกว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงหยุนลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งด้วยซ้ำ

ด้วยเสียงตะโกนของเขา เขาจึงสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากมายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้คนส่วนใหญ่กวาดสายตามองไปที่ป้ายของเขาและหันกลับไปอย่างเหยียดหยาม ในความเป็นจริงแล้ว คำว่า ‘ระดับเทพเจ้า’ กลับให้ปฏิกิริยาตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น

“ข้าว่านะ…ผู้เฒ่าฉิน…เจ้าเอาตัวตลกนี้มาจากไหนกัน? ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงหรือไม่ แม้ว่าเขาจะเป็นจริงๆ เขามองว่าอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่? แม้ว่าเขาจะอยากจะขายตัวเอง แต่เขาก็ควรโอ้อวดในสิ่งที่เชื่อได้มากกว่านี้!”

ในขณะนั้นชายวัยกลางคนอายุมากกว่า 40 ปีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาก็เอ่ยถากถางและเยาะเย้ยฉินเฟิง

ฉินเฟิงเหลือบมองและเขาและแค่นเสียงในลำคอ “โจวฉางซี เจ้าทำนายอนาคตได้หรือ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้องชายของข้าคนนี้จะไม่สามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้ในอนาคต? เจ้าเคยเห็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางที่อายุน้อยขนาดนี้มาก่อนหรือไม่? ข้ากลัวว่าในวัยนี้แม้แต่อาจารย์หยุนลี่ก็ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับ เขา” ตอนนี้ฉินเฟิงถูกบังคับให้ลงเรือลำเดียวกับโจวเหว่ยชิงแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปกป้องอีกฝ่าย อย่างไรเขาก็นำโจวเหว่ยชิงออกมาสู้แล้ว เขาจึงต้องพยายามทำต่อไปจนถึงที่สุด ส่วนโจวฉางซีคนนี้เป็นเถ้าแก่ร้านหมายเลข 76 นั่นเอง

โจวฉางซีหัวเราะและกล่าวว่า “ดีมาก ดีมาก น้องหยุนลี่ เจ้าได้ยินหรือไม่? พวกเขาอ้างว่ามีอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่อัจฉริยะมากอยู่ที่นั่น อีกฝ่ายถึงกับมีความสามารถมากกว่าเจ้า!”

“โอ้?” น้ำเสียงที่เยือกเย็นและฟังดูอวดดีดังออกมา ในขณะที่ฝูงชนแหวกทางออกให้เขา หยุนลี่ก็เดินผ่านไปด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง

……………………