บทที่ 81 ฉินซีเข้าใจผิด

The king of War

เซี่ยเหอปลอบใจอยู่ตั้งนาน ถึงทำให้อารมณ์ของเสี้ยวเสี้ยวมั่นคงขึ้นมา

“คุณน้าคะ หนูคิดถึงพ่อแม่แล้ว คุณน้าช่วยโทรศัพท์หาพวกเขาให้หนูหน่อย ให้เข้ามารับหนูได้มั้ยคะ?” เสี้ยวเสี้ยวจ้องเซี่ยเหอด้วยดวงตาที่ชุ่มชื้นพลางถามไป

เซี่ยเหอมองเสี้ยวเสี้ยวด้วยท่าทางซับซ้อน แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมเสี้ยวเสี้ยวถึงได้ถูกพามา กลับจำได้ว่าคนที่เข้ามาส่งเสี้ยวเสี้ยวเคยพูดว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ระยะหนึ่ง เสี้ยวเสี้ยวจะใช้ชีวิตด้วยกันกับเธอ

“นายจะทำอะไรกับฉันก็ได้ทั้งนั้น แต่นายจำเป็นต้องส่งเสี้ยวเสี้ยวกลับบ้าน” เซี่ยเหอพูดขึ้นฉับพลัน

กวนเสว่เฟิงหรี่ดวงตาทั้งสองขึ้นเล็กน้อย “ฉันพาเธอมาที่นี่ ไม่ได้แตะต้องเธอมาหนึ่งเดือนเต็มๆ เธอคงไม่ได้คิดจริงๆ หรอกนะว่าฉันกลัวเธอตายอยู่ที่นี่?”

เซี่ยเหอกัดริมฝีปากแดงไว้แน่นไม่พูดจา ในสายตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน

“ในเมื่อฉันพายัยเด็กน้อยคนนี้มาที่นี่แล้ว ย่อมมีเจตนาของฉัน เธออย่าได้คืบจะเอาศอก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สนใจฆ่าหล่อนก่อน จากนั้นค่อยทำเรื่องอื่นกับเธอต่อ” กวนเสว่เฟิงพูดจายิ้มกริ่ม

เซี่ยเหอรู้ว่าอยากจะทำให้กวนเสว่เฟิงปล่อยเสี้ยวเสี้ยวไปนั้น คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เธอจึงยอมล้มเลิกการขอร้อง

“เสี้ยวเสี้ยว น้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย หนูเล่นอยู่ตรงนี้ไปคนเดียวก่อนนะ รอน้าตื่นมา เดี๋ยวจะมาอยู่เป็นเพื่อนหนู ดีหรือเปล่าเอ่ย?” มือของเซี่ยเหอจับไหล่ของเสี้ยวเสี้ยวไว้เบาๆ พูดด้วยท่าทางอ่อนโยน

ในดวงตาของเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยน้ำตา หล่อนกลัวกวนเสว่เฟิงมาก และไม่ยอมอยู่ตรงนี้เองคนเดียว

“คุณน้าคะ คุณน้ากอดเสี้ยวเสี้ยวนอนด้วยกันได้หรือเปล่าคะ?” เสี้ยวเสี้ยวน้ำตาเปียกชื้นมองทางเซี่ยเหอแล้วพูดขึ้น

เซี่ยเหอพูดอย่างอดทน “ถ้าพวกเราไปนอนกันหมดเลย รออีกเดี๋ยวพ่อกับแม่ของเสี้ยวเสี้ยวมารับเสี้ยวเสี้ยวแล้วหาพวกเราไม่เจอจะทำยังไงกัน?”

“พ่อกับแม่จะมาแล้วเหรอคะ?” ในตาเสี้ยวเสี้ยวเพิ่มประกายแวววาวทันใด

ถึงแม้ว่าเซี่ยเหอจะทนโกหกเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ แต่เพื่อเสี้ยวเสี้ยวแล้ว กลับต้องพยักหน้ารับ “น้าเปิดการ์ตูนให้หนูไว้ก่อน เสี้ยวเสี้ยวไม่ดื้อ รอพ่อกับแม่อยู่ที่นี่คนเดียวได้หรือเปล่า?”

“ได้ค่ะ!” เสี้ยวเสี้ยวตอบด้วยความดีใจ

หลังจากที่เซี่ยเหอเปิดโทรทัศน์ ถึงตามกวนเสว่เฟิงเข้าไปห้องนอนด้านใน

พึ่งมาถึงที่ห้อง กวนเสว่เฟิงก็ลงไม้ลงมือแบบอดใจไม่ไหว ทันใดนั้นถูกเซี่ยเหอผลักออก

“ทำไม? เธอยังอยากปฏิเสธ?” ในแววตากวนเสว่เฟิงมีความดุดันนิดๆ แวบผ่าน

ในตาของเซี่ยเหอปกคลุมด้วยน้ำตา กัดริมฝีปากไว้ จ้องกวนเสว่เฟิงด้วยสายตาแน่วแน่ “นายไม่ใช่มีความมั่นใจในตัวเอง รับประกันว่าฉันจะหลงรักนายได้ไม่ใช่เหรอ? นายทำแบบนี้ ต่อให้ฉันตาย ก็ไม่มีทางหลงรักนายเด็ดขาด”

“ขอเพียงเป็นผู้หญิงที่ฉันกวนเสว่เฟิงอยากได้ แบบไหนจะไม่มีกัน? เธอเห็นว่าตัวเองสำคัญจริงหรือไง คืนนี้ฉันจะนอนกับเธอ ถ้าเธอกล้าปฏิเสธ ฉันก็กล้าทำให้ยัยเด็กคนนั้นตาย” กวนเสว่เฟิงพูดจาแบบหน้าตาโหดร้าย

“ตึง! ตึง! ตึง!”

ในเวลานี้เอง ประตูห้องนอนถูกเคาะดังขึ้นกะทันหัน

กวนเสว่เฟิงขมวดคิ้วแน่น “ยัยเด็กคนนี้ กำลังวอนหาที่ตายเสียจริง”

เขาพูดจบ ไปเปิดประตูด้วยท่าทางโมโหเดือดดาล

“กวนเสว่เฟิง นายอย่าวู่วาม นายอยากได้ฉัน ก็จัดการไปสิ อย่าอารมณ์เสียใส่เสี้ยวเสี้ยว” เซี่ยเหอตกใจในชั่วขณะนั้น ยังคิดว่ากวนเสว่เฟิงอยากไปลงมือกับเสี้ยวเสี้ยว

เธอกำลังจะตามเข้าไปห้ามปราม กวนเสว่เฟิงก็ดึงประตูออกแล้ว

“ปึง!”

กวนเสว่เฟิงเพิ่งดึงประตูออก มองเห็นภาพคนที่คุ้นเคยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเขา ชั่วขณะนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

เขายังไม่ทันได้ส่งเสียงออกมา อีกฝ่ายหนึ่งถีบเข้ามาฉับพลัน ร่างกายของเขาลอยไปสูงมาก จากนั้นกระแทกบนโต๊ะกาแฟอย่างแรง ไวน์แดงขวดหนึ่งและแก้วทรงสูงสองสามใบที่วางบนโต๊ะกาแฟหล่นลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ

“พวกแกหาที่นี่เจอได้ยังไงกัน?” กวนเสว่เฟิงมองเห็นหม่าชาว สีหน้าตกใจ ถูกถีบที่หน้าอก ไม่รู้ว่ากระดูกซี่โครงหักไปกี่ซี่แล้ว

แต่เวลานี้ความหวาดกลัวในใจของเขากลับมากกว่าความเจ็บปวดบนร่างกายหลายเท่า

เขารู้ดีมากว่าพอเสี้ยวเสี้ยวถูกช่วยไป มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะโดนฆ่าแน่

เซี่ยเหอก็อึ้งค้างเช่นกัน มองหม่าชาวที่มาตรงหน้าของกวนเสว่เฟิงแบบตาค้าง ถีบหน้าอกของเขาไปทีหนึ่ง “ตั้งแต่วินาทีนั้นที่แกพาตัวลูกสาวของเขาไป ก็ลิขิตแล้วว่าแกต้องตายอย่างอนาถมาก”

“พวกแกฆ่าฉันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตระกูลกวนจะต้องไม่ปล่อยพวกแกไปเด็ดขาด” กวนเสว่เฟิงกำลังสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว ก่อนหน้านี้หม่าชาวอยู่ที่หอเหล้าแสงพระจันทร์ ฉากที่ทำลูกน้องสี่คนของเขาตาบอดแบบคล่องแคล่วฉับไวนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวสมองของเขาอย่างลึกซึ้ง

เขาแน่ใจมากว่าหม่าชาวกล้าฆ่าเขาตายจริงๆ

ในเวลานี้เอง เสียงที่เย็นชาเสียงหนึ่งลอยเข้ามาจากห้องรับแขก “ทำให้มันสลบแล้วพาตัวไป!”

“ครับ พี่เฉิน!” หม่าชาวตอบรับด้วยความเคารพ

เซี่ยเหอถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ด้านนอกห้องรับแขกยังมีคนอื่น

หม่าชาวเตะออกมาทีหนึ่ง ชั่วพริบตาเดียวกวนเสว่เฟิงก็สลบลงไปเรียบร้อย

ท่ามกลางความตื่นตกใจของเซี่ยเหอ หม่าชาวนำกวนเสว่เฟิงที่หนักแปดสิบเจ็ดกิโลแบกขึ้นไหล่อย่างง่ายดาย จากนั้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง แบกคนเอาไว้กระโดดลงไป จากนั้นหายไปในความมืดแล้ว

“พ่อคะ คุณน้ายังอยู่ด้านใน ก่อนหน้านี้เธอเล่นเป็นเพื่อนหนูมาตลอด ตอนนี้พวกเราจะไปแล้ว หนูจะไปบอกลากับคุณน้าสักหน่อยก่อนค่ะ” เสี้ยวเสี้ยวกอดคอของหยางเฉินไว้ พูดจาอ่อนหวาน

สำหรับเมื่อสักครู่นี้เรื่องที่กวนเสว่เฟิงอยากทำอะไรกับเซี่ยเหอ หยางเฉินรู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ถ้าไม่ใช่กลัวว่าเสี้ยวเสี้ยวจะตกใจ เขาคงปรากฏตัวตั้งนานแล้ว

สำหรับผู้หญิงคนนี้ หยางเฉินรู้สึกซาบซึ้งจากก้นบึ้งหัวใจพอสมควร

“คุณน้าคะ คุณน้าตื่นแล้ว! พ่อมารับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว หนูจะไปแล้วนะ!” เสี้ยวเสี้ยวกอดคอของหยางเฉินไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งโบกให้เซี่ยเหอเต็มแรง

ก่อนหน้านี้หยางเฉินได้ยินเพียงบทสนทนาของกวนเสว่เฟิงและเซี่ยเหออยู่ด้านนอก ตอนนี้ถึงได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของหล่อน ชั่วขณะหนึ่งตกใจอยู่ภายในนิดหน่อย

ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยมาก ใส่กางเกงยีนฟอกสีขาวตัวหนึ่ง ด้านบนสวมเสื้อยืดสีขาว ผมตรงยาวดำลื่นสลวย มองขึ้นมาทั้งตัวดูเป็นสาวสดใสมาก

อาจจะเพราะถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่มานานเกินไป หล่อนน่าจะผอมลงไปมากทีเดียว กางเกงยีนรัดรูปจึงดูใหญ่ขึ้นระดับหนึ่ง

“ขอบคุณมากที่เมื่อกี้คุณปกป้องลูกสาวผม”

หยางเฉินมองเซี่ยเหอแบบหน้าตาจริงจังแล้วบอกไป เพื่อไม่ให้กวนเสว่เฟิงแตะต้องตนเอง ผู้หญิงคนนี้เอาแม้กระทั่งความตายมาข่มขู่ แต่เมื่อสักครู่เพื่อเด็กผู้หญิงที่หล่อนพึ่งรู้จักได้ไม่นานคนหนึ่ง กลับยอมประนีประนอมกับกวนเสว่เฟิง

สำหรับหยางเฉินแล้ว นี่เป็นบุญคุณอันใหญ่หลวง ภายในใจมีเพียงความซาบซึ้ง

เซี่ยเหอส่ายหน้าให้เล็กน้อย “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ กวนเสว่เฟิงเพียงแค่ใช้เสี้ยวเสี้ยวมาข่มขู่ฉัน แต่เป็นฉันที่ทำให้เสี้ยวเสี้ยวมาลำบากด้วย ลูกสาวคุณน่ารักมาก ฉันชอบมากค่ะ”

“ไม่ว่าอย่างไรเรื่องในคืนนี้คงต้องขอบคุณมากครับ”

หยางเฉินพูดแบบท่าทางจริงจัง จากนั้นยื่นนามบัตรใบหนึ่งไปให้ “ผมชื่อหยางเฉิน นี่คือเบอร์โทรของผม วันหลังไม่ว่าเจอเรื่องเดือดร้อนอะไร สามารถโทรหาผมได้”

เซี่ยเหอรับนามบัตรมาดูแวบหนึ่ง นามบัตรธรรมดามาก มีเพียงหมายเลขโทรศัพท์อันหนึ่ง

หล่อนเก็บนามบัตรเอาไว้ ยิ้มนิดหน่อย “ฉันชื่อเซี่ยเหอค่ะ!”

หยางเฉินพยักหน้า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณเป็นอิสระแล้ว ไม่ต้องกังวลว่ากวนเสว่เฟิงจะตามหาคุณอีกต่อไป”

พูดจบ หยางเฉินอุ้มเสี้ยวเสี้ยวไว้หมุนตัวออกไป

หม่าชาวขับรถ หยางเฉินและเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่ด้านหลัง รถแล่นอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลฉิน

ที่ทำให้หยางเฉินสบายใจคือเสี้ยวเสี้ยวพูดคุยมาตลอดทาง บอกเขาว่าเซี่ยเหอเล่านิทานให้เธอฟังไม่หยุด ทั้งยังเล่นเกมเป็นเพื่อนเธอด้วย

ขอเพียงเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ตกใจใดๆ นี่คือข่าวดีที่สุด

ตอนที่ส่งเสี้ยวเสี้ยวกลับมาที่บ้าน ฉินซีพึ่งเลิกงานกลับบ้านมาได้ไม่นาน

“พวกคุณไปเที่ยวเล่นกันที่ไหนมา? ดึกขนาดนี้ถึงพึ่งกลับบ้านกัน?” ฉินซีไม่รู้เรื่องที่เสี้ยวเสี้ยวถูกลักพาตัวไป มองเห็นหยางเฉินพึ่งพาลูกสาวกลับบ้าน บนหน้ายังดูไม่พอใจอยู่บ้าง

“เสี่ยวซี ขอโทษนะ ครั้งหน้าไม่มีแล้ว” หยางเฉินยิ้มเล็กน้อยพลางพูดขึ้น

ฉินยีมองเห็นเสี้ยวเสี้ยวปลอดภัยดี หัวใจที่พะว้าพะวังมาโดยตลอดในที่สุดจึงโล่งใจไปที

“แม่คะ แม่อย่าว่าพ่อเลย คืนนี้เป็นน้าเซี่ยอยู่เป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยวมาตลอดค่ะ”

“เธอดีกับเสี้ยวเสี้ยวมากเลย เล่นเกมเป็นเพื่อนเสี้ยวเสี้ยว ยังเล่านิทานให้เสี้ยวเสี้ยวฟังมากมายด้วย เสี้ยวเสี้ยวชอบน้าเซี่ยจังเลยค่ะ”

“ใช่แล้ว ยังมีบ้านของน้าเซี่ยทั้งใหญ่ทั้งสวย เสี้ยวเสี้ยวเล่นกับน้าเซี่ยสนุกมากค่ะ”

เสี้ยวเสี้ยวไม่ทันได้สังเกตถึงท่าทีบนหน้าฉินซีว่าไม่ปกติแล้ว จึงเล่าถึงความดีของเซี่ยเหอด้วยท่าทางดีใจ พูดจบ มองทางหยางเฉินแล้วบอกว่า “พ่อคะ พรุ่งนี้พ่อพาเสี้ยวเสี้ยวไปเล่นกับน้าเซี่ย ได้มั้ยคะ?”

มองท่าทางบนหน้าของฉินซีที่เปลี่ยนแปลงไป หยางเฉินก็รู้ว่าเธอโกรธแล้ว ในใจจึงเต็มไปด้วยความขมขื่น

เสี้ยวเสี้ยวถูกลักพาตัว คนในบ้านนอกจากหยางเฉินและฉินยี ไม่มีใครรู้อีก

เขาไม่อยากให้ฉินซีกังวล ดังนั้นเดิมทีจึงไม่มีความคิดจะบอกเธอ

ตอนนี้เสี้ยวเสี้ยวพูดมาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าฉินซีเข้าใจผิดแล้ว

“เจ้าสวะคนนี้ คาดไม่ถึงแกยังกล้าทำตัวเลอะเทอะข้างนอก ไม่รู้ภาษาเสียจริง เสียดายที่เสี่ยวซีดีกับแกขนาดนั้น” โจวยู่ชุ่ยอยากให้หยางเฉินและฉินซีหย่าร้างกันมาโดยตลอด ตอนนี้จะพลาดโอกาสดีรอบนี้ไปได้อย่างไร?

สีหน้าฉินยีดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย หล่อนย่อมรู้ดีว่าหยางเฉินกำลังตามหาเสี้ยวเสี้ยวมาตลอด เดิมทีไม่อาจไปมั่วซั่วกับผู้หญิงคนอื่นได้

“แม่คะ แม่อย่าทำให้วุ่นวายได้หรือเปล่า?”

หล่อนพุ่งไปหาโจวยู่ชุ่ยพูดอย่างโมโห รีบบอกกับฉินซีไปทันที “พี่คะ พี่อย่าเข้าใจผิด ที่จริงพี่เขยให้ฉันไปรับเสี้ยวเสี้ยวมา แต่ฉันไม่ว่าง เขามีธุระกะทันหัน ดังนั้นถึงพาเสี้ยวเสี้ยวไปฝากไว้ที่เพื่อนทางนั้น”

“พวกแกไม่มีเวลากัน ทำไมไม่พาเสี้ยวเสี้ยวกลับมาส่งบ้าน? ฉันดูแล้วเจ้าสวะคนนี้คงเริ่มวางแผนหย่ากับเสี่ยวซีตั้งแต่แรกแล้ว กลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อพาเสี้ยวเสี้ยวไป ดังนั้นคืนนี้เลยจงใจพาไปเจอผู้หญิงคนนั้น”

โจวยู่ชุ่ยน้ำเสียงดูเหน็บแนมอย่างเจ็บปวด พูดว่า “แกดูสิ นี่พึ่งไม่กี่ชั่วโมง ก็ทำให้เสี้ยวเสี้ยวติดหล่อนแจแบบนี้แล้ว”

ฉินซีหน้าตาโกรธเคือง จ้องหยางเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำไปตรงๆ “คุณอธิบายมาให้ฉันฟังหน่อย!”

หยางเฉินคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถูกฉินซีเข้าใจผิด แต่พวกนั้นที่เสี้ยวเสี้ยวพูดไป ไม่โดนเข้าใจผิดถึงแปลก และมีโจวยู่ชุ่ยที่คอยใส่ไฟอยู่ด้านข้าง ยิ่งเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟโดยแท้

“เสี่ยวซี คุณอย่าเข้าใจผิด อย่างที่เสี่ยวยีบอกไปนั่นแหละ ผมมีธุระด่วนเข้ามา ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ถึงพาเสี้ยวเสี้ยวไปฝากไว้กับเพื่อนทางนั้นสักพัก” หยางเฉินพูดจาอย่างหวาดผวาอยู่บ้าง

ฉินซีส่งเสียงหัวเราะเยาะทันใด ไม่พูดไม่จา อุ้มเสี้ยวเสี้ยวขึ้นออกไปจากห้องแล้ว

“พี่เขย พี่รีบไปอธิบายสิ!” ฉินยีเห็นหยางเฉินยังยืนอยู่ที่เดิม พูดเร่งด้วยความร้อนใจระดับหนึ่ง

หยางเฉินส่ายหน้า “มีเรื่องบางอย่างยังจัดการไม่เสร็จ ฉันไม่วางใจ ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว รอฉันกลับมาจะไปอธิบายให้เสี่ยวซีฟัง”

เขาพูดจบ หมุนตัวออกไป

หม่าชาวยังรอเขาอยู่ด้านนอก กวนเสว่เฟิงยังอยู่ในมือของพวกเขา ตระกูลกวน เขาจำเป็นต้องไปด้วยตนเองสักเที่ยว