ตอนที่ 193 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (5)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 193 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (5)

เว่ยจางยกยิ้มเย็นชา “เขาจิตใจงามเช่นนั้นเลยหรือ”

ถังเซียวอี้คลี่ยิ้ม “ไม่ใช่คุณชายรอง! แต่เป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเหยา”

“ขี้โม้” เว่ยจางแค่นเสียงเย็นชาในลำคอแล้วยัดซาลาเปาเข้าปาก ตระกูลเหยามีเพียงบุตรชายเอกสองคน จะมีคุณชายสามได้อย่างไร

“จุ๊!” ถังเชียวอี้หรี่ตาลงแล้วส่ายหัว “แม่ทัพไม่เชื่อ? ท่านแค่ถามเหล่าสหายก็พอ วันนี้คุณชายน้อยคนนั้นที่ตามท่านเซียวโหวกับคุณชายรองแห่งตระกูลเหยาไปกินมื้อเช้าบนท่าเรือนั้นหล่อเหลาหรือไม่ โชคดีที่เหล่าสหายสิบกว่าคนต่างก็เป็นบุรุษเต็มตัว ไม่มีผู้ใดที่โปรดปรานบุรุษด้วยกัน มิเช่นนั้น… เฮ้อ! ข้าก็คงรับประกันไม่ได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น…”

“ไอ้สารเลว! หุบปาก!” เว่ยจางเข้าใจในสิ่งที่ถังเซียวอี้พูดทันที จึงเอาซาลาเปาในมือยัดเข้าปากถังเซียวอี้ จากนั้นผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหแล้วออกจากห้องโดยสาร

กลับแต่งกายเป็นบุรุษ? เหตุใดอยู่ดีๆ แล้วต้องแต่งกายเป็นบุรุษด้วย!

แม่ทัพเว่ยวิ่งพุ่งไปตรงหัวเรือด้วยความขุ่นเคืองใจ มองเรือลำใหญ่ที่จอดเทียบท่าอยู่บนหัวเรือตรงราวกั้นมีบุรุษรูปงามที่สวมใส่ชุดคลุมยาวที่สีฟ้าอ่อนกำลังถือคันเบ็ดตกปลา ข้างกายของนางมีสาวใช้ชุดเขียวยืนอยู่ ในมือของสาวใช้ถือถ้วย คุณชายรูปงามและสาวใช้พริ้มเพรา เหตุใดถึงรู้สึกว่าเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

เว่ยจางกัดฟันกรอดแล้วสั่งคนขับเรือที่อยู่ข้างๆ “ขยับเข้าไปใกล้ๆ”

เพราะว่าเฝิงหมัวมัวและคนอื่นๆ กำลังซื้อของบนท่าเรือ ยังไม่กลับมา ดังนั้นเรือยังไม่ออก เหยาเยี่ยนอวี่กลับมาก็ไม่มีอะไรทำ จึงเอาคันเบ็ดมาตกปลาเล่น เพิ่งจะรอคอยอย่างเงียบสงบก็ได้ยินเสียงคลื่นน้ำ เห็นว่าผิวน้ำเกิดคลื่นเหมือนปลากำลังว่าย เงยหน้ามองก็เห็นเรือพายมาใกล้อย่างว่องไว ทำให้ผืนน้ำสงบกลับเต็มไปด้วยคลื่นน้ำ

เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วพลางอุทานขึ้นเบาๆ “เฮ้อ! ช่างไม่มีมารยาทจริงๆ! ทำให้ปลาของข้าตื่นตระหนกหนีไปหมดแล้ว!”

เว่ยจางยืนอยู่บนเรือพาย เงยหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่บนเรือใหญ่ ยัยหนูคนนี้มีหน้าตาพริ้มเพราเหมือนดั่งหยก ดวงหน้างดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ชุดคลุมบุรุษสีฟ้าอ่อนที่สวมใส่นั้นหลวมนัก พอลมพัดมา เสื้อคลุมก็ถูกลมพัดจนจนเกิดเสียง ทำให้เห็นถึงคอดเอวบาง เพียงชำเลืองมองชั่วพริบตาก็ทำให้หัวใจของคนรุ่มร้อนยิ่งนัก

“เจ้าตกปลาเช่นนี้คงตกไม่ได้หรอก” แม่ทัพเว่ยพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น

เหยาเยี่ยนอวี่เบะปากแล้วพึมพำ “เจ้ามาแล้วปลาก็หนีหมด แน่นอนว่าต้องตกไม่ได้อยู่แล้วสิ”

เว่ยจางกระตุมมุมปากขึ้นแล้วยกมือขวา “ดูให้ดีนะ”

เขาพูดพลางผายมือ ก็มีแสงสีเงินลอยฝ่าอากาศ มีไหมเส้นหนึ่งเชื่อมกับนิ้วมือของเขาแล้วจมลงไปในน้ำ ทันใดนั้นเขาก็วางแขนลง ไหมเส้นบางนั้นถูกดึงขึ้น แม้ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ก็ตกปลาไนตัวยาวครึ่งฉื่อขึ้นมาได้

เว่ยจางยกมือจับปลาไว้ในมือ จากนั้นก็ดึงตะขอออกจากเหงือกปลาแล้วโยนปลาเข้าไปในถัง

ขบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ความเร็วนี้ว่องไวจนไม่น่าเชื่อ ผู้ที่พายเรืออยู่ข้างๆ ก็มองท่านแม่ทัพของเขาด้วยสีหน้านับถือ

“เชอะ!” เหยาเยี่ยนอวี่ที่โน้มตัวมองกลับมีสีหน้าเหยียดหยาม “มีอะไรน่าภูมิใจ เจ้าเป็นถึงแม่ทัพ หากความสามารถเช่นนี้ก็ยังไม่มีแล้วจะรับเบี้ยเลี้ยงจากราชสำนักได้อย่างไร!”

“นี่! เจ้า…” บ่าวที่อยู่ข้างๆ เว่ยจางไม่พอใจ แม่ทัพของเขามีชื่อเสียงน่าเกรงขามเช่นนี้ จะให้คุณชายน้อยท่านหนึ่งมาดูหมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร

เว่ยจางยกมือห้ามไม่ให้บ่าวมากความ เงยหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยรอยยิ้มบาง ยัยหนูจอมโมโหคนนั้นกลับมาแล้ว ท่าทางเช่นนี้ของนางน่าเกลียดน่าชัง เมื่อคืนนางดูสง่างามและเคารพให้เกียรติเขาเกินไป ดูอย่างไรก็รู้สึกผิดปกติ

รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าวางอำนาจนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ดูอย่างไรก็เหมือนกำลังดูหมิ่นนาง ดังนั้นนางจึงโมโห ชี้ไปยังผืนน้ำ “หากเจ้าลงน้ำแล้วจับปลาเป็นๆ มาได้สิบตัวข้าถึงจะนับถือเจ้า”

“ข้าไม่ให้เจ้านับถือข้า!” เว่ยจางยิ้มอย่างมีความสุข

“เจ้า!” เหยาเยี่ยนอวี่โมโห เหตุใดถึงได้เป็นคนเช่นนี้!

คิ้วอันหล่อเหลาของแม่ทัพเว่ยเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาลุ่มลึกสะท้อนแสงแพรวพราวยามดวงอาทิตย์ขึ้น “ข้าจะให้เจ้าเผาปลาให้ข้ากินตอนมื้อเที่ยง”

“ได้! แค่เจ้าจับได้ข้าก็จะเผาให้เจ้า!” คุณหนูเหยาติดเบ็ดอย่างไม่ลังเล

“ตกลง” แม่ทัพเว่ยยกมือถอดที่รัดเอวออก จากนั้นก็ถอดชุดคลุมสีดำแล้วโยนไปข้างหลัง กระโดดลงน้ำแล้วหายไปในชั่วพริบตา ไม่เห็นแม้แต่เงา

“นี่! เหตุใดเจ้าถึงเป็นคนเช่นนี้!” คนพายเรือไม่เห็นด้วย ชี้หน้าก่นด่าเหยาเยี่ยนอวี่ “นายท่านของข้ายังไม่ได้กินมื้อเช้าเลย!”

เหยาเยี่ยนอวี่แค่นเสียงเบาๆ ในลำคอ ภายในใจกำลังคิดว่า เมื่อคืนใครบางคนบอกว่าตอนเป็นทหารไปออกรบแล้วถูกศัตรูล้อมรอบ แม้กระทั่งต้นไม้ดอกหญ้ายังกิน เวลานี้ไม่ได้กินข้าวแค่มื้อเดียวแล้วจะกลัวอะไร

“เจ้าทำเกินไปจริงๆ! เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!” บ่าวของเว่ยจางแน่นอนว่าต้องคิดเผื่อนายท่านของตนเองอยู่แล้ว จึงก่นด่าบุรุษรูปงามที่ยั่วยุนายท่านของตนด้วยความโกรธเคือง

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เพียงยิ้มแล้วไม่พูดไม่จา ยังขี้คร้านที่จะเรียกร้องอะไรกับคนๆ นี้ ชุ่ยผิงที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่พอใจ โต้แย้งกลับด้วยความโกรธเคือง “เหล่านายท่านพูดอะไรหรือทำอะไรเป็นเรื่องของนายท่าน เจ้ามายุ่งเกี่ยวเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร ไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย!”

“ยัยสาวใช้อย่างเจ้าก็พูดได้ดีนี่! มารยาทบ้าบออะไร มีปัญญาเจ้าก็โดดลงไปจับปลาสักตัวในน้ำสิ?!”

“เจ้าด่าทอคนคนอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร!” ชุ่ยผิงโกรธจนหน้าแดง แทบจะปาถ้วยใส่หัวของคนหยาบคาย

“ข้าด่าคนที่ไหนเล่า ข้าแค่พูดเฉยๆ! ถ้าไม่อยากฟังก็ไม่ต้องฟังสิ!”

ครั้งนี้ชุ่ยผิงจึงโมโหเข้าจริงๆ ยกมือปาถ้วยในมือแล้วก่นด่าด้วยความโมโห “ถุย! เจ้านี่มันชาติชั่ว! ขึ้นหยาบกับใครข้าจะปาของใส่ให้เจ้าตายไปเลย!”

“เพล้ง!” เสียงถ้วยเคลือบชึ้นดีกระแทกไม้กระดานเรือ น้ำแกงหูหนูหกออกมาจนได้กลิ่นหอมกรุ่น

“เกิดอะไรขึ้น! ทะเลาะอะไรกัน” ถังเซียวอี้ออกจากข้างในเรือแล้วสบถด้วยความโมโห

“ท่านถังขอรับ” บ่าวคนนั้นเห็นจึงหันไปน้อมทำความเคารพถังเซียวอี้ จากนั้นก็จึงฟ้องเรื่องที่นายกับบ่าวบนเรือใหญ่กระทำ

ถังเซียวอี้หรี่ตาลงมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่บนขอบเรือใหญ่แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “คุณหนูเหยา”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างเกรงใจเล็กน้อย “ท่านรองแม่ทัพถัง”

“แม่ทัพของพวกเราลงไปนานหรือยัง” ถังเซียวอี้เอ่ยถามด้วยยิ้มบางๆ

“เอ่อ…” เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดอย่างละเอียด สักพักแล้วกระมัง?

“ท่านถังขอรับ นายท่านลงไปนานแล้วขอรับ!” บ่าวที่อยู่ข้างๆ กระวนกระวาย “พวกเขาให้นายท่านจับปลาเป็นสิบตัว! นี่ไม่ใช่ว่ากำลังกลั่นแกล้งผู้อื่นหรือ ปลาเป็นสิบตัวแน่ะ! ต่อให้จับได้นายท่านก็เอาขึ้นมาไม่ได้! ปลาลื่นจะตาย…”

“เจ้าหุบปาก!” ถังเซียวอี้ถลึงตามองบ่าวคนนั้นแล้ว “มีสิ่งใดในใต้หล้านี้ที่ท่านแม่ทัพทำไม่ได้!”

ไม่มีอะไรที่ท่านแม่ทัพทำไม่ได้จริงๆ! ทว่านั่นเป็นเรื่องที่ออกรบในเขตซีเป่ย! แต่แม่น้ำอวิ๋นเทียนนี้ลึกจนมีน้ำไม่ขาดสายมานับร้อยปี! บ่าวคนนี้ทั้งกระวนกระวายทั้งลำบากใจ ท่านรองแม่ทัพถังที่ร่วมเป็นร่วมตายกับท่านแม่ทัพมาด้วยกันเหตุใดถึงไม่สนใจความเป็นความตายของแม่ทัพเพื่อยัยหนูคนนั้น!

นารีเป็นเหตุอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด! นำภัยพิบัติมาสู่ประเทศชาติจริงๆ!