บทที่ 203
การแก้ไขคุณสมบัติ
มีผีอยู่ในโลกหรือไม่?
ลั่วอู๋พูดออกมาโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่มีหรอก”
แต่เขาลืมไปว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกของมนุษย์ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นโลกของผู้ใช้พลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยมนตราและสัตว์วิญญาณ
มันยากที่จะบอกว่ามีผีอยู่จริง ๆ ที่นี่หรือไม่
ขาและท้องของลั่วอู๋อ่อนแรงในทันที ฉากตรงหน้านี้เป็นของจริงไม่ผิดแน่และมันน่ากลัวกว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีร้ายที่น่ากลัวที่สุดหลายหมื่นเท่า โดยเฉพาะเมื่อมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริง
เขาสามารถได้ยินเสียงร้องไห้จากเหล่าผี
และรู้สึกได้ถึงลมที่พัดเข้ามาข้างหลังคอ
นอกจากนี้ยังมีทั้งศพคนตายและผีประหลาด ๆ อีก
ลั่วอู๋อดคิดไม่ได้ว่าอยากจะถอยกลับ แต่พบว่าเส้นทางในการล่าถอยนั้นได้หายไปแล้ว ไม่ว่าจะถอยหลังกลับไปแค่ไหนก็ยังถูกล้อมไปด้วยหมู่ผี
“อาา … ”
เหล่าผีร้องโหยหวน
มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาทางพวกเขาเหมือนกับระฆังทองแดง ต่างจากใบหน้าของผีประหลาดส่วนใหญ่ที่ลอยอยู่อย่างเรื่อยเปื่อย
ลั่วอู๋รู้สึกเย็นไปถึงกระดูกดำ สมองของเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ดึงดาบระบำแห่งความตายออกมาและพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างกายของเขาก็ถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุดในทันที
“ออกไปจากที่นี่ซะ! และอย่าได้มาให้ข้าเห็นอีก” ลั่วอู๋ส่งเสียงคำรามที่ดังที่สุดในชีวิต
ผีประหลาดเหล่านั้นเมื่อถูกลั่วอู๋คำรามใส่ พวกมันก็บินหนีออกไป แม้แต่ร่างของพวกมันก็เริ่มดูจะสลายหายไป
เหล่าผีต่างที่อยู่รอบนอกเองก็แสดงสีหน้าตกใจและหนีเอาชีวิตรอด
เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 7
พลังวิญญาณของเขานั้นถือว่าแข็งแกร่งมาก ด้วยลมปราณที่มีพลังมากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าและพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง ผีน้อยเหล่านี้จะทนต่อไปได้อย่างไร.
หลังจากนั้นพื้นที่รอบตัวลั่วอู๋ก็กลับมาว่างเปล่า ไม่มีเสียงโหยหวนใด ๆ ดังเข้ามาในหูของเขาอีกต่อไป
“นี่มัน..”ลั่วอู๋ตกตะลึง
เนื่องจากความคิดเกี่ยวกับผีและสัตว์ประหลาด ฝังรากลึกความกลัวลงในจิตใจของผู้คน ปฏิกิริยาแรกที่ต้องเจอกับผีจึงมักจะเป็นความกลัว แต่ในความเป็นจริงเมื่อได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนพลังวิญญาณ จนวงจรพลังวิญญาณในร่างกายแข็งแกร่ง เหล่าผีก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ต้องเกรงกลัวเสียเอง หากมีพลังวิญญาณอันทรงพลังก็สามารถทำให้ผีเหล่านั้นกลัวจนขาดใจตายซ้ำสองไปได้เลยทีเดียว
ใบหน้าของหลี่หยินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นางเข้าไปหาลั่วอู๋ในทันที “หวา ๆๆ นายน้อยช่างทรงพลังมากเหลือเกินเจ้าค่ะ”
“ถึงเจ้าจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ”
รอบข้างทั้งสองคนก็ยังคงมืดมนและเต็มไปด้วยซากกระดูก มันจึงไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกที่เย็นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจหายไปเลย แต่อย่างน้อย ๆ ลั่วอู๋ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนเดิมอีกแล้ว
เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว เดินเข้าไปหาผี
มันเป็นตัวที่อยู่ใกล้เขาที่สุด และมันกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวด้วยเสียงคำรามของลั่วอู๋ ตอนนี้มันจึงค่อย ๆ สลายราวกับว่ามันกำลังจะหายไปอย่างสมบูรณ์
“ช่างโง่เขลายิ่งนัก ที่เจ้ามาทำให้ข้าตกใจ” ลั่วอู๋กลอกตาของเขา
มีร่องรอยของการอ้อนวอนปรากฏขึ้นในดวงตาของผี แต่ดวงตาคู่โตและน่าขันคู่นั้นน่าจะทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดเสียมากกว่า
ลั่วอู๋โค้งปากของเขา ใครสั่งให้เจ้ามาทำให้ข้ากลัวกัน เล่า ?
ว่าแต่เขาจะสามารถจับผีตัวนี้ลงไปในไหปีศาจได้ไหมนะ?
ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็เลือกที่จะลองดู เขาเทพลังวิญญาณของเขาลงในไหปีศาจและใช้ความสามารถการดูดเข้าไปของไห
พลังวิญญาณหลากสีตกลงบนร่างของผี ทำให้มันหายไปในพริบตา
ในขณะเดียวกันหนังสือภาพที่ลอยอยู่ในมิติไหก็ส่องแสงเล็กน้อย
ประสบความสำเร็จ
ไหนั้นยอมรับมันเข้ามาจริงๆ
ลั่วอู๋รีบเข้าไปในมิติไห และเขาก็ได้พบว่ามีผีตัวหนึ่งลอยอยู่ในอากาศเพียงลำพัง ซึ่งดูเหมือนว่ามันคงจะทำอะไรไม่ถูก
ในมิติไหไม่มีเวลากลางคืน พื้นที่ทั้งหมดจึงสว่างอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นผีตัวนั้นก็ไม่รู้สึกอึดอัดใด ๆ นี่มันช่างแปลกจริงๆ
ลั่วอู๋ตรวจดูข้อมูลของมัน
เผ่าพันธุ์: วิญญาณหลอน
ระดับ: ทองแดง
มิติ: ระดับทองแดง มิติ 1
ทักษะ: ไม่มี
พื้นเพ: คนที่ตายไปแล้วแต่ยังยึดติดกับชีวิตและกระตือรือร้นที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นกลัว
ลั่วอู๋เอามือก่ายหน้าผากของเขา เขาไม่นึกว่ามันจะเป็นสัตว์วิญญาณไร้สาระแบบนี้ อย่างไรก็ตามเขาสามารถนำมันมาเติมช่องว่างในหนังสือได้ ซึ่งมันก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้างเล็กน้อย
“จงอยู่กับตัวเองอย่างสงบ ๆ ไปซะ ข้าแนะนำให้เจ้าไม่วิ่งเล่นไปรอบ ๆ เพราะถ้าเจ้าไปยั่วยุสัตว์วิญญาณของที่นี่ เจ้าจะต้องเสียใจแน่” ลั่วอู๋ทิ้งคำเตือนไว้ให้วิญญาณหลอนแล้วออกจากมิติไหไป
ในสายตาของลั่วอู๋ ภูเขากุยโตนั้นไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
ด้วยดาบระบำแห่งความตายในมือของเขาลั่วอู๋เดินสามารถเดินไปอย่างสบาย ๆ ได้ตลอดทางจนถึงยอดเขา เมื่อเขาพบผีตัวใดเข้าก็ตาม เขาเพียงแค่โบกดาบในมือของเขาจากนั้น ซึ่งแน่นอนว่าด้วยแรงพละกำลังของลั่วอู๋แล้วเขาไม่สามารถใช้มันในการฟันสิ่งของได้
แต่เพียงแค่โบกมันไม่กี่จังหวะดาบระบำแห่งความตายก็ทำให้ผีระดับต่ำเหล่านั้นหวาดผวาราวกับว่า ลั่วอู๋เป็นคลื่นลูกใหญ่เขาโหมซัดใส่พวกมัน
ไม่ว่าจะเป็น …
ผีหัวขาด
ผีร้องไห้
ผีขี้ขลาด
ผีศพเหม็น
ผีอกหัก
ผีแยกส่วน
ผีคนขุดหลุม
ผีลิ้นยาว
……
มันก็แค่มีภาพลักษณ์ที่เขาคาดไม่ถึงเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ
ลั่วอู๋จับผีแปลก ๆ จำนวนมากใส่ลงในไหปีศาจ จากนั้นแสงในหนังสือก็เริ่มกะพริบอย่างรุนแรง
ผีเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพละกำลังในการต่อสู้ต่ำ แต่อย่างน้อยมันก็มีประโยชน์ในการปลุกความสามารถของไหปีศาจ
ในที่สุดหลังจากที่เขารับผีเข้ามามากกว่า 300 ตัว แสงในหนังสีก็เริ่มส่องสว่างด้วยแสงที่สว่างมากกว่าที่ผ่านมา มีเสาแสงอันสว่างจ้าก็ทะลุไปทั่วมิติไห
ในที่สุดลั่วอู๋ก็เสร็จสิ้น ขั้นตอนที่สองของการรวบรวมสัตว์วิญญาณเพื่อปลดผนึกความสามารถใหม่ที่สองของไหปีศาจ
– การแก้ไขคุณสมบัติ
ต้องขอบคุณผีเหล่านี้ ถึงแม้จะต้องใช้เวลานานไปหน่อย
การแก้ไขคุณสมบัติเป็นเพียงการแก้ไขเฉพาะจุด
สัตว์วิญญาณแต่ละประเภทมีข้อจำกัดด้านสายพันธุ์ของตัวเอง แต่นอกเหนือจากข้อจำกัดด้านสายพันธุ์แล้วก็ยังมีข้อจำกัดที่แตกต่างไปในสัตว์วิญญาณแต่ละตัวอีกด้วย
ในเผ่าพันธุ์ทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกเผ่าพันธุ์จะไปถึงขีดจำกัด ของเผ่าพันธุ์ตัวเองได้ มันเป็นเรื่องปกติที่สัตว์วิญญาณบางตัวจะไม่มีทักษะที่เผ่าพันธุ์ของมันควรจะมี
ยกตัวอย่างเช่น
แมวผี ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับ เงิน
แมวผีบางตัวสามารถเติบโตได้ถึงระดับเงิน 10 ในขณะที่บางตัวไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับเงิน 5 หรือ 6 ได้ด้วยซ้ำ สาเหตุส่วนใหญ่ก็คือศักยภาพของมันนั้นหมดลงเสียก่อน
ทักษะทั่วไปที่มีแมวผีก็คือ : เร่งความเร็ว (ระดับ C), ความเร็วเหนือความตาย (ระดับ s), กรงเล็บวิญญาณ (ระดับ A), เงียบสงัด (ระดับ B), เสียงล่อลวง (ระดับ A), การโจมตีซ้ำสอง (ระดับ A),นัยน์ตาแห่งความมืดมิด (ระดับ B) จู่โจม (ระดับ A) ฯลฯ
เป็นไปไม่ได้ที่แมวผีทุกตัวจะมีทักษะเหล่านี้ทั้งหมด
แม้จะฝึกฝนมันได้จนเกินขีดจำกัด
แต่ไม่ว่าแมวผีจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่สามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ทั้งหมดอยู่ดี มากสุดในประวัติการณ์ก็คือสามารถเรียนรู้ทักษะได้ราว ๆ เจ็ดหรือแปดอย่าง
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถในการแก้ไขคุณสมบัติ ตอนนี้เขาก็จะสามารถปรับแต่งแมวผีให้กลายเป็นสัตว์วิญญาณชั้นยอดได้อย่างง่ายดาย
สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถ การแก้ไขคุณสมบัตินั้นไม่ได้ใช้แต้มเซียนแต่อย่างใด ที่ต้องจ่ายมีเพียงพลังวิญญาณเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าลั่วอู๋สามารถใช้ความสามารถนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลหรือหยุดพัก
ลั่วอู๋ลองคิดเกี่ยวกับมันดู
ทักษะส่วนใหญ่ของต้าหวงเกิดจากการลงตราทักษะ ดังนั้นจึงไม่มีความหมายที่จะแก้ไขคุณสมบัติ
ส่วนในแง่ทักษะผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะเองก็มีทักษะที่ดีพออยู่แล้ว ถ้าเขาเผลอล้างทักษะ มิติเวทมนตร์ ออกละก็เขาคงจะร้องไห้ไปจนวันตาย
คิดดูแล้วความสามารถนี้คงไม่มีผลกับตัวเขาเองมากนัก
ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับหลี่หยินว่า “หลี่หยินให้ข้ายืมเสี่ยวหลวนของเจ้าสักพักได้ไหม”
“ได้เจ้าค่ะ” หลี่หยินส่งเสี่ยวหลวนให้กับลั่วอู๋
มันยังมีความต้านทานอยู่เล็ก ๆ น้อย ๆ โดยมันได้โบกมือเอากรงเล็บเล็ก ๆ ของมันข่วนราวกับว่ามันกำลังประท้วง การที่มันต้องออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของเจ้านายทำให้มันไม่พอใจ
แต่ก็ถูกลั่วอู๋ใช้ความสามารถพิชิตใส่มันอย่างไร้ความปรานี
ลั่วอู๋ตรวจดูทักษะของเสี่ยวหลวน
นี่มัน แย่มาก …
มันได้เรียนรู้ไปเพียงแค่สองทักษะเท่านั้น เร่งความเร็วและกรงเล็บวิญญาณ
มันยังน้อยเกินไป
นี่จึงส่งผลให้มือของลั่วอู๋เต็มไปด้วยพลังวิญญาณอันลึกลับ พร้อมจะกดลงไปที่เสี่ยวหลวน