หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.475 – ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ (3)
เกาะเกือบทั้งหมดได้ถูกทำลายลงโดยพฤษามารโลกา
ฝุ่นผงปลิวว่อนไปทุกที่ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม ฝุ่นผงที่ว่า แท้จริงแล้วจากสีเหลืองจางๆในตอนแรก มันกลับค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ
เนื่องจากอากาศที่ว่างเปล่าช่วงบนกำลังถูกกดทับลงมา
ฝุ่นผงทั้งหมดจึงถูกบีบอัดเข้าด้วยกัน
เห็นแค่เพียงบนท้องฟ้าสูง เกาะลอยฟ้าสาดชั้นแสงสวรรค์ออกมา กระจายไปในอากาศ
นั่นน่าจะบ่งบอกว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับค่ายกลลอยล่อง
โดยทั่วไปแล้ว ค่ายกลจะถูกตั้งค่าเอาไว้ว่าจะต้องเริ่มถูกใช้งานนะ ถ้าความสูงลดระดับลง และจะต้องขึ้นไปจนถึงความสูงในระดับนี้นะ จึงจะต้องหยุด
ดังนั้น เมื่อตัวเกาะถูกบังคับให้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลลอยล่องจึงเริ่มทำงานทันที
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการล่มสลายลงของมิติ ส่งผลให้แม้ตัวค่ายกลจะทรงประสิทธิภาพเพียงใด มันก็มิอาจต่อกรกับแรงกดทับได้อยู่ดี และทำได้เพียงจำใจลดระดับลงไปเรื่อยๆเท่านั้น
สำหรับเวลานี้ แต่ละเกาะเบื้องบนล้วนถูกกดดันให้ลดระดับลงมา แรงเสียดทานจากหลากหลายพลังอำนาจส่งผลมันบังเกิดไอร้อนพวยพุ่ง ฉากนี้คล้ายกับอุกกาบาตกำลังร่วงหล่น
ปลาคาร์พยังคงลอยโผล่หน้าของมันอยู่บนผิวน้ำ เพื่อเฝ้าดูฉากนี้
มันกำลังคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์รับมือตอบโต้
ตนเองล่วงรู้ว่าสตรีแห่งรากษสนั้นครอบครองความลี้ลับของทุกสรรพวัตถุ
ในทางกลับกัน สตรีแห่งรากษสกลับไม่ได้ล่วงรู้ว่าตนนั้นครอบครองความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต
นี่คือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ขณะที่ปลาคาร์พกำลังลอยตัว เฟ้นสมองขบคิด เฝ้ารออยู่อย่างเงียบๆ
-เฝ้ารอช่วงเวลาสุดท้ายของการล่มสลายของโลก
ที่ไม่มีใครรู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
หากจนกระทั่งถึงช่วงเวลานั้น ผู้ทดสอบแห่งลั่วชา(รากษส)อีกคนหนึ่งยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็จะได้รับคุณสมบัติในการก้าวขึ้นเป็นลั่วชา(รากษส)อย่างเป็นทางการ
ตูม!
ตูม!
ตูม!
หมู่เกาะเริ่มจะปะทะซึ่งกันและกัน
เมื่อพื้นที่โลกเริ่มหดตัวแคบลง ผลกระทบก็คือ ระยะห่างระหว่างแต่ละเกาะก็กระชั้นชิดเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ
ปลาคาร์พยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำ เฝ้ามองการล่มสลายของโลก
อีกไม่นาน
โลกก็จะจมลงสู่ปากเหวแห่งการทำลายล้างโดยสมบูรณ์
ปลาคาร์พยังคงส่ายครีบและหางของมันไปมาอย่างต่อเนื่อง
เวลาค่อยๆไหลผ่านไป
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆปลาคาร์พก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาสาดมองไปบนท้องฟ้า
เหนือท้องฟ้าเบื้องบน จู่ๆก็ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นอย่างกระทันหัน
นี่คือรอยแตกร้าวที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายมิติ!
ซึ่งปลาคาร์พสามารถตระหนักถึงสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ใดกัน ที่เลือกจะกลับมาสู่โลกที่กำลังล่มสลายในเวลาเช่นนี้?
แต่คงไม่ต้องใช้สมองอะไรให้มากมายนัก เพราะคำตอบมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
ปลาคาร์พบิดตัว และจมลงไปในน้ำมากกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อซ่อนร่างของมัน
ตอนนี้ เขารู้ดีว่าการต่อสู้ที่แท้จริง .. มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
รอยแยกมิติเปิดออก
พร้อมกับหญิงสาวที่สวมหน้ากากจิ้งจอกขาวปรากฏตัวออกมา
-สตรีแห่งรากษส
ในขณะเดียวกันกับที่เธอปรากฏตัวออกมา 7-8 หนังมนุษย์ก็สามารถรับรู้ถึงเธอได้ในทันที
เนื้อหวานๆแสนอร่อย!
เหล่าหนังมนุษย์เริ่มที่จะวิ่งแข่งกัน ตรงมายังทิศทางนี้
พวกมันเริ่มโจมตีสตรีแห่งรากษสด้วยความเร็วที่ไม่อาจจะทันรับรู้ได้
ทว่าสตรีแห่งรากษสเองก็ไม่รอช้า แปลงกายตนเองให้กลายเป็นก้อนหินในทันใด
ก้อนหินบินข้ามฝ่ากลุ่มของผู้ฝึกยุทธ บินทะลุผ่านฝุ่นตลบจากไป
ก่อนจะร่วงตกลงในอีกทิศทางหนึ่ง
เมื่อหนังมนุษย์ตระหนักได้ว่าของหวานอันโอชะของพวกมันหายไปต่อหน้าต่อตา
ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะออกไปไล่ล่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆแทน
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีหนังมนุษย์ที่ครอบครองสายตาแหลมคมอยู่บ้าง พวกมันเร่งความเร็วขึ้น และคว้าจับก้อนหินก้อนนั้นเอาไว้
พวกมันพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำการสำรวจหิน
แต่นี่มันก็แค่ก้อนหินธรรมดาๆ
เป็นเพียงวัตถุ … และไม่อร่อย!
หนังมนุษย์ไม่กี่ตนที่ไล่ตามก้อนหินมาจึงเร่งจากไปด้วยความขุ่นข้อง
ขณะที่หินก้อนดังกล่าวยังคงไม่บุบสลาย และตกลงมาอยู่บนผืนดินของเกาะ
—เพียงพริบตา สตรีแห่งรากษสก็สามารถระบุได้ถึงสถานการณ์โดยรอบ แปรเปลี่ยนร่างตนเป็นหิน และได้กำหนดถึงทิศทางที่ตนจะมุ่งไปและร่วงตกลงได้อย่างปลอดภัย
ในขณะนี้ หนังมนุษย์ที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าไม่มีผู้ใดใยดีเธอเลย
สตรีแห่งรากษสลอบถอนหายใจออกมา
เดชะบุญจริงๆที่ก่อนหน้านี้เธอเคยพลาดท่าถูกส่งตัวออกไปยังพื้นที่มิติอื่นมาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อได้รับโอกาสอีกครั้ง เธอจึงได้เตรียมการรับมือกับมันเอาไว้ล่วงหน้า
อีกฝ่ายใช้วิธีเดิม
และหากถูกหลอกซ้ำสอง เธอคงจะเป็นแค่คนโง่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะสามารถกลับมาได้ แต่สภาพในตอนปรากฏกาย ทั้งคนทั้งร่างของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด
น่าเสียดายจริงๆที่สี่ผู้ใต้บังคับบัญชาลมปราณจิตทั้งสี่คนของเธอถูกพรากจากไปโดยการเคลื่อนย้ายจากค่ายกลทะลวงมิติ
ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลังจากถูกส่งออกไปด้วยค่ายกลนี้แล้ว มันไม่เคยมีใครสามารถรอดชีวิตกลับมาได้เลย
เฮ้อ! นั่นเป็นถึงสี่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตลมปราณจิตเชียวนะ!
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ และสุดแกร่งเช่นนั้น นับว่าเป็นผู้ช่วยที่ทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง
-การสูญเสียในครั้งนี้มันหนักหนาเกินไปจริงๆ
และหากเธอไม่สามารถผ่านการทดสอบแห่งลั่วชา(รากษส)ไปได้ นี่คงเป็นการพ่ายแพ้ที่น่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อคิดไปถึงการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นลั่วชา(รากษส)แล้ว สตรีแห่งรากษสก็ถอนหายใจยาวออกมา
ตนเองครอบครองเทคนิคลับมากมาย ดังนั้น การที่จะชนะผู้ทดสอบอีกฝ่ายหนึ่งย่อมเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
คู่แข่งจะเป็นใครไม่สำคัญ เพราะอย่างไรมันก็ย่อมไม่สามารถชนะมารโลกาได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ตนเองก็แสร้งปลอมแปลงเป็นวัตถุไร้ชีวิต เฝ้ารอให้อีกฝ่ายหนึ่งตกตายไป
นี่นับว่าเป็นความสะดวกสบายยิ่ง
หินค่อยๆร่วงตกลงมาจากกลางอากาศ
และทิศทางของมัน … ก็คือเกาะทะเลสาบ
ซึ่งเป็นเกาะสุดท้ายที่ยังคงลอยลำอยู่
จุ๋ม!
ก้อนหินตกลงไปในทะเลสาบ และจมลงไปยังด้านล่างสุด
แม้ว่าโลกทั้งใบจะกำลังถูกทำลายลง แต่เบื้องล่างของทะเลสาบนี้สมควรที่จะสงบสุข อย่างน้อยก็ชั่วคราว
ก้อนหินนอนโง่ๆอยู่ก้นทะเลสาบอย่างเงียบๆ เฝ้ารออย่างเบื่อหน่ายให้การทดสอบนี้สิ้นสุดลง
ว่าแต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นใครกันนะ?
เหตุใดจู่ๆมันจึงได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหันกัน?
หรือว่าจะเป็นฉีหยาน?
ใช่ มันอาจจะเป็นเขาก็ได้
เพราะท้ายที่สุดนี้ ฉีหยานเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้ตนเองจำต้องยินยอมสละร่างของสตรีแห่งรากษสไปครั้งหนึ่ง
หินกำลังขบคิดอยู่อย่างเงียบๆ
ในขณะนั้นเอง มีปลาคาร์พตัวหนึ่งได้แหวกว่ายผ่านก้อนหินไป
เมื่อหินสังเกตเห็นถึงปลาคาร์พ มันก็ถอนหายใจด้วยอารมณ์เล็กน้อย
เจ้าปลานี่ ยังคงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่แสนสะดวกสบายได้อยู่อีก โดยที่พวกมันไม่รู้เลยว่านี่เป็นช่วงเวลาสุดท้ายของโลกแล้ว
หลายสิบลมหายใจได้ผ่านพ้นไป
ในหัวใจของหินเริ่มรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
แปลกนัก
ไฉนอีกฝ่ายจึงยังไม่ตกตายลงอีก?
มิใช่ว่าหากสามารถตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว จิ้งจอกขาวก็จะปรากฏตัวออกมาหรอกหรือ?
แต่จนกระทั่งบัดนี้ จิ้งจอกขาวก็ยังไม่โผล่หัวออกมาให้เห็นแม้แต่เงาเลย
แท้จริงแล้วฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวตนใดกัน จึงสามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อหน้าร่างมีจิตสำนึกของมารโลกาได้นานขนาดนี้?
ด้วยความแข็งแกร่งของฉีหยาน มันย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ก้อนหินเริ่มบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นเล็กๆน้อยๆ
แต่ทันใดนั้น มันก็ฉุกคิดถึงบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว
—เป็นมันเองที่ผิดพลาดไป ทั้งๆที่ตนสามารถสังเกตถึงการต่อสู้บนท้องฟ้าโดยไม่ถูกมารโลกาค้นพบตัวได้แท้ๆ แต่ก็ยังไม่คิดจะทำมันในตอนแรก
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ก้อนหินก็เริ่มแปรสภาพตนเองเป็นกิ่งไม้ยาวๆ
กิ่งไม้ยาวนี้มีรูปค่อนข้างจะเหมือนกับร่างคน นั่นก็เป็นเพราะเธอยังไม่คุ้นชินกับการใช้วิชาลี้ลับนี้ ดังนั้นจึงมีบ้างที่ในบางการแปลงกายมันจะออกมาไม่ราบรื่นนัก
แต่โดยทั่วไปแล้ว มันก็คงไม่สำคัญหรอก
กิ่งไม้ใหญ่ยกตัวขึ้นจากก้นทะเลสาบ ผุดขึ้นมาลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างเงียบๆ
มันเฝ้าดูฉากนองเลือดตลอดทั้งผืนฟ้า และพยายามที่จะมองหาคู่แข่งของตน
ในขณะที่มันกำลังเฝ้าดูอยู่นั้นเอง จู่ๆกระแสน้ำก็บังเกิดการกระเพื่อมไหวขึ้นอย่างกระทันหัน
ทันใดนั้นกิ่งไม้ก็ค้นพบถึงร่างอันใหญ่โตผุดขึ้นมาจากเบื้องล่าง
มันคือจระเข้ที่มีขนาดตัวยาวกว่า 5 เมตร
จระเข้ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำเช่นกัน ก่อนจะเริ่มแหวกว่ายอย่างช้าๆด้วยความเกียจคร้าน
กิ่งไม้เหลือบมองไปที่มันเล็กน้อย ก่อนจะละความสนใจไป
จระเข้ เป็นสัตว์ที่พบเห็นได้ธรรมดาในทะเลสาบและหนองน้ำ
–ประเดี๋ยวก่อน เหตุใดไอ้จระเข้บ้านี่จึงว่ายมายังทิศทางนี้กัน?
เห็นแค่เพียงคู่ดวงตาของจระเข้ กำลังจ้องมองดูกิ่งไม้อย่างเงียบๆ
ขณะที่ในหัวใจของกิ่งไม้เริ่มเต้นระรัวราวกับกลองชุด
มองหาบิดาเจ้าหรือ?
ตัวเราผู้สูงศักดิ์เป็นเพียงแค่กิ่งไม้นะ!
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีหนังมนุษย์จำนวนหนึ่งพุ่งผ่านทะเลสาบไป
กิ่งไม้จึงละความคิดที่จะสังหารจระเข้ทันที
หากตนถูกค้นพบด้วยการระบายอารมณ์โง่ๆนี่ มันนับว่าไม่คุ้มค่าเอาเลยจริงๆ
กิ่งไม้ไม่ขยับไหว แต่จระเข้กลับตรงกันข้าม มันเหวี่ยงหางอย่างแรงเป็นฟืนเป็นไฟ เพื่อจะว่ายตรงเข้ามางับกิ่งไม้
แล้วกิ่งไม้ก็ถูกอีกฝ่ายกัดจริงๆ ทว่าแม้จะถูกกัดอยู่ แต่กิ่งไม้ก็มิได้พยายามที่จะเคลื่อนกายป้องกันใดๆ
-ท้ายที่สุดนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องรู้นะว่าตอนนี้มันเป็นเพียงแค่กิ่งไม้ ดังนั้นแม้จักต้องการใช้ออกด้วยวิชาลับ ก็ยังจำเป็นต้องอาศัยเวลาสักพักหนึ่ง
แต่แล้วจู่ๆกิ่งไม้ก็ถูกยกม้วนสูงขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะลอยลงมาทิ้งแหมะลงบนขอบชายฝั่งทะเลสาบ
ถึงกับต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่ง กิ่งไม้จึงจะตอบสนอง
‘นี่ข้าถูกจระเข้เหวี่ยงออกมาอย่างนั้นหรือ!!’
บักจระเข้นี่ ใช่อยากมีปัญหากันข้าหรือไม่?
แม้ตัวกิ่งไม้จะยังคงนิ่งงัน แต่ภายในของมันเตรียมพร้อมที่จะระเบิดออกด้วยวิชาลับแล้ว
ทว่ากลับเห็นแค่เพียงจระเข้สงบลง มันว่ายวนอยู่บนผิวทะเลสาบอีกไม่กี่ครั้ง ก่อนจะค่อยๆจมหายไปในน้ำ
จระเข้ได้จากไปแล้ว
กิ่งไม้จึงค่อยสงบลง สักพักสติจึงกลับมามั่นคงดังเดิม
มองจากการกระทำนี้ ดูเหมือนกับว่าเจ้าสัตว์ใหญ่โง่เง่านั่นมันจะคิดว่าข้าเป็นผู้บุกรุกอย่างงั้นสินะ!
ขณะกำลังขบคิด กิ่งไม้ก็พลันหันไปเห็นหมาป่าตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากพุ่มไม้
หมาป่าจ้องมองมายังกิ่งไม้ที่ว่า ก่อนจะอ้าปากและพุ่งเข้ามางับมันอีกครั้งซะอย่างงั้น!
และในขณะนั้นเอง ก็ดันมาเป็นช่วงเวลาที่ผู้ฝึกยุทธจำนวนมากกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้า เพื่อหลบหนีการไล่ล่าของหนังมนุษย์อยู่พอดิบพอดี
ส่งผลให้ในเวลานี้ กิ่งไม้ไม่สามารถลงมือใช้พลังวิญญาณเพื่อที่จะสังหารเจ้าหมาบ้านี่ได้
แต่ในตอนนั้นเอง กิ่งไม้ก็เริ่มเข้าใจถึงบางสิ่ง
… ช่างน่าละอายยิ่งนัก
คงเป็นตัวข้าเองที่ยังมิเชี่ยวชาญวิชาลี้ลับมากพอสินะ
เนื่องเพราะกิ่งไม้ที่ตนปลอมแปลง มันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์มากเกินไป จึงง่ายต่อการเกิดความเป็นปรปักษ์ต่อเหล่าสรรพสัตว์
หลังจากที่กลับไป .. คงต้องฝึกฝนควบคุมวิชาลี้ลับให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้เสียแล้ว
เมื่อตัดสินใจได้ กิ่งไม้ก็หายไปทันที
ท่ามกลางเม็ดทรายนับไม่ถ้วนบนหาด มันได้เลือกที่จะปลอมแปลงตนเองเป็นเม็ดทรายเม็ดเล็กๆอย่างเงียบๆ
หมาป่ากัดเข้าใส่ความว่างเปล่า มันหันไปมองรอบๆด้วยความสับสน การจะนิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วจากไปในที่สุด
คราวนี้ก็สบายใจได้เสียที!
ก็เอาสิ ครานี้ข้าซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเม็ดทรายแล้ว ขอดูหน่อยซิว่าจะมีสัตว์หน้าโง่ตนใดมาทำอะไรกับข้าอีก!
เม็ดทรายถอนหายใจอย่างลับๆ และเอ่ยพึมพำในจิตใจของตนเอง
แต่ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆเม็ดทรายก็หันไปเห็นถึง ‘มดละลายไฟ’ ที่กำลังขยับสองเสาเล็กๆบนหัวมัน แล้วคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
มดละลายไฟ … เป็นสัตว์ที่ชื่นชอบในการกัดกินหินและทราย
มันจะใช้น้ำลายชนิดพิเศษของมันกัดกร่อนหินและทราย เพื่อสร้างรังของตัวเอง
เม็ดทรายเฝ้ามองมดละลายไฟ พร้อมกับบังเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เหตุใดวันนี้ข้าจึงซวยซ้ำซวยซ้อนนัก?
นี่มันชักจะเริ่มพิกลหน่อยๆเสียแล้ว
ทว่าเดชะบุญ ที่มดละลายไฟกลับมิได้เล็งเป้าหมายมาที่ตัวเธอเอง
เจ้ามดเพียงส่งเสียงฮึมฮำเบาๆ เพื่อเรียกร้องสหายของตนมา
เม็ดทรายถอนหายใจโล่งอก
ใช่แล้ว พวกมันเพียงเรียกสหายมาเพียงเพื่อสร้างรังเท่านั้น นี่มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนเองเลย
ประเดี๋ยวก่อน
สร้างรังอย่างนั้นหรือ …
เม็ดทรายเงียบงันไปครู่
โดยไม่รีรอให้ชักช้าเสียเวลา จู่ๆเม็ดทรายก็แปลงกายเป็นหินหนักก้อนใหญ่ทันใด
การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ ส่งผลให้มดละลายไฟสะดุ้งโหยง และหมุนตัววิ่งหนีจากไป
มดละลายไฟหายไปจากสายตาของหินใหญ่อย่างรวดเร็ว
หินใหญ่เฝ้ารออยู่สักครู่
แต่ก็ไม่มีสัตว์ตนใดเข้ามายั่วยุมันอีก
นี่เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่?
หินใหญ่เลือกที่จะเฝ้ารออีกสักพัก
ปัง!
จู่ๆทะเลสาบก็บังเกิดรอยปริร้าว
พร้อมกับกิ่งก้านสีเลือดเจาะทะลุขึ้นมาจากทะเลสาบ
-พฤษามารโลกา มาเยี่ยมเยือนแล้ว!
มันทิ่มแทงและกระแทกเข้ากับเกาะ
รอยแยกในทะเลสาบค่อยๆกว้างขึ้น
พร้อมกับน้ำจากภายในทะเลสาบที่เริ่มรั่วไหลลงไป
บังเกิดกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ขึ้นจากรอยแยก
เหล่ามัจฉาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างสบายอารมณ์ เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ มันก็แตกฮือไปรอบๆ ว่ายหนีราวกับแมลงวันไร้หัว
น้ำเริ่มที่จะลดฮวบๆลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ตลอดทั้งเกาะเริ่มจะเอนเอียงไปเรื่อยๆ
ทั้งทรายทั้งหินเริ่มที่จะม้วนกลิ้งไปตามแรงดึงดูดโลก
ขณะที่น้ำทะเลสาบบางส่วน ได้สาดกระเซ็นไปทั่วชั้นอากาศ
เกาะลอยฟ้าเกาะสุดท้าย … ได้ถูกทำลายลงโดยมารโลกาแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เห็นแค่เพียงกลางอากาศ เม็ดทรายและหินนับไม่ถ้วนกำลังร่วงตกลงสู่ร่างของมารโลกา
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตามที ตราบใดที่พวกมันสัมผัสกับร่างของมารโลกา ก็จะถูกกล้ามเนื้อพวกนั้นดูดกลืนไปในฉับพลัน
พอไร้ซึ่งเกาะลอยฟ้าอีกต่อ และแม้กระทั่งเกาะสุดท้ายนี้ก็ยังถูกโจมตีโดยพฤษามารโลกา การล่มสลายของโลกจึงค่อยชะลอตัวลง
หินใหญ่เฝ้ารอจนถึงช่วงเวลานี้ จึงค่อยได้ถอนหายใจโล่งอก
ดูเหมือนว่าจะไม่มีสถานการณ์ผิดปกติใดๆ
-ตั้งแต่ต้น ตนก็ได้เลือกจะหลบอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ จากนั้นก็แปลงกายเป็นกิ่งไม้
ถัดมา เธอก็ได้แปลงเป็นทรายต่อด้วยหินใหญ่ และสามารถเอาชีวิตรอดมาได้จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของการล่มสลายของโลกและกำลังจะได้รับชัยชนะในที่สุเ
ทว่าแท้จริงแล้วหินใหญ่กลับไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย ว่าอีกด้านหนึ่ง จู่ๆก็ปรากฏกวางยู่หลูที่กำลังควบสี่ขาวิ่งตรงเข้ามา
กวางยู่หลูวิ่งด้วยความเร็วเต็มกำลัง มันสับขาเร็วขึ้น และเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด!
หากมองจากมุมสูง จะเห็นแค่เพียงเส้นแสงสีน้ำตาลที่พุ่งผ่านไป
แทบจะในทันที กวางยู่หลูก็ได้มาถึงชายหาดแล้ว
ซึ่งนี่เป็นเวลาเดียวกันกับที่หินใหญ่พบถึงการปรากฏตัวของมัน
หินใหญ่ดูเหมือนจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง
-เจ้ากวางตัวนี้ เหมือนว่าจะวิ่งตรงมาที่ตนเอง มันจะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ๆ!
รวมไปถึงสัตว์ทุกตัวก่อนหน้านี้ มันก็ผิดปกติเหมือนกัน!
อย่างไรก็ตาม กวางยู่หลูนั้นรวดเร็วเกินไป ขณะที่อีกฝ่ายเห็น กวางก็ได้มาถึงตัวแล้ว!
ทว่าจู่ๆกวางก็กลับหายไปอย่างน่าฉงน
แต่ดัน ปรากฏหมียักษ์ขนดำที่อ้าปากคำรามไปทั่วฟ้า ชกเปรี้ยง! เข้าใส่หินใหญ่อย่างสุดกำลัง
ปงงงงงงงง!
หินหนักถูกหวดกระเด็นราวกับกระสุนปืนใหญ่
มันถูกชกปลิวออกจากเกาะ ก่อนที่ตัวเกาะจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์!
ต้องไม่ลืมนะว่า นี่คือเกาะลอยฟ้า เกาะเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่หลงเหลือสิ่งอื่นใดแล้วนอกจากร่างของมารโลกา!
หินใหญ่ที่กำลังร่วงหล่นเริ่มตื่นตระหนก
มันจะร่วงตกลงไปไม่ได้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้วคงมิแคล้วถูกกลืนกินโดยมารโลกา!
พริบตานั้นมันก็แปลงตนเป็นใบไม้ที่ลอยล่องไปมาระหว่างพฤษามารโลกานับไม่ถ้วน
มันได้ระงับกลิ่นอายอย่างระแวดระวัง มิกล้าเพ่งใช้แม้กระทั่งจิตสัมผัสเทวะ เพราะเกรงว่าจะเป็นการกระตุ้นมารโลกา
สักพักหนึ่ง ใบไม้ก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมที่พัดไหว
กระแสลมช่วยปรับทิศทางของใบไม้และ ยกตัวมันให้สูงขึ้น ลอยขึ้นไปสู่ฟากฟ้าเบื้องบน
ในที่สุด ใบไม้ก็ลอยขึ้นมาอยู่เหนือสายลม
มันหมุนวน ส่ายไปมาบนผืนฟ้า โดยที่เจ้าตัวมิคิดจะใช้ออกด้วยพลังวิญญาณเลย
เธอเป็นใบไม้ และใบไม้ก็เป็นเธอ
ในที่สุด ก็พอจะพักหายใจอย่างปลอดภัยได้ชั่วคราว
ใบไม้ลอบถอนหายใจอย่างลับๆ
แท้จริงแล้ว กลับกลายเป็นว่าคู่แข่งสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้นี่เอง!
ฉะนั้นแล้ว ด้วยความสามารถอันแสนวิเศษนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อีกฝ่ายยังไม่ตกตายลงเสียที
ใบไม้อดไม่ได้ที่บังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นภายในจิตใจ
ตอนนี้ หากรู้แล้วว่าไพ่ของคู่ต่อสู้คือสิ่งใด นับจากนี้ไปก็เป็นทีของตนที่จะได้ใช้กลยุทธ์บ้างล่ะ!
ทว่าขณะขบคิด จู่ๆในวิสัยทัศน์ของใบไม้ก็กลับมืดลง
มองออกไปยังผืนฟ้าเบื้องหน้า เห็นแค่เพียงอินทรีย์ที่กำลังสยายปีก โฉบลงมายังตนอย่างรวดเร็ว
มันกางกรงเล็บแหลมออก และง้างหมับ! เข้าใส่ใบไม้
กรงเล็บอินทรีย์อันแหลมคมหุบลง
พร้อมกับใบไม้ที่แยกออกเป็นสองกลีบ ลอยแยกจากกันไปตามสายลมที่พัดพามันไป
ผลแพ้ชนะ … ได้ถูกตัดสินแล้ว!!