เวลากลางคืน!
โคมไฟถูกแขวน พระจันทร์ลอยเด่น ดวงดาวเปล่งประกาย สายลมเย็นพัดเอื่อย
กลางคืนในฤดูร้อน ดุจใบหน้างดงามของสาวน้อยที่ละมุนละไม!
เมื่อรับสายลมยามเย็นที่พัดโชยมา เล่อเหยาเหยาหลังจากสงบสติอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของตนลง ก้าวเดินตามทางหินเล็กๆ ไปยังทิศทางของศาลาพักร้อนนั้น
แม้เวลานี้เล่อเหยาเหยาจะยังอารมณ์ไม่ดี แต่เธอไม่อยากให้อารมณ์กระวนกระวายของตนปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ท่าทางนั้น ทำให้เธอคิดว่าตนดูราวกับเป็นตัวตลก
เมื่อพญายมไม่มีใจให้กับเธอ เช่นนั้นเธอก็จะนำความชอบที่มีต่อเขากลับคืนมา
อีกทั้งเธอชอบเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถูกต้อง เพียงเล็กน้อย!
ดังนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ชื่นชอบพญายมอีกต่อไป วันหน้าเขาคือเจ้านาย เธอคือบ่าวไพร่ ต่อไปต่างคนต่างอยู่!
ขณะคิดอย่างแน่วแน่ในใจ เล่อเหยาเหยาเดินมุ่งตรงไปที่ศาลาพักร้อน
เห็นเพียงเวลานี้ ทั่วทั้งตำหนักหย่าเฟิงไม่มีผู้อื่นเลย
เหลือเพียงโคมไฟที่ถูกแขวนสูง ห่างกันทุกช่วงระยะห้าก้าว แสงเหลืองนวลของโคมไฟนั้น ทำให้ทิวทัศน์รอบด้านชัดเจนขึ้นเจ็ดแปดส่วน
ขณะที่เล่อเหยาเหยาเดินไปถึงศาลาพักร้อน พลันมีลมรุนแรงพัดผ่านมา โคมไฟที่แขวนอยู่รอบด้าน พลันดับสนิททั้งหมด!
เล่อเหยาเหยาถูกสายลมพัดจนลืมตาไม่ขึ้น จนกระทั่งสายลมนั้นหยุดลง เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนรู้สึกเพียงรอบด้านมืดมิด!
ไม่มีความสว่างของโคมไฟ รอบด้านเต็มไปด้วยความมืด เหลือเพียงแสงขาวนวลที่แผ่จากดวงจันทร์บนท้องฟ้า ดุจแพรไหมดุจหมอกควัน สาดส่องทั่วพื้นดินอย่างอ่อนโยน ทำให้ทั่วพื้นดินปกคลุมไปด้วยหมอกสลัวเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
ศาลาพักร้อนนั้นตั้งอยู่บนแม่น้ำ รอบด้านโอบรอบด้วยน้ำ เวลานี้เล่อเหยาเหยายืนอยู่ข้างสะพานโค้ง เพียงข้ามผ่านสะพานโค้งนี้ไป ด้านหน้าจะเป็นศาลาหยกขาว
แม้รอบด้านจะไม่มีโคมไฟ แต่มีแสงจากดวงจันทร์ เล่อเหยาเหยาจึงสามารถเดินเข้าไปในศาลาพักร้อนได้
คิดดูแล้ว เวลานี้ภายในศาลาพักร้อน พญายมยังรอคอยเธออยู่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาไม่อยากคิดว่าเหตุใดโคมไฟเหล่านั้นจึงพลันดับสนิทอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้ เพียงเดินเข้าไปในศาลาพักร้อนอย่างช้าๆ
เดิมคิดว่าพญายมจะอยู่ภายในศาลาพักร้อน ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเล่อเหยาเหยาเดินมาถึงภายในศาลาพักร้อน กลับไม่มีผู้ใดแม้แต่คนเดียว ทำให้เล่อเหยาเหยางงงงันเป็นที่สุด
“เอ๊ะ คนล่ะ! เหตุใดไม่มีผู้ใดเลย”
เห็นศาลาพักร้อนว่างเปล่าไร้ผู้คน ใบหน้าเล่อเหยาเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย
ดวงตาคู่งามกวาดมองอยู่ครู่หนึ่ง เห็นรอบด้านไร้ผู้คน ไร้โคมไฟ แม้จะเป็นฤดูร้อน อากาศร้อนอบอ้าว แต่เวลาที่ไร้เงาของผู้คนเช่นนี้ และลมแรงที่แปลกประหลาดนั้น กลับทำให้เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกขนลุกขึ้นในใจ
บรรยากาศดูราวกับในละครสยองขวัญที่เคยดูเมื่อก่อนหลายส่วน
ประจวบกับเวลานี้ พลันมีสายลมที่หนาวเหน็บพัดโชยมา เล่อเหยาเหยาจึงอดสั่นเทิ้มไม่ได้ ก่อนขนทั่วร่างกายจะพลันลุกชัน
สองมือกอดอกอย่างขนลุก เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจ ก่อนคิดจะจากไป
ผู้ใดจะรู้ เวลานี้หูกลับพลันได้ยินเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น เสียงนั้นดังกังวานกึกก้อง ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนัก คิดว่าแผ่นดินไหว!
เท้าสั่นไหวจนแทบหกล้มลง! โชคดีเธอคว้าราวสะพานเอาไว้ได้ จึงรอดพ้นจากการหกล้มที่น่าอนาถนั้น
เมื่อเล่อเหยาเหยายืนได้อย่างมั่นคง ใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่งยังไม่ทันได้สงบลง พลันถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึงอย่างสุดขีด!
เห็นเพียงในคืนที่มืดมิดนั้น มีดอกไม้ไฟที่เหมือนมังกรไฟ พุ่งขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าลูกแล้วลูกเล่า ก่อนเกิดเสียง ‘ปัง’ ขึ้นมา ดอกไม้ไฟหลากหลายสีสันนั้น พลันเบ่งบานอยู่กลางท้องฟ้าที่มืดมิด!
ดอกไม้ไฟที่สวยงามนั้น ประกอบไปด้วยสีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน สีม่วง สีเขียวแสนงดงาม
เบ่งบานงดงาม หายลับกลางท้องฟ้า
ดอกไม้ไฟกลางท้องฟ้า แจ่มจรัสเป็นประกาย!
เมื่อเห็นดอกไม้ไฟเบ่งบานเต็มท้องฟ้า เล่อเหยาเหยาแข็งทื่อทั่วร่าง
ใบหน้าเล็กนั้น อ้าปากค้าง ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง แววตาตกตะลึงมีความสุขมากมายจนสุดบรรยาย
“สวรรค์ งดงามนัก!”
ในคืนที่มืดมิดนี้ ดวงดาวเป็นประกายบนท้องฟ้า ผิวน้ำแวววาว รวมทั้งดอกไม้ไฟที่งดงามเบ่งบานนี้ เสริมให้ค่ำคืนนี้ชวนหลงใหลยิ่งขึ้น!
ขณะเล่อที่เหยาเหยาถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึงสุดขีด เธอรู้สึกว่าด้านหลังมีกลิ่นอายบางอย่างเข้ามา เธอยังไม่ได้สติ ร่างกายบอบบางของเธอก็ตกอยู่ภายในหน้าอกที่สูงใหญ่แข็งแกร่ง
“ชอบหรือไม่”
ความอบอุ่นด้านหลัง และเสียงแหบพร่ามีเสน่ห์ ดังขึ้นที่ข้างหูของเล่อเหยาเหยา
น้ำเสียงคุ้นหูเช่นนี้ แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่หันไปมอง ก็รู้ว่าคนที่มาคือผู้ใด!
เป็นเขา พญายม!
หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาที่ลุ่มหลงตกตะลึงอยู่กับดอกไม้ไฟ พลันได้สติ ทันใดนั้นภายในสมองพลันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา
ความโมโห ดุจน้ำไหลทะลักออกมาจากใจเธอ
เมื่อนึกถึงชายหนุ่มผู้นี้ เอ่ยปากว่าชอบตน ต้องการตน ผ่านไปไม่กี่วัน เขากลับโอบกอดกับหญิงอื่น!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาโมโหเดือดดาล กระทั่งใบหน้าเล็กนั้น พลันปกคลุมไปด้วยความโกรธ
จึงพลันดิ้นรนออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ท่านอ๋อง โปรดสำรวมด้วย”
เล่อเหยาเหยาเอ่ยเตือน ก่อนดิ้นรนแรงขึ้น
แต่ขณะที่เธอกำลังพยายามอย่างสุดกำลัง กลับไร้หนทางหลุดพ้น
เพราะชายหญิงมีข้อแตกต่างในด้านพลังตามธรรมชาติ ไม่ยุติธรรมเช่นนี้
สุดท้ายเล่อเหยาเหยาที่ดิ้นรนก็หอบหายใจดุจวัว ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ไหวติง
เห็นคนในอ้อมกอดดิ้นรนอย่างไม่พอใจเช่นนี้ รู้ว่าเล่อเหยาเหยากำลังโมโห เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงไม่โกรธเคือง เพียงถอนหายใจ ก่อนเอ่ยปากว่า
“เจ้ายังโมโหข้าเรื่องเมื่อกลางวันอยู่หรือ”
“ฮึ!”
ตอบกลับชายหนุ่มไปเพียงเสียงฮึที่เย็นชาอย่างหนัก!
เขามิใช่รู้อยู่แก่ใจหรือ เหตุใดต้องเอ่ยถาม!
เดิมคิดว่าเขาบาดเจ็บ ตอนนั้นเธอจึงตกใจจนแทบหัวใจเต้นหลุดออกมา รู้เพียงฟ้าจะถล่มลงมา ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเธอไปที่นั่น กลับเห็นเขากำลังโอบกอดหญิงอื่น
เวลานั้น เธอคิดว่าตนคล้ายเป็นตัวตลกที่น่าขัน และน่ารังเกียจ!
เสียแรงที่ตอนนั้นเธอกังวลหวาดกลัวสุดขีด ผู้ใดจะรู้…
ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยายิ่งโมโหในใจ
ในใจก็รู้สึกน้อยใจอย่างที่สุด และเมื่อเห็นแขนชายหนุ่มโอบอยู่ที่เอวเล็กของตน รัดเธอไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เธอดิ้นรนไม่ได้ เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นปากเล็กก็อ้ากว้างขึ้น ก่อนก้มลงกัดไปบนแขนที่โอบกอดตนไว้
การกัดนี้ของเล่อเหยาเหยา เป็นการใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกัดลงไปอย่างไม่เกรงใจ
ขณะนั้น เธอคิดเพียงเพื่อระบายความไม่พอใจและโมโหในใจของตนออกมา จึงย่อมไม่เกรงใจ
เดิมคิดว่าถูกเธอกัดเช่นนั้น ชายหนุ่มต้องปล่อยมือแน่นอน
แต่ชายหนุ่มไม่รู้จักเนื้อหนัง หรือไม่รู้จักเจ็บปวดกันแน่ เล่อเหยาเหยากัดจนรู้สึกเพียงมีกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นในปาก ทว่าชายหนุ่มยังคงไม่ไหวติง
สุดท้าย ในที่สุดเธอก็ระบายอารมณ์ออกมาจนหมด ปากก็ปวดแสบ
และรู้สึกตัวว่าตนทำสิ่งใดลงไป
สวรรค์!
เธอบ้าไปแล้วหรือ!
เธอไม่ได้ลงมือกับผู้ใด ชายหนุ่มผู้นี้ คือพญายมที่สังหารคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น!
แม้ตนจะรู้จักสนิทสนมกับเขามานานเช่นนั้น และเขาไม่ได้ทำสิ่งใดกับเธอ
แต่ครั้งแรกที่พบกับเขา เขาสังหารคนโดยไม่กระพริบตา ตอนนี้เธอยังจำได้อย่างแจ่มชัด
เวลานี้เธอกัดเขา ไม่รู้เขาจะโมโหหรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจ แต่เธอดื้อรั้น บนใบหน้าจึงไม่เผยความหวาดกลัวออกมา
ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดว่าชายหนุ่มอาจจะโมโห กลับได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยคำพูดของชายหนุ่ม
“ยังจะกัดอีกหรือไม่ หากยังไม่พอ นำแขนข้างนี้ของเปิ่นหวางไปกัดด้วยเถิด จะได้เข้าคู่กันพอดี”
“เอ่อ”
เขาหมายถึงสิ่งใด จะกลายเป็นคู่กันได้อย่างไร!
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาพลันหมดคำพูด เพียงทำสีหน้าเบื่อหน่าย ทว่ากลับไม่พูดจา
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น รู้ว่าเล่อเหยาเหยายังคงโมโห รู้ว่าเขายังอธิบายไม่ชัดเจน เด็กน้อยผู้นี้จึงยังโมโหอยู่ตลอดเวลา
แม้รู้ว่า ‘เขา’ กำลังหึงหวง จนเขาดีใจในใจ แต่ ‘เขา’ โมโหมากเกินไป ทำให้เขาปวดใจเช่นกัน
หลังคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ขบคิด ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“วันนี้ หลังจากเปิ่นหวางออกมาจากวังหลวง เห็นม้าตัวหนึ่งกำลังคุ้มคลั่งวิ่งพล่านไปมาบนถนนเข้าพอดี พุ่งชนผู้คนบาดเจ็บไม่น้อย ตอนนั้นเหนียนซูหลานเกือบถูกม้าเหยียบจนตาย เปิ่นหวางจึงลงมือช่วยเหลือเธอ หลังจากนั้นข้อเท้าเธอได้รับบาดเจ็บ เปิ่นหวางเห็นเธอเจ็บหนักไม่เบา และตกใจจนเสียสติ จึงพาเธอไปส่งที่โรงหมอ หลังท่านหมอดูอาการแล้ว รู้ว่าเธอไม่เป็นสิ่งใด จึงคิดจากไป คิดไม่ถึง จู่ๆ เธอกลับโผเข้ามา เรื่องหลังจากนั้น เจ้าเองก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันออกมาอย่างละเอียด
สวรรค์รู้ว่าเขาเติบโตมาจนอายุมากขนาดนี้ ยังไม่เคยอธิบายอย่างละเอียดเช่นนี้กับผู้ใด
แต่สำหรับคนตัวเล็กตรงหน้านี้ กลับแตกต่างออกไป
เพราะเขาไม่อยากให้ ‘เขา’ เข้าใจผิด
เป็นการยากที่ความรู้สึกของพวกเขา จะค่อยๆ เริ่มพัฒนาขึ้น เขาจึงไม่อยากทำลายความรู้สึกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างไม่ง่ายดายนี้ลง เพียงเพราะเรื่องไร้สาระเหล่านี้
ตรงข้ามกับความคิดในใจของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาหลังได้ยินคำอธิบายที่น่าเชื่อถือของชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กตะลึงงันชั่วขณะ
ความจริง เรื่องเมื่อกลางวันเป็นเช่นนี้เอง
ที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิดมาตลอด
พอนึกถึงตรงนี้ หินที่กดทับอยู่ในใจของเล่อเหยาเหยาถูกยกลงในที่สุด ทันใดนั้น ร่างกายดูผ่อนคลายลงไม่น้อย
อีกทั้งคิดไปแล้ว ชายหนุ่มอธิบายกับเธออย่างละเอียดเช่นนี้ รู้ว่าเขาคงกลัวตนเข้าใจเขาผิด
พอนึกถึงว่าเขาใส่ใจความคิดของตนเช่นนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาหวานชื่นขึ้นมา
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเข้าใจผิดเขา เมื่อครู่ยังกัดเขาอย่างไม่เกรงใจ และกัดจนเลือดไหลออกมา เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจในใจ และอดมีสีหน้าสำนึกผิดไม่ได้
เพราะเรื่องนี้น่าอับอายขายหน้าเสียจริง!
เธอรู้ว่าตนควรขอโทษ แต่เธอจะขอโทษเช่นไรดี!
พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาจึงขมวดมุ่นเพราะสับสน
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้น คล้ายล่วงรู้ความในใจของเธอ จึงอดยิ้มมุมปากไม่ได้