บทที่ 56.2 การประลองระหว่างอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์! (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงมุ่งความสนใจไปที่การวาดแบบร่างม้วนคัมภีร์อย่างเต็มที่ ผู้ชมรอบข้างจึงค่อยๆ เชื่อถือสถานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ของเขา เดิมทีไม่มีผู้ชมคนไหนเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้ แต่ตอนนี้พวกเขาก็ค่อนข้างหวั่นๆ แล้ว ถึงอย่างไรโจวเหว่ยชิงก็ดูอ่อนวัยเกินไปสำหรับการเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ศักยภาพในอนาคตของเขาย่อมเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแน่นอน

ในแง่ของการวาดแบบร่างม้วนคัมภีร์ ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูง หยุนลี่จึงสามารถวาดแบบร่างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางออกมาได้อย่างรวดเร็ว สำหรับโจวเหว่ยชิง เขาตั้งใจชะลอความเร็วลงและวาดแบบร่างให้เสร็จหลังหยุนลี่ไม่กี่นาที

เมื่อทั้งสองแลกเปลี่ยนแบบร่างของกันและกันและตรวจสอบดูอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของคนทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป แบบร่างของโจวเหว่ยชิงนั้นค่อนข้างซับซ้อน แต่การออกแบบของหยุนลี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน มันก็คือโล่ป้องกันขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง โจวเหว่ยชิงมองออกได้ทันทีว่ามันเป็นโล่ที่เหมาะสำหรับจ้าวมณีสวรรค์ทักษะธาตุดินและต้องเป็นจ้าวมณีสวรรค์เท่านั้น สิ่งนี้จัดได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ห่างจากการเป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงเพียงเส้นบางๆ คั่นเท่านั้น หยุนลี่คนนี้อาจดูหยิ่งผยองและหุนหันพลันแล่น แต่ในความเป็นจริงเขามีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรเสียการเดิมพันในครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับอิสรภาพของเขาเอง

หยุนลี่เงยหน้ามองโจวเหว่ยชิง ส่วนโจวเหว่ยชิงก็ทำแบบเดียวกัน ขณะที่พวกเขามองหน้ากันและกัน หยุนลี่ก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม “มาเริ่มกันเลย”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ได้”

หลังจากตกลงกันอย่างง่ายๆ ทั้งสองก็หันหลังพร้อมกัน แต่ละคนบอกเจ้าของร้านตัวเองถึงส่วนผสมที่ต้องการ

“ขนนกดาบแดง 3 ชิ้น หินยอดเขาฟ้า 1 ก้อน หยกอำพัน 1 ก้อน เพชร 1 กรัม แก่นพลังของกิ้งก่าหุ้มเกราะมหาพสุธา 1 ดวง…” โจวเหว่ยชิงระบุรายการต่างๆที่เขาต้องการอย่างรวดเร็ว “…พวกมันต้องบดรวมกันเป็นผงและเตรียมเลือดของกิ้งก่าหุ้มเกราะมหาพสุธาให้อีก 1 ถ้วย”

ฉินเฟิงจดบันทึกวัตถุดิบที่จำเป็นอย่างรวดเร็วและมุ่งหน้ากลับไปที่ร้านเพื่อเตรียมของ  อย่างไรเสียสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงวัตถุดิบสำหรับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง ที่นี่คือหัวใจหลักของศูนย์การค้า พวกเขาจึงมีวัตถุดิบสำรองเอาไว้มากมาย

ในอีกด้านหนึ่ง หยุนลี่ก็บอกโจวฉางซีถึงวัตถุดิบที่เขาต้องการ ในขณะที่โจวชางซีและฉินเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับการ เตรียมของ โจวเหว่ยชิงและหยุนลี่ก็หันมามองหน้ากันอีกครั้ง

หยุนลี่กล่าวอย่างใจเย็น “ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป ดูจากการออกแบบเพียงอย่างเดียว ข้าก็ต้องขอยอมรับว่าเจ้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางอย่างแท้จริง”

โจวเหว่ยชิงหัวเราะและเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านอยากทราบหรือไม่ว่าข้าอายุเท่าไหร่? ถึงบอกไปก็ไม่เสียหายอะไร…ข้ายังอายุไม่ถึง 17 ปีด้วยซ้ำ ท่านเคยเห็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางที่มีอายุ 16 ปีหรือไม่? ถ้ายังไม่เคย ท่านจะตัดสินได้อย่างไรว่าในอนาคตข้าจะกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าไม่ได้” โดยธรรมชาติแล้วโจวเหว่ยชิงย่อมไม่พลาดโอกาสโจมตีความมั่นใจของฝ่ายตรงข้าม

สีหน้าของหยุนลี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดอะไร เราจะรู้ก็ต่อเมื่อการประลองสิ้นสุดลงเท่านั้น”

โจวเหว่ยชิงเหยียดยิ้มด้วยใบหน้าแฝงแววเจ้าเล่ห์

หลังจากรอไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็เตรียมส่วนผสมสำหรับหมึกศาสตรามณียุทธ์สำเร็จ ทว่าการผสมหมึกขั้นตอนสุดท้ายจะต้องทำโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์เท่านั้น นี่เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ ไม่เพียงแต่ต้องใส่พลังปราณสวรรค์ทักษะธาตุมิติเข้าในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ยังต้องใส่ลงไปในจำนวนที่พอดีอีกด้วย

ในส่วนนี้โจวเหว่ยชิงย่อมไม่สามารถสู้หยุนลี่ได้ เพราะอย่างไรเขาก็มีประสบการณ์มากกว่าโจวเหว่ยชิงถึง 10 ปี

ด้วยเหตุนี้ เมื่อหยุนลี่ผสมหมึกเสร็จสิ้นและเริ่มสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นแรก โจวเหว่ยชิงก็ยังคงผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ของเขาอย่างระมัดระวังอยู่ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์และฉินเฟิงขมวดคิ้วด้วยความกังวล สำหรับผู้ชมโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดยังคงนิ่งเงียบ เพราะรู้ว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ควรส่งเสียงรบกวนอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ขณะกำลังทำงานอย่างตั้งใจ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่านี่เป็นมารยาททั่วไป เพียงแค่อันตรายจากการล่วงละเมิดอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่มีความสามารถก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถกระทำได้แล้ว

ในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ 1 กล่องนั้น โดยธรรมชาติแล้วแผ่นแรกย่อมยากที่สุด เมื่อเห็นว่าเขาผสมหมึกเสร็จก่อนโจวเหว่ยชิง หยุนลี่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก เขาไม่ได้เร่งรีบทำงานและใช้เวลาไปกับการวาดม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แผ่นแรกอย่างระมัดระวัง เขาให้ความสำคัญกับความมั่นคงของฝีแปรงเป็นลำดับแรก อย่างน้อยก็สำหรับแผ่นแรก เพราะหากเขาชินแล้ว เขาก็สามารถเพิ่มความเร็วขึ้นได้

ตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้ การจะสร้างศาสตรามณียุทธ์ 1 กล่องให้เสร็จสมบูรณ์นั้นต้องใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง นี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดที่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงอย่างเขาสามารถทำได้แล้ว ในการใช้พลังปรานและความพยายามทั้งหมดด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ หลังจากนี้เขาจะต้องพักผ่อนอย่างน้อยครึ่งเดือนเพื่อให้สามารถฟื้นคืนพลังสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง

ท้ายที่สุดแล้วการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ก็สร้างความเสียหายให้จิตวิญญาณอย่างหนัก ไม่เช่นนั้น ฮูเหยียนเอ้าป๋อคงไม่สร้างม้วนคัมภีร์เพียงแค่ 2-3 ชุดต่อปี

ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับเป็นข้อยกเว้นเพียงประการเดียวสำหรับเรื่องนี้ สำหรับเขา ตราบใดที่เขาสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำเร็จหนึ่งครั้ง ตั้งแต่วินาทีต่อจากนั้นเป็นต้นไป เขาก็สามารถทำซ้ำทุกขั้นตอนได้ราวกับจับวาง ด้วยทักษะการควบคุมที่ดีของทักษะธาตุกาลเวลา เขาไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างเต็มที่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสร้างพวกมันออกมาได้ด้วยความเร็วสูงเช่นนี้ เว้นแต่บุคคลอื่นจะมีทักษะธาตุที่ยอดเยี่ยม 2 ชนิดคือทักษะธาตุกาลเวลาและทักษะธาตุมิติเหมือนเขา อีกฝ่ายจึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ถึงกระนั้น ทักษะธาตุกาลเวลาก็เป็นหนึ่งในทักษะธาตุที่หาได้ยากที่สุด ดังนั้นหยุนลี่จะคาดเดาได้อย่างไรว่าเขาครอบครองทักษะนี้อยู่

ไม่นานเวลา 1 ชั่วโมงก็ผ่านไป ตอนนี้หยุนลี่ใช้เวลาวาดคัมภีร์ม้วนแรกมานานขณะหนึ่งแล้ว ส่วนโจวเหว่ยชิงก็เพิ่งจะผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ได้สำเร็จ

เช่นเดียวกับที่หยุนลี่ให้ความสำคัญกับความเสมอต้นเสมอปลายของน้ำหนักฝีแปรง  โจวเหว่ยชิงเองก็เช่นเดียว กัน แต่ว่าเขามุ่งเน้นไปที่การผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์แทน เพราะตราบใดที่หมึกศาสตรามณียุทธ์ของเขาไม่มีข้อผิดพลาด ขั้นตอนต่อมาก็อาจพูดได้ว่าใครจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ได้เร็วกว่าเขาอีก?

นอกจากฉินเฟิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กำลังพะว้าพะวงเพราะเป็นห่วงโจวเหว่ยชิง โจวฉางซีที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับเต็มไปด้วยความยินดี สมาชิกผู้ชมคนอื่นๆ ต่างชมดูอย่างมีความสุข ดีใจที่ได้เปิดโลกทัศน์ของพวกเขาให้กว้างขึ้น ท้ายที่สุดการได้ดูอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทำงานเช่นนี้ก็นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก นับประสาอะไรกับอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ตั้ง 2 คน! ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเต็มใจจะจากไป เมื่อมีผู้คนมุงดูเป็นจำนวนมากขึ้น ฝูงชนจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้ามาในไม่ช้า

ในขณะที่ม้วนคัมภีร์แผ่นแรกของหยุนลี่ผ่านไปได้มากกว่าครึ่งทาง ด้านโจวเหว่ยชิงกลับกำลังเริ่มสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นแรกของเขา ต้องบอกว่าหยุนลี่มีความสามารถในการม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์อย่างมาก ดูแล้วไม่มีสัญญาณว่าจะทำผิดพลาดเลยด้วยซ้ำแม้ว่าเขาจะลงมือทำเป็นครั้งแรกก็ตาม น้ำหนักมือของเขาหนักแน่นมั่นคง สงบเยือกเย็นและไม่โอนเอน ดูเหมือนว่าใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็สามารถวาดม้วนคัมภีร์แผ่นแรกสำเร็จแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้กับเมืองหลวงเฟยหลี่อย่างแท้จริง

โจวเหว่ยชิงไม่มีเวลาหันไปมองคู่ต่อสู้เพราะการสร้างม้วนม้วนคัมภีร์แผ่นแรกก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเขามากเช่นกัน เขาสูดหายใจเข้าลึก หลุมดำพลังปราณทั้ง 12 แห่ง ณ จุดตายที่เปิดอยู่ของเขาต่างก็กำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูงสุด

ดึงกลืนพลังปรานจากชั้นบรรยากาศเข้ามาอย่างรุนแรงขณะที่วงล้อทักษะธาตุของเขาเคลื่อนไปยังพื้นที่สีเงิน แสงสีเงินสลัวโพยพุ่งออกมาล้อมรอบส่วนปลายพู่กันของเขาเอาไว้ โจวเหว่ยชิงจุ่มพู่กันลงในหมึกศาสตรามณียุทธ์ของเขาเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มวาดม้วนคัมภีร์แผ่นแรก

ขณะสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นแรก แม้จะมีทักษะธาตุลมและทักษะธาตุกาลเวลาคอยช่วยเหลือ แต่โจวเหว่ยชิงก็ไม่ได้วาดเร็วไปกว่าหยุนลี่ นี่คือความแตกต่างของประสบการณ์ระหว่างอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางและระดับสูง

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…

แสงสีทองเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ ไม่นานหยุนลี่ก็พรั่งพรูลมหายใจออกมา ในที่สุดม้วนคัมภีร์แผ่นแรกของเขาก็เสร็จสมบูรณ์

เนื่องจากแรงกดดันในการเดิมพัน หยุนลี่จึงรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้สมาธิอย่างหนักและยังสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ออกมาได้รวดเร็วมากขนาดนี้ เขาตระหนักได้ว่าตนเองพัฒนาขึ้นมากและรำพึงกับตัวเองในใจว่าเขาเข้าใกล้สถานะปรมาจารย์อีกก้าวแล้ว สงสัยว่าอาจจะทำได้ก่อนอายุ 35 ด้วยซ้ำ หากสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ ล่ะก็ เขาอาจมีโอกาสเพิ่มระดับขึ้นไปถึงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะก่อนอายุ 50 ปี ซึ่งนั่นจะทำให้เขามีโอกาสไปถึงระดับเทพเจ้าได้อีกด้วย!

หยุนลี่เหลือบมองโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว จากประสบการณ์อันโชกโชนของเขาซึ่งเห็นได้ชัดจากแบบร่างที่เขาส่งให้โจวเหว่ยชิงดู เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นแรกเสร็จไปเพียง 1 ใน 3 ส่วน

นั่นเติมเต็มความมั่นใจให้กับหยุนลี่ เขาแน่ใจว่าตนจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แม้จะเบิกบานใจ แต่เขาก็ไม่ได้หยุดพัก หยุนลี่เริ่มสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นที่ 2 ทันที และเมื่อเขาทำเช่นนั้น ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฝีพู่กันของเขากวาดไปทั่วม้วนคัมภีร์อย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเป็นแสงสีเงินกระพริบวูบวาบไปมา ภายในไม่กี่นาที ม้วนคัมภีร์แผ่นที่ 2 ของเขาก็เสร็จสมบูรณ์

ในการสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์ เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ตามปกติแล้วเขาย่อมทำได้เร็วขึ้น เวลาผ่านไปอีก   1 ชั่วโมง ขณะที่โจวเหว่ยชิงเพิ่งสร้างม้วนแรกสำเร็จ หยุนลี่ก็ทำเสร็จไป 16 แผ่นแล้ว

ในขณะนี้ทุกคนแม้แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์และฉินเฟิงก็แน่ใจแล้วว่าโจวเหว่ยชิงต้องพ่ายแพ้แน่นอน เพราะถึงอย่างไรซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ไม่เคยเห็นเขาสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วยตาตัวเองมาก่อน

โจวเหว่ยชิงเงยหน้าขึ้น พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อมองไปที่หยุนลี่ เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจและคิดกับตัวเองว่า ชายคนนี้มีดีอะไรบางอย่างจริงๆ เขาสามารถสร้างม้วนคัมภีร์เกือบ 20 แผ่นได้ในเวลาอันสั้น! เมื่อหันศีรษะไป เขาก็เห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่มีสีหน้าสิ้นหวังเป็นกังวล เขายิ้มให้เธออย่างลับๆ ก่อนจะหันไปสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นที่ 2

ภายใต้แขนเสื้อของเขา มณีธาตุทั้ง 3 ดวงก็สว่างวาบขึ้น แน่นอนว่าด้วยพลังของแหวนปกปิดตัวตน การเรืองแสงของพวกมันจึงเปลี่ยนไปเป็นแสงของไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวทอง

ในดวงตาของโจวเหว่ยชิง วงล้อทักษะธาตุกำลังหมุนไปซ้อนทับกันอยู่ 3 ส่วนในพื้นที่สีเขียว สีเงินและไม่มีสีตามลำดับ ในบรรดาทักษะธาตุทั้ง 6 ชนิดของเขา ทักษะธาตุลม ทักษะธาตุมิติ และทักษะธาตุกาลเวลากำลังถูกเปิดใช้งาน แน่นอนว่าสิ่งนี้ย่อมเผาผลาญพลังปรานสวรรค์ไปจำนวนมาก แต่ด้วยวิชาเทพอมตะที่ช่วยฟื้นฟูด้วยความเร็วสูงสุด เขาย่อมไม่มีปัญหาในการพยุงพลังตัวเองไปอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า เขาจุ่มพู่กันลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อเติมเต็มพื้นที่ในกระดาษด้วยหมึกศาสตรามณียุทธ์ กระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นแรกทั้งหมดแวบเข้ามาในความคิดของเขา ในเวลาต่อมาร่างกายทุกส่วนของเขาก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเครื่องจักรที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

มือขวาของเขาเคลื่อนไหวราวกับพายุ ภายใต้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นโดยทักษะธาตุลมและการควบคุมของทักษะธาตุกาลเวลา พู่กันของเขาราวกับมีชีวิตขึ้นมา พวกมันเคลื่อนไหวไปมาราวกับสายฟ้าฟาด เพียง 10 ลมหายใจเข้าออก แสงสีทองก็สว่างวาบขึ้น และม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์แผ่นที่ 2 ของเขาก็เสร็จสมบูรณ์ด้วยเหตุนี้

…………………………………