ตอนที่ 131 จูบให้รู้ว่ารัก

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

“หืม “ฮ่อหยุนเฉิงใช้แขนสองข้างกอดเธอไว้แน่น แววตาที่คาดเดาไม่ออกมองใบหน้าสวยของเธอ มองอย่างตื่นเต้นและคาดหวัง
“ฮ่อหยุนเฉิง คำตอบของฉันก็คือ ฉันตกลง”ซูฉิงขยับเข้าไปใกล้หูของฮ่อหยุนเฉิงแล้วก็กระซิบ”ชีวิตที่เหลืออยู่ ฉันยอมที่จะใช้ชีวิตกับนาย”
จากนั้นหยุดพูดแล้วเงยหน้าขึ้น มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน ริมฝีปากแดงราวกับลูกเชอร์รี่ พูดเสริมว่า”ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”
“ซูฉิง ฉันรอคำตอบนี้มานานมากแล้ว “แววตาของฮ่อหยุนเฉิงตื่นเต้นดีใจ แล้วก็อ้าริมฝีปากบางขึ้น แล้วก็โน้มลงไปจูบผู้หญิงที่เขากอดแน่น
ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็กลับมาอีกครั้ง ฮ่อหยุนเฉิงสูดลมหายใจเข้า
“ฉิงฉิง ฉิงฉิง ………”อ้อมแขนที่เต็มไปด้วยพละกำลังกอดเอวคอดของซูฉิงแน่น ฮ่อหยุนเฉิงก็พึมพำเรียกชื่อเธอไม่หยุด พร้อมทั้งเพิ่มแรงจูบอย่างอบอุ่น
ทั้งสองกอดจูบกันแน่นจนไม่มีพื้นที่ว่าง ความสัมผัสเหมือนไฟฟ้าช็อต เกิดขึ้นลามไปทั่วร่างกายของซูฉิง
เธอไม่เคยเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้เธอประทับใจอย่างนี้มาก่อน
เธอผ่านเหตการณ์ต่างๆมามากมาย ในที่สุดซูฉิงก็รู้ใจตัวเองเสียที เธอยิ้มที่จะจับมือใช้ชีวิตไปกับผู้ชายที่เก่งเพอร์เฟคคนนี้
ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
แม้ในใจของฮ่อหยุนเฉิงจะยังมีถังถังอยู่
แล้วยังไง
ในเมื่อซูฉิงรู้ใจตัวเองแล้ว ว่าเธอจะไม่ยอมให้ใครก็ตาม มามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอกับฮ่อหยุนเฉิง รวมถึงถังถังด้วย
เธอจะทำให้ฮ่อหยุนเฉิงมีแต่เธอคนเดียว
แม้ถังถังจะกลับมา ก็เหมือนกัน เธอไม่จะไม่ยอมแพ้แน่!
ทั้งสองที่เข้าสู่ห้วงอารมณ์สูงสุด กอดจูบกันโดนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ซูฉิงลืมความตื่นตระหนกตกใจกลัว ลืมไปแล้วว่าเธอกับฮ่อหยุนเฉิงยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง
เธอสูดลมหายใจเข้าแล้ว แล้วก็ไล่ความคิดด้านลบออกไปจากความรู้สึกนึกคิด เวลานี้ก็เหลือแต่ความรู้สึกโรแมนติกสวยงาม
ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ฮ่อหยุนเฉิงถึงได้ถอนจูบที่เร่าร้อนที่ทำให้ความควบอารมณ์ไม่อยู่
“ซูฉิง ฉันดีใจมากเลย “หน้าผากของฮ่อหยุนเฉิงชุดกับหน้าผากของซูฉิง ริมฝีปากบางยกยิ้มกว้าง
รอมาตั้งนานหลายวัน ในที่สุดฮ่อหยุนเฉิงก็รอมาถึงวันที่ได้รับคำตอบที่ใจต้องการแล้ว
ในที่สุดซูฉิงก็สามารถรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอแล้ว
ท่าทางใกล้ชิดกันอย่างนี้ทำให้หูของซูฉิงร้อนผ่าวขึ้นมา ตัวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของฮ่อหยุนเฉิง
ที่จริงแล้ว เธอควรจะบอกฮ่อหยุนเฉิงตั้งแต่แรกแล้ว แค่ตนไม่วางใจจากถังถังที่เป็นผู้หญิงที่อยู่ในใจของเขา
ทำไมเธอไม่รู้ใจตัวเองตั้งแต่แรกนะ ลองที่จะครบกับฮ่อหยุนเฉิงให้เร็วกว่านี้ ?
และไม่ต้องรอให้ถึงตอนนี้ ตอนที่ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย
สถานการณ์ตอนนี้ของพวกเขา นั้นถือว่าแย่มาก
ซูฉิงที่ใช้สองแขนกอดฮ่อหยุนเฉิงแน่น แล้วก็รวบรวมความกล้ามองลงไปทางด้านล่าง
ด้านล่างเป็นสีขาว มองไม่ชัดว่าเป็นพื้นดินหรือว่าเป็นท้องทะเล
“ฮ่อหยุนเฉิง เราจะทำยังไงต่อดี”ซูฉิงเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
ฮ่อหยุนเฉิงกอดซูฉิงแน่น เหมือนกับกำลังเฝ้ารักษาสิ่งของล้ำค่าที่สุดในชีวิต มองซูฉิงด้วยสายตาอ่อนโยน”ไม่ต้องกลัวนะ มันต้องมีวิธีสิ”
“อืม “ซูฉิงพยักหน้า เบาๆ
ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ถูกปกป้อง
ใช่แล้ว ขอแค่ได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าอะไรเธอก็ไม่กลัวแล้ว
ร่มที่ค่อยๆ ลอยไปด้านล่าง ทั้งสองคนก็มองเห็นพื้นด้านล่าง
เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าพื้นด้านล่างของพวกเขาเป็นท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
ซูฉิงที่กำลังมองลงไปที่ท้องทะเลก็ตากระตุก
แย่แล้ว
ธรรมชาติอันกว้างใหญ่อยู่ตรงหน้า พลังของมนุษย์นั้นดูน้อยมาก
“ฮ่อหยุนเฉิง ด้านล่างเป็นทะเล “ซูฉิงคิ้วขมวดเป็นปม แล้วเอ่ยต่อ”ในท้องทะเล ไม่มีอาหารและน้ำจืดให้พวกได้พยุงชีวิตไปต่ออีกสองวัน จะทำยังไงดี”
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด”ในกระเป๋าฉันมีอาการและน้ำจืด น่าจะพอให้รอจนกว่าจะมีเรือผ่านมาได้”
ก่อนที่จะกระโดดร่มลงมา เขาได้เตรียมการไว้แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเขาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดู ไม่มีสัญญาณ
“เป็นไงบ้าง”ซูฉิงก้มมองดูโทรศัพท์ของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงหน้านิ่งขรึมส่ายหน้า”ไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ”
ฮ่อหยุนเฉิงลองส่งโลเคชั่นให้กับหลินเหยียนเฟิง แต่ว่าก็ส่งไปไม่ได้
ในคณะที่คิดอยู่นั้น
แววตาของซูฉิงก็เผยความผิดหวังออกมา
ฮ่อหยุนเฉิงเก็บโทรศัพท์กลับเข้าถุงกางเกงแล้วจับมือของซูฉิง เพิ่มแรงบีบมากกว่าปกติ”ไม่ว่ายังไงก็ตาม ขอแค่พวกเราอยู่ด้วยกัน จะต้องไม่เป็นไร”
น้ำเสียงอบอุ่นของฮ่อหยุนเฉิงที่ดังขึ้น เหมือนเขากำลังพยายามส่งพลังให้เธอไม่หยุด
ตอนนี้ซูฉิงคิดอะไรไม่ออกเลย”ฉันมีวิธี”
“หืม”ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกแปลกใจ
ซูฉิงปลดสร้อยที่เธอสวมออกมาแล้ว นี่เป็นสร้อยที่คุณปู่ให้เป็นของขวัญวันเกิดกับเธอ
ตอนนั้น คุณปู่ยิ้มแล้วพูดกับเธอว่า”ฉิงฉิง สร้อยเส้นนี้ปู่สั่งทำให้เธอโดยเฉพาะ อย่าเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่สร้อยธรรมดานะ แต่มันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลย”
ซูฉิงรับสร้อยมาอย่างไม่เข้าใจ แล้วถามอย่างอยากรู้ว่า”ใช้ทำอะไรได้บ้าง”
คุณปู่ซูชี้ไปตรงจี้ของสร้อย ยิ้มตาหยีแล้วพูด”เห็นตรงดอกเหมยมั้ย”
“ค่ะ “ซูฉิงมองไปที่จี้ดอกเหมยที่นูนขึ้นมา ก็แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรพิเศษกัน
คุณปู่ซูเลยพูดอธิบายต่อ”นี่คือเครื่องส่งสัญญาณ ตัวดอกเหมยเป็นสวิตช์เปิดปิด ต่อไป ถ้าหากว่าใครรังแกเธอ ขอแค่เธอเปิดสวิตช์ ปู่ก็จะได้รับสัญญาณจากเธอ แล้วก็มาช่วยเธอ”
“สุดยอดจังเลยค่ะ”ซูฉิงสวมสร้อยอย่างมีความสุข แต่ไม่ได้คิดอะไร
เพราะว่า ในโลกใบนี้คนที่สามารถรังแกเธอได้ มีไม่กี่คนหรอก
หลายปีมานี้ ซูฉิงยังไม่เคยลองใช้มาก่อน
แต่ว่าในเมื่อคุณปู่พูดมาอย่างนี้ งั้นก็จะต้องใช้เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปให้เขาแล้วละ
แต่ไม่รู้ว่าในทะเลอย่างนี้ จะยังใช้ได้ผลมั้ย
สถานการณ์ในตอนนี้ ก็ต้องทำเท่าทีจะทำได้ก่อน
ซูฉิงอธิบายให้ฮ่อหยุนเฉิงฟัง”คุณปู่มอบให้ฉัน ท่านบอกว่าหากอยู่ในอันตราย สามารถใช้สิ่งนี้ขอความช่วยเหลือจากท่าน หวังว่ามันจะใช้ได้นะ”
“ลองดู “ฮ่อหยุนเฉิงก้มมองสร้อยที่อยู่ในมือของซูฉิงแล้วพูด
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
นิ้วมือขาวละเอียดของซูฉิงได้กดลงไปตรงใจกลางของจี้ดอกเหมย
ทันใดนั้น สร้อยธรรมดาก็เกิดเป็นแสงสีเขียวขึ้นมา ตอนแรกเป็นสีเขียวอ่อน จากนั้นก็เริ่มเป็นสีเข้มขึ้น แล้วก็เป็นสีเขียวเข้ม
“ที่แท้ก็สามารถเป็นเครื่องส่งสัญญาณ”ซูฉิงมองสร้อยที่อยู่ในมือที่กำลังเปลี่ยนสีเข้มขึ้นแล้วก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
ในขณะที่ดีใจอยู่นั้น เธอก็รู้สึกเป็นกังวล “ไม่รู้ว่าคุณปู่จะได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรามั้ย”