ตอนที่ 211 ฆ่าคนครั้งแรก

แม่สาวเข็มเงิน

กงจี้ฉวยโอกาสสังหารนักฆ่าคนสุดท้ายไปจนได้ เขามีเวลาหันไปมองสถานการณ์ตรงนั้น ทว่าเมื่อเห็นแล้วกลับทำให้เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ภาพที่เห็นคือเจียงป่าวชิงคุกเข่าอยู่บนพื้นพลางออกแรงชักดาบออกมาจากแผ่นหลังของนักฆ่าที่คิดจะฆ่าไป๋จีให้ตาย

เลือดสดกระเด็นมาเปื้อนร่างกายนาง นางช่วยคนมาตั้งมากมาย นี่เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน เจียงป่าวชิงมือสั่นเทา แต่นางรู้ว่าตัวเองไม่สามารถล้มลงและจะมามัวนั่งหวาดกลัวหัวหดในตอนนี้ไม่ได้

เจียงป่าวชิงลากดาบวิ่งไปทางกงจี้

กงจี้มองดูนางที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดอย่างหมดสภาพ นางกำลังวิ่งมาหาเขาโดยที่ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“กงจี้ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?” เจียงป่าวชิงถามอย่างแตกตื่น นางไม่สนใจเรียกเขาว่าคุณชายด้วยซ้ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่กงจี้เห็นว่าบนใบหน้าของสาวน้อยปะปนไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่านางไม่ได้เรียกเขาว่าคุณชายกง แต่เรียกชื่อของเขาโดยตรง

กงจี้เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย สุดท้ายเขาตำหนินาง “เจ้ากำลังก่อเรื่องรู้ตัวไหม ?!”

ดาบไม่มีตา ไม่คิดว่านางจะกล้าพุ่งออกมาทั้งแบบนี้ แล้วยังแทงนักฆ่าตายไปคนหนึ่งด้วย กงจี้ไม่รู้จะด่าว่านางใจกล้าบ้าบิ่นหรือไม่รู้จักกลัวตายดี

เจียงป่าวชิงไม่สนใจเขา นางออกแรงวิ่งไปตรงหน้าเขา แล้วมองนักฆ่าคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความประหม่าเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาตายแล้วจริง ๆ เสร็จแล้วนางถึงรู้สึกโล่งใจพลางโยนดาบไปทางอื่นก่อนจะโถมตัวลงไปข้างกงจี้เพื่อวัดชีพจรให้เขาด้วยมืออันสั่นเทา

ยังดี… ยังดีอยู่…

ถึงแม้ว่าสภาพชีพจรจะอ่อนแอ แต่ไม่ได้มีความเสี่ยงต่อชีวิต

เจียงป่าวชิงน้ำตาคลอเบ้า นางมองบาดแผลต่าง ๆ บนร่างกงจี้ บาดแผลที่หนักที่สุดคือบาดแผลตรงบริเวณไหล่ เสร็จแล้วนางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ข้าจะห้ามเลือดให้เจ้าก่อน เจ้าไม่ต้องห่วง ทักษะด้านการรักษาโรคของข้าล้ำเลิศ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเป็นอะไร ไม่อย่างแน่นอน… อื้ม ใช่ จะไม่ทำให้เจ้าเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงพูดติดต่อกันถึงสามครั้ง นางพูดไปด้วย มือที่สั่นเทาของนางก็คลำเข็มเงินบนข้อมือด้วยเช่นกัน

เมื่อสักครู่ ก่อนที่จะพุ่งออกมา มือนางสั่นแรงมาก ถึงแม้การใช้เข็มเงินจะปลอดภัยกว่าในการควบคุมศัตรู แต่นางกลัวว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นจึงกัดฟันกำดาบทั้งสองมือ พุ่งร่างออกมาจากในป่าและแทงนักฆ่าคนที่คิดซ้ำเติมไป๋จีให้ตายโดยตรง

ทว่ากงจี้กลับยื่นมือออกมาอย่างยากลำบากเพื่อห้ามเจียงป่าวชิง “ไม่ ๆ ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าไปดูไป๋จีก่อนดีกว่า ไปสิ”

มือของเจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย นางกัดฟันแล้วพยักหน้า ไม่รอช้าพุ่งตัวไปหาร่างไป๋จีอีกครั้ง

ไป๋จีนอนอยู่บนพื้นในสภาพที่ไม่รู้ถึงความเป็นความตาย เจียงป่าวชิงรีบตรวจอาการให้เขาและพบว่าบาดแผลของเขาสภาพสาหัสกว่ากงจี้มาก ตรงท้องน้อยเขาถูกแทงทำให้เสียเลือดมากเกินไป สภาพชีพจรก็อ่อนแอเต็มที

เจียงป่าวชิงตั้งใจจะรีบใช้เข็มเงินห้ามเลือดให้ไป๋จีก่อน นางอาศัยแสงจันทร์เพื่อไปหาสมุนไพร เด็ดมาเคี้ยวอย่างลวก ๆ นำไปทาบนบาดแผลให้ไป๋จี และเมื่อทำทุกอย่างเสร็จก็กลับไปหากงจี้อีกครั้ง

แม้จะอยู่ภายใต้แสงจันทร์แต่ก็ยังเห็นใบหน้าของกงจี้ เขาเสียเลือดไปมาก ใบหน้าเขาจึงขาวซีดเหมือนคนตายไม่มีผิด

น่าเวทนาจริง ๆ เจียงป่าวชิงแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว นางก้มหน้าลงเพราะไม่อยากให้เขาสังเกตเห็นอาการที่จะแสดงออกถึงความคิดของนาง ในขณะเดียวกันก็นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างและช่วยห้ามเลือดให้เขา

เสียงของกงจี้ค่อนข้างเบา “เจ้าร้องไห้ทำไม ? ตอนนั้นข้าก็แทงเจ้าด้วยมีดสั้นไม่ใช่รึ ?”

“ข้าไม่ได้ร้อง” เสียงของเจียงป่าวชิงค่อนข้างแหบทีเดียว นางพยายามทำให้มือของตัวเองไม่สั่นในตอนที่กำลังฝังเข็มสมุนไพรเพื่อห้ามเลือดให้กับเขา

กงจี้หัวเราะเบา ๆ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงตาราวกับกำลังดูพระจันทร์ แต่บางมุมก็เหมือนไม่ได้มองอะไร

“หลายปีมานี้พวกเขายังคงกลัวว่าข้าจะมีโอกาสมีชีวิตที่ดี” น้ำเสียงของกงจี้เจือความเยาะหยันเต็มที่ “แต่ข้าจะมีชีวิตต่อไป และเอาทุกอย่างที่เป็นของของข้ากลับคืนมา!”

เจียงป่าวชิงอยู่กับกงจี้มาครึ่งปีกว่า แม้น้อยครั้งมากที่นางจะได้ยินกงจี้พูดถึงอะไรแบบนี้ แต่ในคำพูดไม่กี่คำนั้น สามารถเดาได้อย่างราง ๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้าคิดว่าพวกเจ้าต้องไม่เป็นอะไร” เจียงป่าวชิงปลอบเสียงเบา

นางเองก็รู้ว่าการปลอบแบบนี้ไร้พลังมาก แต่ในเวลาแบบนี้จะให้ทำอะไรได้

เมื่อสักครู่ นางเห็นศพหลายศพในระหว่างทางที่มาที่นี่ หนึ่งในนั้นคือ สงเชิน ที่กงจี้เคยส่งให้เขามาเป็นองครักษ์คุ้มครองนางเมื่อตอนอยู่จังหวัดหยูเฟิง ส่วนอีกหนึ่งศพคือคนบังคับรถม้าที่นางไม่เห็นเขาตรงที่เดิมที่ได้นัดแนะกันไว้

คนที่เคยเจอกันมาก่อน คนที่เคยมีชีวิตมีลมหายใจ กลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ได้สติและกลายเป็นศพไปแล้ว ในชีวิตของเจียงป่าวชิงไม่เคยสัมผัสกับกลิ่นคาวเลือดมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย ถึงนางจะมีจิตใจเข้มแข็งมากเพียงไร ก็พ่ายแพ้ให้กับความรู้สึกหนาวไปทั้งตัว

“เจียงป่าวชิง” จู่ ๆ กงจี้ก็เรียกชื่อนาง

เจียงป่าวชิงเงยหน้าขึ้น เห็นกงจี้ยกมือมาแนบกับใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา ร่างนางพลันแข็งทื่อทันที

กงจี้ลูบใบหน้าของเจียงป่าวชิงเบา ๆ “เจ้ากลัวหรือเปล่า ? วันนี้มีคนตายมากมาย มีทั้งคนที่เจ้ารู้จักและไม่รู้จัก”

มือของกงจี้เย็นเฉียบ แต่ไม่รู้ทำไมเจียงป่าวชิงกลับรับรู้ถึงความอบอุ่น นางค่อย ๆ เอียงใบหน้าลงไปบนมือของกงจี้แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ถ้าข้าบอกว่าไม่กลัวก็คงไม่จริง… วันนี้มีศพมากมาย แต่ศพในชุดทำงานเวลากลางคืนเยอะกว่าองครักษ์ของเจ้ามาก ดูก็รู้ว่าองครักษ์ของเจ้าต่างพยายามเต็มที่กับการต่อสู้กันอย่างนองเลือด ทีพวกเจ้ายังไม่กลัว แล้วข้าจะกลัวทำไม ? จริงไหม ?”

เพราะวิ่งมาตลอดทาง ใบหน้าของเจียงป่าวชิงจึงมีแผลกิ่งไม้ขูดขีดมากมาย กงจี้ลูบอย่างช้า ๆ จนเจียงป่าวชิงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่นางไม่ได้พูดอะไร

กลับเป็นกงจี้ที่สังเกตเห็นว่านางตัวสั่นเสียก่อน เขาจึงหยุดมือ “เจ็บไหม ?”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้า

หากเทียบกับบาดแผลที่ถูกดาบแทงทั้งตัวของกงจี้แล้ว แผลของนางถือว่าเล็กน้อย

กงจี้เก็บมือกลับมา ผ่านไปสักครู่เขาถึงจะพูดขึ้น “เจียงป่าวชิง เรื่องของข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าทำแบบนี้มันคุ้มค่าแล้วหรือ ?”

“พอเถอะ ตอนทำข้าไม่ได้ใช้สมองอะไรหรอก แต่ก็ทำลงไปแล้วหนิ เจ้ายังจะมาถามให้มันได้อะไรขึ้นมาอีก ?”

ยามราตรีมีน้ำค้างค่อนข้างมาก เจียงป่าวชิงถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วนำไปคลุมให้กงจี้ “เอาล่ะ เราต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ข้าจะไปในหมู่บ้านเพื่อเรียกให้คนมาช่วย เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันนะ”

เจียงป่าวชิงตระหนักรู้ว่าไม่สามารถให้คนบาดเจ็บสาหัสอย่างกงจี้หรือไป๋จีอยู่ในป่าตลอดทั้งคืนได้

ทว่ากงจี้ห้ามนางไว้ “ไม่ต้อง ก่อนหน้านี้ข้าสั่งคนส่งข้อความไปแล้ว คิดว่ากำลังเสริมคงมาถึงในไม่ช้า”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าด้วยสีหน้าลังเลใจอยู่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

กงจี้มองเจียงป่าวชิงอย่างครุ่นคิด “เจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ”

เจียงป่าวชิงจึงพูดขึ้น “เอ่อ… ช่วงระยะเวลานี้ การเข้าออกบ้านของเจ้าก็มีไป๋จีคอยระมัดระวังและเตรียมพร้อมในการจัดเตรียมสถานที่ให้เจ้าเสมอ แต่ทำไมถึงถูกศัตรูหาเจอได้ล่ะ ?”

กงจี้หัวเราะเยาะหยัน “เหอะ ๆ ก็เพราะมีหนอนบ่อนไส้น่ะสิ” แต่เขาไม่ยอมพูดถึงอย่างอื่นอีก

เจียงป่าวชิงกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบกันสักพัก กำลังทหารของกำลังเสริมก็มาถึง เจียงป่าวชิงลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซและกำลังจะจากไป

กงจี้เห็นก็รีบเรียกนางไว้ “เดี๋ยว! นั่นเจ้าจะไปไหน ?”

เจียงป่าวชิงตอบเขา “ข้าจะไปตามหาพี่ชายข้ากับฟ๋านฟ๋าน”

เป้าหมายของนักฆ่าคือกงจี้ ศพตลอดทางนี้ไม่มีศพพี่หยุนชานกับฟ๋านฟ๋าน นางคิดว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร

ต้องไม่เป็นอะไรสิ พวกเขาต้องไม่เป็นอะไร!

กงจี้กลับเอ่ยขึ้น “ตอนที่เกิดเรื่อง ข้าสั่งให้ฝูฉูไปบอกพี่ชายของเจ้าเพื่อให้พาเด็กคนนั้นไปหลบที่วัดทรุดโทรมบนภูเขาแล้ว มีองครักษ์สองคนคอยดูแลอยู่ที่นั่น พวกเขาไม่เป็นไรหรอก”

เจียงป่าวชิงหันกลับมามองกงจี้ทันที

กงจี้ก้มหน้า “พวกคนชุดดำพวกนั้นมุ่งเป้ามาหาข้า ถ้าพี่ชายของเจ้ากับทารกนั่นอยู่ที่นี่ก็จะมีอีกสองชีวิตที่ต้องตายเปล่า”

ในตอนนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสถานการณ์คับขันมาก ถ้าหากว่าเจียงหยุนชานเป็นอะไรไปเพราะโดนหางเลขมีเอี่ยวเกี่ยวข้องกับเขา เขากลัวว่าชาตินี้เจียงป่าวชิงคงจะไม่ยอมมองหน้าเขาอีก